คำนูณถึงอึ้ง! เทคนิกเล่นแร่แปรธาตุของรัฐบาลในการหาเงินแจกหมื่น

03 เม.ย.2567 - นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “หน้าชากับทางออกใหม่แจกเงินหมื่น !” ระบุว่า ไม่ต้องถึงวันฤกษ์ดี 10 เมษายน 2567 ก็พอรู้แล้วว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแจกเงินหัวละ 10,000 บาทรวม 5 แสนล้านบาทจะไปหนใด เมื่อคณะรัฐมนตรีลงมติอนุมัติแผนการคลังระยะปานกลางปี 2668 - 2571 ฉบับทบทวนตามที่คณะกรรมการวินัยการเงินการคลังเสนอ

สาระสำคัญคือให้งบประมาณรายจ่ายปี 2568 เป็นงบประมาณขาดดุล 8.65 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 1.572 แสนล้านบาท หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้มีมติให้สำนักงบประมาณนำร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ไปปรับแก้มาใหม่ ทำให้รู้ได้ชัดแล้วว่าร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายปี 2568 ที่สำนักงบประมาณจะเสนอกลับมายังคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้าวันที่ 9 เมษายน 2567 และจะเข้าพิจารณาในสภาผู้แจะแทนราษฎรวาระแรกในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2567 จะมีตัวเลขที่ 3.75 ล้านล้านบาท ขาดดุลพุ่งขึ้นไปสูงถึง 8.65 แสนล้านบาท

แปลความว่าต้องกู้มาปิดหีบงบประมาณทั้งหมดตามยอด 8.65 แสนล้านบาทนี้ เพียงแต่เป็นการกู้เงินในงบประมาณตามปกติ กู้มาแล้งก็ส่งคลัง ไม่ใช่ออกกฎหมายพิเศษกู้เงินมาใช้ตามโครงการโดยเฉพาะ

เป็นอันว่ารัฐบาลเลิกคิดใช้ “เงินนอกประมาณ” โดยการออกกฎหมายพิเศษกู้เงินทั้งก้อน 5 แสนล้านบาทแน่ !
โดยจะหันกลับมาใช้ “เงินในงบประมาณ” จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 เป็นหลัก แต่คงไม่พอ
เพราะน่าจะได้รวมกันราว ๆ 3 - 3.5 แสนล้านบาท !

ที่ขาดอีกราว 1.5 - 2 แสนล้านบาท ยังมีคำถามว่าจะใช้วิธีออกกฎหมายพิเศษกู้เงินมาสมทบ หรือจะใช้จากงบประมาณปี 2567 คาดว่ารัฐบาลคงไม่ใช้วิธีการออกกฎหมายพิเศษกู้เงินมาสมทบ แต่คาดว่าจะผสมผสานกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ผ่านสภาไปแล้ว โดยแปลงมาจาก “งบกลาง” ! หรือจากส่วนอื่น ๆ อีก

ถ้าเป็นจริงตามคาดนี้ ย้ำนะครับว่าถ้า ส่วนที่จะมาผสมผสานจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ประมาณ 1.5 - 2 แสนล้านบาทนี่แหละครับที่น่าพิจารณา !

โดยส่วนตัวผมเองนั้นมีจุดยืนชัดเจนมาตลอดว่าไม่สนับสนุนการจัดทำโครงการแบบออกกฎหมายพิเศษกู้เงินแล้วใช้เงินกู้นั้นไปในโครงการเลยโดยไม่ส่งคลังตามปกติ คัดค้านมาตั้งแต่ยุคไทยเข้มแข็ง 2552 โครงสร้างพื้นฐาน 2555 - 2556 มาจนดิจิทัลวอลเล็ตภาคก่อนหน้านี้ที่คิดจะออกกฎหมายพิเศษกู้เงินนอกงบประมาณ พูดง่าย ๆ ว่าไม่เห็นด้วยกับ “วิธีการ” เป็นหลักเป็นสำคัญ ในขณะที่ส่วน “ตัวโครงการ” นั้นผมไม่ค่อยได้แสดงความเห็นนัก ไม่ใช่ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ผมเห็นว่าเป็นประเด็นรองและมีผู้รู้ผู้สนใจให้ความเห็นกันมากแล้วในแทบทุกแง่ทุกมุม

หนึ่งในเหตุผลอันเป็นหลักการสำคัญที่ผมเชื่อเช่นนั้นก็คือหากเป็นเงินในงบประมาณ บรรจุอยู่ในร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี เงินทุกบาททุกสตางค์ต้องผ่านการพิจารณาตัดสินจากรัฐสภา ถูกต้องตรงตามหลักการแล้ว เพราะฉะนั้น ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ไม่มีปัญหาในเรื่องวิธีการ เพราะจะต้องพิจารณากันในรัฐสภา ตรงข้ามกับในส่วนของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 สมาชิกรัฐสภาจากทั้ง 2 สภาไม่ได้พูดไม่ได้ถามไม่ได้อภิปรายและไม่ได้พิจารณาโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเลยแม้แต่น้อย ก็เพราะมันไม่มีอยู่ในร่างกฎหมายน่ะสิ ไม่มีชื่อโครงการอยู่ในเอกสารทั้ง 2 ลังที่พวกเราได้รับ

ถามว่ารัฐบาลหรือฝ่ายบริหารมีอำนาจแปลงงบประมาณที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากรัฐสภามาใช้แตกต่างออกไปได้มั้ย ตอบได้กว้าง ๆ ว่าทำได้ และโดยหลักการก็ต้องอนุญาตให้ทำได้ เพราะรัฐบาลอยู่กับสถานการณ์ที่เป็นจริง ต้องให้เครื่องมือเพื่อนำพาประเทศได้ฝ่าฟันนานาปัญหาที่อาจเกิดโดยไม่คาดคิดได้ ทั้งนี้ ก็ต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด แต่ก็นั่นแหละ rule (รูล)ในหลายกรณีก็กลายเป็น roo (รู) ได้

ในฐานะคนที่เป็นสมาชิกวุฒิสภาและได้ยกมืออนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 มาหมาด ๆ ถ้าหนทางของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นไปตามนี้มันก็อด “หน้าชา” ขึ้นมาเล็ก ๆ ไม่ได้ รู้สึกประมาณเหมือนถูก “ตบหน้า“ เบา ๆ น่ะ จะใช้เวทีวุฒิสภาถกแถลงตรวจสอบใด ๆ ก็ไม่ถนัด เพราะกว่าจะถึง 10 เมษายน 2567 ที่คาดว่ารัฐบาลจะแถลงให้ชัดเจนขึ้น ก็อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมเสียแล้ว

จริง ๆ ถ้ารัฐบาลจะไม่หลงทางเฉไปทางคิดแต่จะออกกฎหมายพิเศษกู้เงินนอกงบประมาณมาใช้ทั้งก้อน 5 แสนล้านบาทมิใยที่ใครจะชี้ให้เห็นว่ามันไปยากเพราะขัดกฎหมายวินัยการเงินการคลังมาตรา 53 แล้วตั้งยอดมาในร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ตั้งแต่ต้นสัก 1.5 - 2 แสนล้านบาทเพื่อไปรวมกับอีกส่วนหนึ่งที่จะไปตั้งไว้ในร่างกฎหมายงบประมาณนายจ่ายประจำปี 2568 แล้วแถลงตรงไปตรงมาเสียก็สิ้นเรื่อง นายกรัฐมนตรีก็เป็นประธานกรรมการวินัยการเงินการคลังอยู่ จะปรับแก้แผนอย่างไรให้สอดคล้องกับนโยายก็สามารถทำได้ ดังเช่นที่ทำอยู่วันสองวันนี้ เพื่อให้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ขาดดุลเพิ่มขึ้น เพื่อเอาเงินมาใช้ในโครงการโดยอธิบายต่อรัฐสภาให้ชัดเจน แต่ก็ดื้อไง แข็งขันว่าจะออกกฎหมายพิเศษกู้เงินทั้งก้อน 5 แสนล้านบาท สุดท้ายก็ดื้อได้ไม่ตลอด ก็เจอทั้งความเห็นกฤษฎีกา รายงาน ป.ป.ช. รายงานสตง.

วีระ ธีรภัทร หรือ “อาจารย์วีระ” นักจัดรายการผู้เป็นกูรูทางเศรษฐกิจรุ่นน้องสวนกุหลาบของผมเคยกล่าวไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 ประมาณว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนี้ทริคกี้ (Tricky) นิด ๆ เซ็กซี่ (Sexy) โรแมนติก (Romantic) เป็นบ่อเกิดการโต้แย้ง (Controversial) และแฝงเร้นความสุ่มเสี่ยงหรือเสี่ยงภัย (Adventurism) ก่อนท่านจะตบท้ายว่านิสัยหรือจริตของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จริงแฮะ !

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สว.ปฏิมา กังวลกระบวนการยุติธรรมไทยกำลังถูกสั่นคลอนหนัก!

นายปฏิมา จีระแพทย์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ปัจจุบันนี้ เราต่างทราบดีว่า การรักษาความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศคื

กกต. ยื้อ 'หมอเกศ' เลื่อนถกคุณสมบัติจบดอกเตอร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (กกต.) ยังไม่ได้มีการพิจารณารายงานผลการตรวจสอบกรณีพ.ญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย  สมาชิกวุฒิสภา (สว.)​ ถูกร้องว่ากระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณ

กระจ่าง! ดร.ณัฏฐ์ นักกฎหมายมหาชน ชี้กรณีคุณสมบัติ 'สว.หมอเกศ'

“ดร.ณัฏฐ์” นักกฎหมายมหาชน ชี้ กรณี สว.หมอเกศ ปริญญาเอกและตำแหน่งศาสตราจารย์ หากไม่จริง เป็นการโชว์เหนือ หลอกลวงเพื่อจูงใจให้ผู้สมัคร สว.ด้วยกัน เข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถของตนเอง

'สว.ชิบ' เค้นรัฐบาล! ใครสั่งโยกคดี 'ดิไอคอน' ให้ดีเอสไอ หวั่นบอสรอดคุก

'สว.ชิบ' ตั้งกระทู้ถามนายกฯ ข้องใจคำสั่งจากใคร ทำให้รัฐบาลโยกคดี 'ดิ ไอคอน' ใส่มือดีเอสไอ หวั่นสรุปคดีไม่ทันเวลา เปิดโอกาสบรรดา 'บอส' รอดคุก

'ศิริกัญญา' กดดันเพื่อไทยอย่าเสียชื่อบริหารเศรษฐกิจไม่ดี ชี้มีแต่โครงการเดิมๆ

'ศิริกัญญา' เห็นพ้องผลโพล หากเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นเหมือนที่โฆษณา อาจเป็นปัจจัย "ล้มรัฐบาลแพทองธาร' ได้ บอกยังไม่เห็นผลงานเป็นรูปธรรม ต้องอย่าให้เสียชื่อ 'เพื่อไทย'

ชวน 'นายกฯอิ๊งค์' ลงใต้ ฟังความทุกข์ทรมานจากปาก 'เหยื่อ-ครอบครัวผู้เสียชีวิต'

'อังคณา' ชี้รัฐบาลพท.-แพทองธาร ปฏิเสธความรับผิดชอบคดีตากใบไม่ได้ ชวนนายกฯ ลงใต้ ฟังความทุกข์ทรมานจากปากเหยื่อ-ครอบครัวผู้เสียชีวิต เตือนระวังคนรู้สึกไม่เป็นธรรม อาจเข้าร่วมขบวนการก่อเหตุ