27 ก.พ.2567- นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำนปช. โพสต์ จดหมายเปิดผนึกในนาม คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53) ถึงพรรคการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้ง (14 พ.ค. 2566) ในฐานะสมาชิกรัฐสภาและรัฐบาล
ผลการเลือกตั้ง 2566 ได้เปิดเผยถึงความต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เป็นสังคมแบบเสรีนิยมที่ก้าวหน้าและเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสากลโดยประชาชน จำนวน 25.401 ล้านคน จาก 39.5 ล้านคน ที่มาออกเสียงเลือกตั้ง คิดเป็น 64.28% ของผู้มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิ 75.71% ของประชากรไทยทั้งหมด
แม้ในที่สุดเราจะได้รัฐบาลผสมที่มีทั้งขั้วเสรีนิยมเดิม ร่วมกับขั้วอนุรักษ์นิยมที่เป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจจากการทำรัฐประหาร อย่างไรก็ตามคณะประชาชนผู้ต้องการความยุติธรรมที่ผ่านการต่อสู้ครั้งสำคัญในปี 2553 จนถึงเวลาปัจจุบัน ประสงค์ให้หน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ที่ก้าวหน้าของประชาชนได้เริ่มต้นอย่างแท้จริง จากพรรคการเมืองฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
จึงใคร่ทวงถามข้อเรียกร้องเดิม ที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านเวลานั้นก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ได้รับเรื่องและให้คำมั่นไว้เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่รัฐสภาและวันที่ 10 เมษายน 2566 ในงานรำลึก 13ปี เมษา-พฤษภา53
ในข้อเสนอต่อพรรคการเมืองฝ่ายค้านเวลานั้น เรามีข้อเสนอ 8 ข้อ เป็นข้อเสนอกรณีความยุติธรรมปี 2553 มี 3 ข้อเรียกร้องที่เรายังขอยืนยัน คือ
- ตั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนฝ่ายรัฐบาลที่มีอำนาจสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, ตัวแทนพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และตัวแทนฝ่ายผู้สูญเสีย, นักวิชาการ, นักสิทธิมนุษยชน, นักกฎหมาย เพื่อตรวจสอบคดีความกรณีปี 2553 ที่ถูกแช่แข็ง บิดเบือน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐไทยตามหลักนิติรัฐนิติธรรม รวมทั้งคดีความที่ปฏิบัติต่อเยาวชน/ประชาชนหลังปี 2563 เป็นต้นมา ให้เป็นไปตามกฎหมายที่ได้ลงนามหลักสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศขององค์การสหประชาชาติ เร่งรัดคดีความที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อประชาชนและยังค้างคาอยู่ที่หน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), กระทรวงยุติธรรม, อัยการ ฯลฯ
- แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พระธรรมนูญศาลทหาร, พระธรรมนูญศาลยุติธรรม, พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีที่ทหารและนักการเมืองทำความผิดทางอาญาต่อประชาชน ให้ขึ้นศาลพลเรือน ไม่ใช่ทหารขึ้นศาลทหาร นักการเมืองขึ้นศาลนักการเมือง ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ทำให้ทหารและนักการเมืองไม่ได้ถูกดำเนินคดีเฉกเช่นประชาชนทั่วไป
- ขอให้ลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณีเหตุการณ์ 2553 ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับมาตรา 6 ในรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์แต่ประการใด ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามที่อัยการศาล ICC ได้มาแจ้งไว้กับรัฐบาลเพื่อไทยเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2555
ส่วนข้อเสนออื่น ๆ อีก 5 ข้อ จะเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจแท้จริง และการทวงความยุติธรรมให้คนรุ่นใหม่ในสถานการณ์จากปี 2563 เป็นต้นมา ไปจนถึงสถานการณ์ในอนาคตของประเทศไทย
- ดำเนินการเพื่อแก้ไขให้ได้รัฐธรรมนูญของประชาชนให้ได้ระบอบประชาธิปไตยแท้จริง โดยการใช้ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั่วประเทศ ตามสัดส่วนประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่คำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค โดยคำนึงถึงสนธิสัญญาตามหลักสิทธิมนุษยชน สิทธิทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ สังคม ที่ได้ลงนามไว้ในสหประชาชาติ รวมทั้งสนธิสัญญากรุงโรมที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน ก็ควรให้สัตยาบันในอนาคตหลังจากแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว
- แก้ไขกฎหมายอื่น อันเป็นผลพวงการทำรัฐประหาร รวมทั้ง พ.ร.บ.องค์กรรัฐซ้อนรัฐ กอ.รมน. กฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 ที่กลายเป็นเครื่องมือจัดการผู้เห็นต่างทางการเมือง
- ดำเนินการเพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกองทัพ และองค์กรอิสระอย่างจริงจัง เพราะ 3 แหล่งนี้เป็นกระบวนการกลุ่มอภิชนที่ยึดครองประเทศไทย ยึดอำนาจจากประชาชน ไม่ยึดโยงกับประชาชน อำนาจกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นถึงปลาย อำนาจองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ล้วนต้องยึดโยงกับประชาชน รวมทั้งกองทัพ โครงสร้างการบริหารขององค์กรเหล่านี้ ต้องให้อำนาจประชาชนควบคุมได้ ไม่ใช่สมคบกันจัดการประชาชนผู้เห็นต่างทางการเมือง
- กระจายอำนาจบริหารจากส่วนกลางไปยังภูมิภาค แก้ปัญหาระบบอุปถัมภ์ เจ้าขุนมูลนาย และการคอรัปชั่นส่งนายใหญ่ตามลำดับ ให้ผู้บริหารผ่านการเลือกตั้งของประชาชนและถูกตรวจสอบได้ง่าย
- ให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด หรือมาจากประชาชนโดยอ้อม ผ่านการคัดสรรตามโควตาสส.ในรัฐสภาของพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งทั่วไป หรือมิฉะนั้นก็ไม่ต้องมีวุฒิสมาชิกเลย เพราะตราบเท่าที่องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง วุฒิสมาชิก ถูกแต่งตั้งจากรัฐทหารจารีต อำนาจประชาชนก็ถูกจัดการทำลาย ยุบพรรคการเมืองโดยง่าย จับกุมคุมขัง ลงโทษประชาชนผู้เห็นต่างเหมือนเช่นทุกวันนี้
อนึ่ง ใน 8 ข้อนี้ จะยึดโยงกับการได้รัฐธรรมนูญใหม่ของประชาชน ซึ่งจะต้องได้มาจากประชาชนใช้อำนาจโดยตรง
ดังนั้น การทวงความยุติธรรมให้ประชาชน 2553 จึงเกี่ยวข้องยึดโยงโดยตรงกับการได้รัฐธรรมนูญใหม่ที่ก้าวหน้าเท่านั้น และเราสนับสนุนการนิรโทษกรรมคดีความของผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการเรียกร้องทวงความยุติธรรมของประชาชนเพื่อการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิดกฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศตามหลักสิทธิมนุษยชน
ข้อเรียกร้องของเราในกรณีการปราบปรามประชาชนปี 2553 เป็นข้อเรียกร้องให้รัฐดำเนินการตามกฎหมายของประเทศและระหว่างประเทศที่เราลงนามไปแล้วในสหประชาชาติ จึงเป็นข้อเรียกร้องที่ชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศทั้งสิ้น และเพื่ออนาคตของประเทศจะได้ไม่มีการฆ่าประชาชนมือเปล่ากลางถนนครั้งแล้วครั้งเล่าอีกต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เอกนัฏ' เผย รทสช.ไม่ขัดแก้รธน. แม้ไม่มีนโยบาย แต่ขอห้ามแตะหมวด 1,2
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการพู
'ปชน.' ตีปี๊บ! 1 ปีฝ่ายค้านผลงานเพียบ เมินเรตติ้งร่วง โต้ฮั้ว พท.
'พรรคประชาชน' โวผลงานฝ่ายค้าน 1 ปี' เสนอกฎหมาย 84 ฉบับ ตั้งเป้าทำงานผสมผสานได้ทั้ง 'รุก-รับ' ปัดฮั้ว 'เพื่อไทย' เมินผลโพลคะแนนร่วง เปรียบ 'เตะบอล' ต้องรอจบ 90 นาที
ประธานวิปรัฐบาล โทษเงื่อนประชามติทำรธน.สะดุด
“วิสุทธิ์" รับ หากกมธ.ตกลงไม่ได้เงื่อนไขประชามติ 2 ชั้น เสี่ยงแก้รธน.ไม่ทัน ยันไม่ใช่ความรับผิดชอบทำสะดุด
'นายกฯอิ๊งค์' กุมขมับ เรียกพรรคร่วมสุมหัวปมร้อนโหมใส่รัฐบาล
“แพทองธาร” เรียกพรรคร่วมถก 2 ปมร้อน เกาะกูด เรียกร้องยกเลิกเอ็มโอยู 2544 - แก้รธน. ที่ทำเนียบฯพรุ่งนี้
สอน 'เพื่อไทย' หัดเอาอย่าง 'อภิสิทธิ์' นักการเมืองรักษาสัจวาจา
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เพื่อไทย ไม่นิรโทษ มาตรา 112 ไม่แคร์มวลชน แต่แคร์พรรคร่วม