เอาแล้ว ! เรืองไกร ร้อง ป.ป.ช. สอบ 4 สส. เพื่อไทย ยื่นบัญชีถูกต้องหรือไม่

24 มี.ค. 2567 – นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า หลังจากการเป็น กมธ.งปม. 2567 เสร็จสิ้นลง ก็กลับมาทำการตรวจสอบนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อไป โดยในวันนี้ เป็นกรณีขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ สส. เพื่อไทย 4 ราย ว่าได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและรายละเอียดประกอบ โดยถูกต้องครบถ้วน หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า สส. เพื่อไทยทั้ง 4 ราย เป็น สส.เขต 3 ราย และ สส.บัญชีรายขื่อ 1 ราย ที่ขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ ดังนี้

กรณีนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส. กรุงเทพ เขต 20 พรรคเพื่อไทย ซึ่งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและรายละเอียดประกอบที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ในส่วนรายได้ รายจ่าย ไม่พบการแจ้งว่ามีรายได้จากการหาเสียงหรือไม่ เท่าใด และไม่พบการแจ้งว่ามีรายจ่ายที่ใช้ในการหาเสียงหรือไม่ เท่าใด อีกทั้งไม่พบการแจ้งเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร ไว้ด้วย ทั้งที่มีการแจ้งเงินได้จากกงสีต่อ ป.ป.ช. ไว้ 900,000 บาทด้วย

กรณีนางสาวชนก จันทาทอง สส. หนองคาย เขต 2 พรรคเพื่อไทย ซึ่งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและรายละเอียดประกอบที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ในส่วนรายได้ รายจ่าย ไม่พบการแจ้งว่ามีรายได้จากการหาเสียงหรือไม่ เท่าใด และไม่พบการแจ้งว่ามีรายจ่ายที่ใช้ในการหาเสียงหรือไม่ เท่าใด แต่มีการแจ้งเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากรไว้ 1,362,720 บาทด้วย

กรณีนายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส. มหาสารคาม เขต 2 พรรคเพื่อไทย ซึ่งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและรายละเอียดประกอบที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ในส่วนรายได้ รายจ่าย ไม่พบการแจ้งว่ามีรายได้จากการหาเสียงหรือไม่ เท่าใด และไม่พบการแจ้งว่ามีรายจ่ายที่ใช้ในการหาเสียงหรือไม่ เท่าใด แต่มีการแจ้งเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากรไว้ 1,362,720 บาทด้วย

นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณี สส. ทั้ง 3 ราย จึงควรตรวจสอบยันยอดรายรับรายจ่ายที่ใช้ในการหาเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 กับ กกต. ว่ามีการแจ้งหรือไม่ เท่าใด ถ้ามีการแจ้งต่อ กกต. แล้ว เหตุใดจึงไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ในการยื่นบัญชีกรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2566 ด้วย รวมทั้งยอดภาษีเงินได้มีการแจ้งต่อ กกต. ด้วยหรือไม่ ถ้ามี เหตุใดบางรายจึงไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช. ด้วย

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า อีก 1 ราย คือ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย คือ กรณีของนายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ ซึ่งจากการตรวจสอบเปรียบเทียบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ซึ่งแสดงยอดทรัพย์สินรวมเฉพาะของนายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ ไว้ 12,517,463.66 บาท (แจ้งว่าคู่สมรสเสียชีวิตแล้ว) กับรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่งแล้วหนึ่งปี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2555 ซึ่งแสดงยอดทรัพย์สินรวมเฉพาะของนายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ ไว้ 38,176,656.09 บาท โดยมีข้อสังเกตที่ควรตรวจสอบ คือ ในการยื่นบัญชี ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2555 มีการยื่นรายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 253 หมู่ที่ 24 ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ตั้งอยู่บนโฉนดเลขที่ 23177 วันเดือนปีที่ได้มา 28 ม.ค. 53 มีการแจ้งมูลค่าไว้ที่ 10,000,000 บาท และในการยื่นบัญชี ณ วันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ก็ยังคงแจ้งรายรายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเดียวกัน ด้วยจำนวนเท่าเดิม คือ 10,000,000 บาท โดยไม่มีมูลค่าลดลงจากการเสื่อมราคาแต่อย่างใด ทั้งที่ระยะเวลาห่างกันกว่า 11 ปี กรณี จึงมีเหตุอันควรตรวจสอบว่า มีการแจ้งมูลค่ารายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ถูกต้องตามสภาพความเป็นจริงของทรัพย์สิน หรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวสรุปว่า ในวันนี้ ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึง ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบ สส. เพื่อไทย 4 ราย แล้ว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'มาริษ' แจงโอนหุ้นก่อนรับตำแหน่ง รมต.แล้ว หลังถูก 'เรืองไกร' ยื่นสอบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวั

‘อัลไพน์’ ยังไม่เงียบ กกต. เรียก เรืองไกร ตอกฝาโลง อังคารนี้

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ตามหนังสือที่ ลต 0020/3702 กกต. ได้เชิญไปให้ถ้อยคำตามคำร้อง 4 เรื่อง หนึ่งในนั้น คือ เรื่องร้องกรณีการถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด อยู่ด้วย

เรืองไกร ยกคำพูดนายกฯเรื่อง MOU 44 เข้าข่ายทำให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี

เรืองไกร อ้างคำพูดนายกฯ เรื่อง MOU 44 ร้อง กกต. สอบว่าจะเข้าข่ายทำให้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีเพราะกระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมข้อ 6 หรือไม่