วุ่นไม่เลิก!สืบพงษ์ฟ้องกลับ 2 ผู้บริหาร ม.รามคำแหง

'สืบพงษ์ ปราบใหญ่' อดีตอธิการบดีรามฯ ฟ้องกลับ 2 ผู้บริหาร ม.ราม เบิกความเท็จ-ฟ้องเท็จ กล่าวหาบุกรุก-เเสดงตนเป็นอธิการบดี ศาลนัดไต่สวน 1 ก.ค.

28 ก.พ.2567 - นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อายุ 52 ปี อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงและทนายความได้ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงและน.ส.ปภาศรี บัวสวรรค์ รักษาการรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ

กรณีเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2566 จำเลยทั้งสองได้ยื่นฟ้องโจทก์ต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นการฟ้องเท็จโดยกล่าวหาว่าโจทก์แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานหรืออธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเมื่อวันที่ 22 พ.ย.2566 ศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องและคดีถึงที่สุดไม่มีการอุทธรณ์หรือฎีกาแต่อย่างใด เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง แขวงหัวหมาก เขตหลักสี่ เขตบางกะปิ กทม.ต่อเนื่องกัน

ภายหลังยื่นฟ้องแล้ว ศาลอาญาได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่อ.609/2567 และนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ วันที่ 1 ก.ค.2567 เวลา 09.00 น.

นายสืบพงษ์ กล่าวว่า วันนี้มายื่นฟ้องบุคคลที่เคยไปยื่นฟ้องตนเองต่อศาลแขวงพระนครเหนือ จำนวน 2 คนในความผิดฐานฟ้องเท็จ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเองถูกฟ้องไว้ที่ศาลแขวงพระนครเหนือว่า แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานหรืออธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทั้งที่ความจริงแล้วตนเองดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้รับการโปรดเกล้ามาตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.2564 แต่ต่อมาได้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งอธิการบดีด้วยเหตุผลหลายประการ และยังฟ้องข้อหาบุกรุกและใช้ลายเซ็นโดยไม่มีอำนาจ ในช่วงวันที่ 13 ก.พ.2566

นายสืบพงษ์ กล่าวยืนยันว่าได้ทำงานปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย กติกาของมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยไม่มีความคิดที่จะทำสิ่งไม่ดีให้กับองค์กร จึงไม่ทราบว่าทำไมจึงไปยื่นฟ้องตนเองที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ทั้งนี้ตนเองปฏิบัติงานในฐานะอธิการบดีในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้ที่จบการศึกษา เมื่อปี 2566 โดยได้รับการโปรดเกล้าเป็นอธิการบดี เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2564 ภายหลังทำงานได้ 3 เดือน ก็ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งอธิบการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ระหว่างนั้นก็มักจะมีหนังสือร้องเรียน บัตรสนเท่ห์ จากบุคคล องค์กรต่างๆที่ไม่มีตัวตน ซึ่งสภามหาวิทยาลัยนำมาเป็นเหตุผลข้ออ้างในการตรวจสอบคุณสมบัติ

เมื่อสอบถามถึงประเด็นที่ถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบคุณวุฒิปริญญาเอก นายสืบพงษ์ กล่าวว่า เรียนจบปริญญาเอก จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งปกติเรียนจบจากไหน รัฐบาลประเทศนั้นจะเป็นผู้รับรอง และมหาวิทยาลัยที่เรียนก็มีตัวตน การไปเรียนก็ต้องขอวีซ่าจากสถานฑูต เมื่อเรียนจบมาสมัครเข้าทำงานทางมหาวิทยาลัยก็ต้องเรียนตรวจสอบและตนเองก็ทำงานที่มหาลัยรามคำแหงเป็นเวลา 11 ปี กระทั่งมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาเมื่อตนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี ซึ่งทางสภามหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ตรวจสอบคุณสมบัติก่อนเสนอขึ้นโปรดเกล้า แต่หลังจากนั้นก็มีหนังสือเรื่องไม่รับรองคุณวุฒิปริญญาเอกจากทางคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือ ก.พ. ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ และทางกระทรวงการต่างประเทศก็ได้มีหนังสือชี้แจงแล้วแต่ไม่ทราบรายละเอียด

นายสืบพงษ์ กล่าวว่า ตำแหน่งอธิบการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้รับการโปรดเกล้า ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้รับการเลือกตั้งมาจากนักศึกษา บุคลากรทั้งสายสนับสนุนและสายอาจารย์ ซึ่งขณะนั้นมีผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง จำนวน 3 คน และตอนนั้นก็ได้ตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว

เมื่อสอบถามถึงประเด็นที่จะเปิดเผยข้อมูลการทุจริตหรือความไม่โปร่งใสในมหาวิทยาลัย นายสืบพงษ์ กล่าวว่า ตนและฝ่ายผู้บริหารเข้าใจไปเองและตั้งคำถามว่า เป็นเพราะเราไปขัดขวางการดำเนินการอะไรหรือเปล่า เรามารับตำแหน่งแล้วจะไม่ช่วยดูแลใครหรือเปล่า ก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะช่วงที่เข้ารับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงมีหลายประเด็น เช่น การเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศในมหาวิทยาลัยที่บอกว่าเป็นโครงการประหยัดพลังงานแต่ใช้งบประมาณไป 500 กว่าล้านบาท และเรื่องเงินของคณะบริหารธุรกิจที่หายไปจำนวนหลายล้านบาท และเราจะเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งไม่มั่นใจว่าประเด็นเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นเหตุจูงใจที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นหรือไม่

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ไอซ์ รักชนก' รอดศาลไม่เพิกถอนปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี 112

'ไอซ์ รักชนก' รอดศาลไม่เพิกถอนปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี 112 ระบุเป็นการแสดงความเห็นทั่วไป เเต่สั่งกำชับ ปฏิบัติตามเงื่อนไขเคร่งครัด

ศาลอาญาไม่ให้ประกัน 'เมีย-ลูกหมอบุญ' เกรงยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังศาลอ่านคำสั่งไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ที่น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี

ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง

ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท