'ชาญวิทย์-สุชาติ' ผิดคิว! รำลึกต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ขอศาลปล่อยตัว 'ตะวัน-แฟรงค์'

8 มี.ค.2567 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ความคืบหน้าการฝากขังครั้งที่ 3 น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ นายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ แฟรงค์ ต่อศาลอาญาในช่วงบ่าย

นายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ กล่าวว่า ภายหลังตำรวจยื่นฝากขังและทนายคัดค้านแล้วศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองคนในครั้งที่ 3 ต่อไป เนื่องจากว่ายังสอบปากคำไม่เสร็จ และศาลแจ้งว่าจะเร่งรัดการสอบสวนให้สอบสวนโดยไว รวมทั้งยังใช้สิทธิ์ประกันตัวได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้พ่อของน.ส.ทานตะวันจะยื่นหลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้ประกัน ดังนั้นจะต้องปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งวันนี้มีการไต่สวน นายณัฐนนท์ หรือแฟรงค์ ผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ส่วนน.ส.ทานตะวันไม่ได้มีการวีดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์มาจากรพ.ธรรมศาสตร์ แต่อย่างใด

ด้านนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี อายุ 78 ปี อดีตนักเขียนชื่อดังและศิลปินแห่งชาติ ที่มายื่นคำแถลงต่อศาล กล่าวว่า มาเพื่อจะให้ศาลเห็นว่า สิ่งที่คนหนุ่มสาวแสดงออกอยู่ในแนวทางสันติประชาชาธรรม การต่อสู้ของทั้งสองคนและอีกหลายคนสะท้อนให้เห็นถึงวิถีและวิธีของประชาธิปไตย การต่อสู้ของตะวันและแฟรงค์ นั้นในความรู้สึกของคนรุ่นเก่า มีความห่วงใยลูกหลาน และสิ่งที่กระทำนั้นถูกต้อง แต่ทราบว่าศาลอนุญาตให้ฝากขังต่อ โดยจะเร่งรัดการสอบสวน ตอนนี้ตะวันและแฟรงค์อดอาหารมาแล้ว 23 วัน คิดว่าอีก 12 วันในฝากขังผลัดที่สาม ก็ขอภาวนาให้ไม่เกิดเหตุเศร้า หรือโศกนาฏกรรม ซึ่งเป็นสิ่งไม่สมควร ที่มาวันนี้ก็เพื่อขอความเมตตาจากศาล และรู้สึกเสียใจมากที่ศาลให้ฝากขังครั้งที่สาม ตนเองและอาจารย์ชาญวิทย์ ไม่มีอะไรที่จะทำได้มากกว่านี้ คิดว่าเรื่องนี้ประชาชนที่มีใจเป็นธรรมที่อยู่ภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกันทุกคนน่าจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นเลยหมายความว่าไม่ควรฝากขังต่อ เพราะทั้งสองคนไม่หลบหนีไปไหน

เมื่อถามว่าอาจารย์สนับสนุนการกระทำของตะวันและแฟรงค์หรือไม่

นายสุชาติ กล่าวว่าทั้งตะวันและแฟรงค์เท่าที่ตนรับทราบจากข่าว เขามีปากเสียงกับตำรวจจาราจร ที่มีการบีบแตรเพราะจะรีบไปมีธุระ การพูดจาลักษณะที่มีอารมณ์กันบ้าง ไม่ใช่เรื่องจะไปขัดขวางขบวนเสด็จ หรือบีบแตรไล่ขบวนเสด็จ ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ ส่วนการไต่สวนของตำรวจที่บอกว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จนั้นเพียง 2 ผลัดก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว และศาลน่าจะมีความเป็นธรรมและเข้าใจว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนไม่ได้มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง หรือจะหลบหนี

“คิดว่าเขาคงไม่ทราบว่าข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น หรือมีขบวนเสด็จ สิ่งที่เรารับทราบโดยทั่วไปก็คือว่ามีปัญหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเอารถมาขวางกั้น เชื่อว่าคงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น” นายสุชาติกล่าว

จากนั้นนายสุชาติได้อ่านคำแถลงว่า ตนเป็นอดีตนักศึกษาเก่าของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เติบโตมาในสมัยของเผด็จการถนอม-ประภาส ตลอดชีวิตที่ผ่านมาได้รับรู้และรับทราบรสชาติของการที่ประชาชนจะต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้เผด็จการเป็นอย่างดี รู้รสชาติของสภาวะที่อำนาจตุลาการตกอยู่ภายใต้การสั่งการของเผด็จการ รู้รสชาติของการถูกถอดถอนตำแหน่งศิลปินแห่งชาติจากการมีความเห็นที่ไม่ตรงกับรัฐ เชื่อว่าเด็กทั้งสองคนในคดีนี้ ไม่ควรได้รับสิ่งที่เคยได้รับรู้รับทราบ ไม่สมควรต้องได้รับรู้รสชาติเช่นตอนที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ซึ่งเห็นว่าไม่เคยได้รับโอกาสในการโต้แย้งใดๆ เมื่อเวลาผ่านมาตนเติบโตมีปริทัศน์ขึ้น อยากให้เด็กได้รับโอกาสนั้นและได้รับโอกาสที่จะถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เชื่อว่าเป็นหลักการทางกฎหมาย

ขอเรียนต่อศาลที่เคารพต่อไปว่า แม้จะรับรู้รสชาติของภาวะที่อำนาจตุลาการตกอยู่ภายในการสั่งการของเผด็จการแต่เชื่อว่าตุลาการในยุคใหม่ไม่ใช่เช่นนั้น เชื่อมั่นว่าตุลาการเป็นอิสระได้ สุดท้ายนี้เชื่อว่าการไม่รับฝากขังและปล่อยตัวชั่วคราวเด็กกลับไปสู่พ่อแม่ของเขา จะไม่ทำให้ประเทศไทยในพุทธศักราช 2567 ล่มจมล่มสลายแต่ประการใด

จึงขอให้ท่านไม่รับฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองนี้ต่อไป และหากมีการรับฝากขังจองจำผู้ต้องหาทั้งสองนี้ไว้ ก็ขอให้ผู้พิพากษาซึ่งเป็นผู้พิจารณาปล่อยชั่วคราว พิจารณาให้ปล่อยชั่วคราวเยาวชนทั้งสองและเป็นหลักประกันความยุติธรรมให้ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายด้วย

ด้าน ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อายุ 83 ปี ได้แถลงเป็นเอกสารว่า เคยเห็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาหลายยุคหลายสมัย เห็นความโหดร้ายในการปราบปรามประชาชนในการสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันเกิดขึ้นจากการที่มีผู้คนอ้างความเชื่อที่ถูกปลุกปั่นยุยงให้เข้าประหัตประหารเยาวชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สร้างขึ้นโดยมีเจตนารมณ์ว่าบ้านเมืองต้องมีกฎหมายเป็นหลักผู้คนต้องเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย อันเป็นเจตนารมณ์ของนายปรีดี พนมยงค์ บรรพตุลาการและรัฐบุรุษของพวกเราทั้งหลาย เพื่อให้การปกครองบ้านเมืองนั้น ใช้การปกครองในระบบกฎหมายเท่านั้นโดยปราศจากอคติทั้งปวง เมื่อเด็กทั้งสองคนนี้ยังคงเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา จึงต้องใช้หลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเขาทั้งสองเป็นผู้บริสุทธิ์ และต้องใช้หลักการความเป็นธรรมทางกฎหมายทั้งปวงที่มีอยู่ในมือ เพื่อใช้ดำรงหลักการและคุ้มครองบ้านเมืองให้สงบสุขต่อไป

จึงขอให้พิจารณาไม่รับฝากขังเยาวชนทั้งสองตามคำขอของตำรวจและให้ปล่อยชั่วคราวไปตลอดเวลาในการพิจารณาคดีจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชาญวิทย์' ชี้เปรี้ยง ชาตินิยมเป็นลัทธิประหลาด ปลุกระดมง่ายถ้าคนรู้ไม่เท่าทัน แต่ปลุกยากถ้าคนฉลาด

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ชาตินิยม เป็นลัทธิประหลาด ปลุกขึ้นถ้าประชาชนรู้ไม่เท่าทัน แต่ปลุกยากถ้าทำซ้ำๆ

คอตกนอนเรือนจำ! ฝากขัง 'อ๊อด ตี่ลี่ฮวงจุ้ย' ไม่ยื่นขอประกันตัว

พนักงานสอบสวน กองกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ได้นำตัวนายธนวันต์ จิรเจริญเวศน์ หรือ ตี่ลี่ฮวงจุ้ย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 5404/2567

คุมตัว 'ทนายตั้ม-เมีย' ฝากขังศาลอาญา คัดค้านประกันตัว

ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ทำการเบิกตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา มาสอบปากคำเพิ่มเติมเมื่อช่วงเช้า กระทั่งเวลา 13.30 น.พนักงานสอบสวน ได้นำตัว ทนายษิทรา พร้อมภรรยา ไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดา

ศาลอนุญาตฝากขัง รปภ.โหด แทงสาวใหญ่ดับ ไร้ประกันส่งตัวเข้าเรือนจำ

ที่ศาลอาญาตลิ่งชัน ถ.เลียบทางรถไฟ พนักงานสอบสวนสน.ธรรมศาลา ได้ยื่นคำร้อง ฝากขังครั้งแรก นายสมเดช พรานฟาน อายุ 56 ปี คดีอาญาหมายเลขดำที่ 9366 /2567 ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่น