ผบ.ทร.เผยถก คณะกรรมการศึกษาซื้อเรือดำน้ำ รอบสอง 14 ก.พ.วอน ทุกฝ่าย นำผลประโยชน์-ศักดิ์ประเทศ เป็นตัวตั้ง ร่วมหาทางออกที่เห็นพ้องต้องกัน ก่อนเสนอ ครม.
12 ก.พ.2567-ที่แผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ พลเรือเอกอะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าแก้ปัญหาเรือดำน้ำ หลังมีการประชุมคณะกรรมการศึกษาซื้อเรือดำน้ำครั้งแรกว่า ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด ทางคณะกรรมการฯท่านใดมีข้อเท็จจริงทั้งหมด และจะมีประชุมอีกครั้งในวันที่ 14 ก.พ. เพื่อให้ใครที่ยังมีข้อสงสัยในเรื่องใดได้ซักถามและขอให้เสนอความเห็นว่าเรือดำน้ำควรเดินหน้าในทิศทางใดเพื่อเสนอนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ถามว่าหนทางแก้ปัญหาเรือดำน้ำมีทิศทางอื่นหรือไม่ เช่น เป็นเรือติดเครื่องยนต์จีน หรือ เรือดำน้ำชาติอื่น พลเรือเอกอะดุง กล่าวว่า เปิดกว้างทุกหนทาง สุดแต่คณะกรรมการฯเสนอมา ซึ่งทุกหนทางเราจะมาคุยกันมีข้อดีข้อเสีย และข้อเสนอนั้นเป็นไปได้หรือไม่ แต่3ข้อ รมว.กลาโหม ได้ให้นโยบายไว้และจะเป็นปัจจัยกำหนดว่าเราจะเดินหน้าเรือดำน้ำอย่างไร คือ ให้ถามกองทัพเรือก่อนอยากเดินหน้าอย่างไร และดูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนถึงหนทางที่เลือกเป็นไปได้จริงหรือไม่
“ความต้องการกองทัพเรือ คือสิ่งที่ตนสานต่อนโยบายผู้บังคับบัญชา และความฝันทหาาเรือไทย รวมถึงยุทธศาสตร์กองทัพเรือที่กำหนดไว้ว่า ควรจะต้องมี แต่หากคณะกรรมการฯมีทางออกอื่นที่ดีกว่า เราน้อมรับรวมถึงน้อมรับการตัดสินของ ครม.ว่าเรื่องนี้ควรออกมาทิศทางใด”
เมื่อถามทางในคณะกรรมการมีฝ่ายการเมือง 3 คนหากความเห็นแตกต่างกัน จะหาข้อสรุปอย่างไร พลเรือเอกอะดุง กล่าวว่า การแก้ปัญหาอยากให้เป็นไปแนวทางการเห็นพ้องต้องกัน จะเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุด ในการประชุมกองทัพเรือจะพยายามชี้ให้เห็น ถ้าข้อตกลงเห็นพ้องต้องกันจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะเสนอรัฐบาล
ซักว่าได้คุยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหรือไม่ พลเรือเอกอะดุง กล่าวว่า ท่านมาครั้งแรก เรายินดีในคำถามของท่าน เราก็ตอบไป ท่านก็ตอบรับด้วยดี หวังว่าวันที่ 14 ก.พ.ทุกท่านจะนำผลประโยชน์ของประเทศมาเป็นตัวตั้ง ศักดิ์ศรีของประเทศมาวางไว้ตรงกลาง
เมื่อถามว่า หากเดินหน้าเรือดำน้ำจีนต่อ ต้องใช้เวลา 4 ปี ได้เตรียมรับมือการดูแลพื้นที่ทางทะเลอย่างไร พลเรือเอก อะดุง กล่าวว่า ตอนนี้เราเน้นเรือผิวน้ำ ส่วนเรือดำน้ำใช้เมื่อมีความขัดแย้ง วันปกติแค่ป้องปราม วันนี้เรือดำน้ำยังไม่มา ความขัดแย้งระหว่างประเทศยังไม่แสดงตัวชัดเจน กองทัพเรือยังรับมือไหวกับกาาป้องกันอธิปไตย การแสดงกำลัง การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลและการช่วยเหลือประชาชน เรายังปฏิบัติได้สมบูรณ์แบบ ส่วนเรือ ฟริเกต ซึ่งเป็นเรือผิวน้ำอยู่ในแผนการจัดซื้อคาดว่าใช้เวลาต่อเรือ 3 ปี จะมาเป็นเขี้ยวเล็บให้กองทัพเรือไทย และขอยืนยันจะทำหน้าที่รักษา เทิดทูลสถาบัน อธิปไตยทางทะเล ร่วมถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเลไม่ให้ใครเอาไปได้ และช่วยเหลือประชาชนให้ดีที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จ่อร้องยุบรัฐบาล! ‘วีระ’ อ้างเป็นกบฏทำ เสียดินแดน / ‘ผบ.ทร.’ ลงพื้นที่เกาะกูด
ผบ.ทร.ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด กำชับกำลังพลหากมีเรื่องใดขัดข้องให้รีบแจ้งเพื่อแก้ไข ขณะที่นายอำเภอเกาะกูดลั่นเป็นของไทยมากว่า
'บิ๊กแมว' ตรวจเยี่ยมหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด ยืนยันพร้อมดูแลประชาชนอยู่กินอย่างสงบสุข
พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ตรวจเยี่ยมหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด พร้อมรับฟังบรรยายสรุปถึงการปฏิบัติงานของหน่วย และการดำเนินการพัฒนาคุณภาพชีวิตกำลังพล และประสิทธิภาพของหน่วย เพื่อเป็นการสร้างขวัญ
ผบ.ทร. ลงพื้นที่เกาะกูด เบรกม็อบไม่ต้องมาชุมนุม ขอให้มั่นใจรักษาผลประโยชน์ชาติเต็มที่
ผบ.ทร.ลงพื้นที่เกาะกูด พร้อมให้ความมั่นใจ ทร.ดูแลเขตแดนอธิปไตยของชาติ และรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอย่างเต็มที่ ยืนยันความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศดี ปมพื้นที่อ้างสิทธ์ไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง วอนกลุ่มเคลื่อนไหวไม่ต้องมาชุมนุมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
ทร. ตรวจความพร้อม เส้นทางเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค
พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจขั้นตอนการปฏิบัติ - ความพร้อม และเส้นทางเสด็จพระ ราชดำเนินในพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินณวัดอรุณราชวราราม โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ตั้งแต่ท่าวาสุกรีถึงวัดอรุณราชวราราม
'รมว.กห.' เรียกถกสาง 'เรือดำน้ำ' ต้องตัดสินใจระวังอย่างยิ่งยวด
'ภูมิธรรม' เรียกถกเรือดำน้ำ รับต้องระวังอย่างยิ่งยวดในการตัดสินใจ เหตุมีความเห็นแตกสองฝ่าย พยายามทำให้จบยุคที่คุมกลาโหม
เปิด 14 จุด เฝ้ารับเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐิน ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค 27 ต.ค.
กองทัพเรือ แจ้งว่า ได้เปิดจุดอำนวยความสะดวก ให้ประชาชน ในการเฝ้ารับเสด็จฯ เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567