ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ให้ส่งสำเนาคำอุทธรณ์ของ สปน.ให้ไอทีจัดทำคำแก้อุทธรณ์ รวมทั้งกระบวนพิจารณาที่ได้ดำเนินการต่อมาทั้งหมด และยกอุทธรณ์สำนักปลัดสำนักนายกฯ
25 ม.ค.2567 – เอกสารข่าวศาลปกครอง ได้เผยแพร่เนื้อหาคดีบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ว่าสืบเนื่องมาจากศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองกลาง) มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 620/2559 หมายเลขแดงที่ 1948/2563 ระหว่าง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ร้อง และบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ผู้คัดค้าน ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 1/2559 (ที่วินิจฉัยโดยมีสาระสำคัญสรุปได้ว่า 1.การบอกเลิกสัญญาของผู้ร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย 2.ให้ผู้ร้องชดใช้ความเสียหายให้แก่ผู้คัดค้าน จำนวน 2,890.35 ล้านบาท 3.ผู้คัดค้านต้องชำระค่าตอบแทนส่วนต่างตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ให้แก่ผู้ร้องเป็นเงินจำนวน 2,890.35 ล้านบาท 4.ผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างมีหน้าที่จะต้องชำระหนี้ให้แก่กันและกันในจำนวนเงินเท่ากัน คือ 2,890.35 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักกลบลบหนี้กันแล้ว ต่างฝ่ายจึงไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กันและกัน)
ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า คำอุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นเพียงการโต้แย้งดุลพินิจในการวินิจฉัยรับฟังข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในสำนวนของคณะอนุญาโตตุลาการ และโต้แย้งเหตุผลในการวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อกฎหมายและข้อสัญญาระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่กรณีที่เกี่ยวกับการยอมรับหรือการบังคับตามคำชี้ขาดจะเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ตามมาตรา 45 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545
ประกอบกับคดีนี้ศาลปกครองชั้นต้นได้วินิจฉัยว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านมีข้อโต้แย้งหรือข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ระหว่างผู้ร้องและผู้คัดค้านอันเกี่ยวเนื่องกับสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2538 โดยได้มีการดำเนินการเพื่อระงับข้อพิพาทหรือข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้านโดยวิธีการทางอนุญาโตตุลาการตามที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านได้ตกลงกันไว้ในสัญญาอนุญาโตตุลาการ
แม้ข้อพิพาทหรือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้ร้องได้ยื่นฟ้องผู้คัดค้านต่อศาลปกครองชั้นต้น (ศาลปกครองกลาง) เป็นคดีหมายเลขดำที่ 640/2550 และผู้คัดค้านยื่นคำเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 ขอให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่า ผู้คัดค้านไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาและผู้ร้องไม่มีสิทธิเรียกค่าตอบแทนขั้นต่ำพร้อมดอกเบี้ย และค่าปรับ แม้คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลก็ตาม แต่ไม่มีบทบัญญัติใดบัญญัติห้ามไม่ให้คณะอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทในเรื่องเดียวกัน ประกอบกับศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเพื่อให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านไปดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการแล้ว ไม่ใช่กรณีคู่กรณีฝ่ายเดียวกันยื่นคำเสนอข้อพิพาทหรือข้อเรียกร้องในเรื่องเดียวกันและการเสนอข้อพิพาททั้งสองเรื่องดังกล่าวข้างต้นเป็นการเสนอข้อพิพาทต่อองค์กรชี้ขาดคนละองค์กร จึงไม่เข้าลักษณะเป็นการเสนอข้อพิพาทซ้อน คำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการจึงอยู่ในขอบเขตของสัญญาอนุญาโตตุลาการและไม่เกินขอบเขตแห่งข้อตกลงในการเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ ส่วนกรณีที่ผู้คัดค้านได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 ซึ่งเป็นข้อพิพาทในเรื่องเดียวกันกับข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 และยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้คัดค้านได้ดำเนินการใดๆ เพื่อให้คณะอนุญาโตตุลาการดำเนินกระบวนพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 ต่อไป ข้อพิพาทตามคำเสนอข้อพิพาทดังกล่าวข้างต้นจึงไม่อาจยุติหรือระงับข้อพิพาททางอนุญาโตตุลาการ ต่อมา ผู้คัดค้านได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 ว่าผู้ร้องผิดสัญญาเข้าร่วมงานฯ โดยบอกเลิกสัญญา ขอให้ผู้ร้องชดใช้ค่าเสียหายกรณีผิดสัญญาเข้าร่วมงานฯ ผู้คัดค้านจึงยื่นคำเสนอข้อพิพาท และมูลพิพาทอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิที่ผู้คัดค้านได้กล่าวอ้างเกิดจากการที่ผู้ร้องบอกเลิกสัญญาเข้าร่วมงานฯ โดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการเสนอข้อพิพาทคนละเรื่องกับข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 คำเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 จึงไม่เป็นการเสนอข้อพิพาทซ้อนกับคำเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 คำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการจึงไม่เป็นคำชี้ขาดที่ขัดต่อข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
ส่วนกรณีที่คณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่าผู้ร้องและผู้คัดค้านต่างไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระแก่กันและกันซึ่งเป็นอำนาจของคณะอนุญาโตตุลาการในเรื่องดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานและการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานในการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาท ตามมาตรา 24 และมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545ข้ออ้างของผู้ร้องดังกล่าวไม่ใช่เหตุที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการได้ตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และมีคำพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ซึ่งไม่ใช่กรณีที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำพิพากษาฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนและไม่ตรงกับคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ตามมาตรา 45 วรรคหนึ่ง (2) และ (3) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และไม่ปรากฏว่ามีตุลาการศาลปกครองชั้นต้นในองค์คณะซึ่งพิจารณาคดีนี้ได้มีความเห็นแย้งไว้ในคำพิพากษา และไม่ใช่เป็นกรณีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราว ตามมาตรา 45 วรรคหนึ่ง (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว คำอุทธรณ์ของผู้ร้องจึงเป็นคำอุทธรณ์ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ตามมาตรา 45 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 ศาลปกครองสูงสุดจึงต้องมีคำสั่งยกอุทธรณ์ตามข้อ 108 วรรคหนึ่ง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543
ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ให้ส่งสำเนาคำอุทธรณ์ของผู้ร้องให้คู่กรณีในอุทธรณ์จัดทำคำแก้อุทธรณ์ รวมทั้งกระบวนพิจารณาที่ได้ดำเนินการต่อมาทั้งหมด ตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2546 และมีคำสั่งยกอุทธรณ์ของผู้ร้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาแล้ว! ศาลปกครอง ร่อนเอกสารชี้แจงปม 'บิ๊กโจ๊ก' ยังไม่มีคำพิพากษาใดๆ
ศาลปกครอง เผยแพร่เอกสารชี้แจง กรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอผลการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ยื่นฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน นั้น
ชาวบ่อทอง ชลบุรี เฮ!ศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนใบอนุญาตโรงงานยางพาราแล้ว
ที่ศาลปกครองสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่ชาวบ้านบ้านหนองใหญ่-ทับสูง ตำบลบ่อทอง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี
ผบ.ตร. ไม่ขอก้าวล่วง ศาลปกครองสูงสุด ชี้ขาด 'บิ๊กโจ๊ก' ขอคุ้มครองชั่วคราว
พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองยกคำร้องคุ้มครองชั่วคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ว่า ตนขอให้ความเห็นแบบกว้าง ๆ
ศาลปกครองสูงสุด ปิดเงียบผลชี้ขาดคดีบิ๊กโจ๊ก สั่งเก็บหลักฐานฟันสื่อละเมิดอำนาจศาล
นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
จบแล้วบิ๊กโจ๊ก! สะพัด ศาลปกครองสูงสุด ชี้คำสั่ง 'ให้ออกจากราชการ' ชอบด้วยกฎหมาย
ที่ศาลปกครองกลาง ถ.เเจ้งวัฒนะ มีการประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด โดยนายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุม
ศปช.มอบมหาดไทยเร่งจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย
ศปช.ปฏิบัติการเชิงรุก มอบ มท. เร่งจ่ายเงินเยียวยาทันที หลัง ครม.อนุมัติงบ - พร้อมเร่งช่วยเหลือ จัดส่งอาหาร เครื่องมืออุปโภคบริโภคให้เพียงพอ – สั่งกรมกร๊วกแก้ผังเร่งสร้างการรับรู้ให้ ปชช.ป้องกันดราม่า