สูงสุดเป็นประวัติการณ์! คดีม.112 ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เพิ่มโทษจำคุก 'บัสบาส' รวม 50 ปี

สูงสุดเป็นประวัติการณ์! คดี ม.112 'บัสบาส-มงคล ถิระโคตร' ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เพิ่มโทษจำคุกเป็นรวม 50 ปี เห็นว่ามีความผิดเพิ่ม 11 กระทง แม้ตีความถึงอดีตกษัตริย์ จากการโพสต์เฟซบุ๊ก

19ม.ค.2567- ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เมื่อวันทื่ 18 ม.ค. 2567 เวลา 9.00 น. ศาลจังหวัดเชียงรายนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ในคดีของ “บัสบาส” มงคล ถิระโคตร พ่อค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์และนักกิจกรรมในจังหวัดเชียงรายวัย 30 ปี ผู้ถูกฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์เฟซบุ๊กรวม 27 โพสต์

คดีนี้เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2566 ศาลจังหวัดเชียงรายมีคำพิพากษา โดยเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดในจำนวน 14 ข้อความ และยกฟ้องอีก 13 ข้อความ ในกรณีข้อความที่เกี่ยวกับอดีตกษัตริย์รัชกาลที่ 9 หรือข้อความที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ว่าโพสต์หมายถึงบุคคลใด และบางโพสต์แม้จะมีภาพรัชกาลที่ 10 แต่ศาลก็เห็นว่าไม่เป็นการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท ทำให้ไม่เข้าองค์ประกอบมาตรา 112

ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้เหลือกระทงละ 2 ปี ทั้งหมด 14 กระทง รวมโทษจำคุก 28 ปี โดยจำเลยได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์

ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์คดี และอัยการโจทก์ก็ได้ยื่นอุทธรณ์เช่นกัน โดยขอให้ลงโทษในกระทงที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องทั้งหมด โดยทราบในภายหลังว่าศาลได้ส่งหมายแจ้งการยื่นอุทธรณ์ของโจทก์ไปยังที่อยู่ตามทะเบียนบ้านซึ่งจำเลยไม่ได้อาศัยอยู่ ทำให้ไม่เห็นหมายแจ้งอุทธรณ์ของโจทก์

วันนี้ มงคล พร้อมเพื่อนและครอบครัว เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยปรากฏว่าลิฟท์ของศาลจังหวัดเชียงรายเสีย ทำให้พ่อและแม่ของมงคล ซึ่งอายุมากแล้ว ไม่สามารถเดินขึ้นบันไดไปฟังคำพิพากษาที่ห้องพิจารณาในชั้น 4 ได้ ต้องรออยู่ด้านล่าง

ศาลจังหวัดเชียงรายเริ่มอ่านคำพิพากษา โดยสรุปศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้วินิจฉัยในประเด็นอุทธรณ์ของจำเลย โดยเห็นว่าศาลไม่อาจยึดถือตามคำยืนยันของจำเลย หรือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ หรือนักวิชาการทางกฎหมายที่ฝ่ายโจทก์และจำเลยนำเข้าสืบเป็นหลักในการวินิจฉัย แต่ต้องรับฟังและพิจารณาความคิดเห็นนั้นประกอบการวินิจฉัยชี้ขาด

การกระทำของจำเลยในส่วนของการโพสต์ 14 ข้อความ ดังกล่าว ศาลเห็นว่าสามารถใช้ความรู้สึกและเข้าใจของวิญญูชนทั่วไปก็เข้าใจได้ว่าจำเลยมีเจตนาอย่างไร จำเลยย่อมทราบดีว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ประชาชนไทยให้ความเคารพสักการะทรงเป็นประมุขของประเทศ บุคคลผู้ให้ความเคารพสักการะต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะไม่กระทำการอันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์

การที่จำเลยใช้ถ้อยคำที่จำเลยเองก็ยอมรับว่าหยาบคายลงในเฟซบุ๊ก ลงภาพการทำให้พระบรมฉายาลักษณ์เสียหาย หรือภาพล้อเลียนรูปพระพักตร์ หรือภาพที่แสดงถึงความไม่เคารพ วิญญูชนทั่วไปย่อมเข้าใจได้ว่าจำเลยมีเจตนาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความเกลียดชังต่อองค์พระมหากษัตริย์ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อเกียรติยศ ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเป็นการแสดงออกทางการเมืองในเชิงสัญลักษณ์ หรือเป็นการล้อเลียนเชิงวิพากษ์ และไม่อาจเข้าใจว่าจะไม่ได้ทำให้พระมหากษัตริย์เสียหาย ศาลอุทธรณ์จึงเห็นว่าโพสต์ทั้ง 14 ข้อความ เป็นความผิดตามฟ้องของโจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ส่วนในประเด็นอุทธรณ์ของโจทก์นั้น ศาลเห็นว่าการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าความผิดตามมาตรา 112 นั้นต้องเป็นการกระทำต่อพระมหากษัตริย์และพระราชินีในรัชกาลปัจจุบันเท่านั้น โดยข้อความ 9 โพสต์ของจำเลย เป็นการกล่าวถึงรัชกาลที่ 9 จึงขาดองค์ประกอบความผิด

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 6374/2556 วางหลักของความผิดตามมาตรา 112 พระมหากษัตริย์มิได้หมายความเฉพาะพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์อยู่ในขณะที่มีการกระทำความผิดเท่านั้น แต่หมายความรวมถึงพระมหากษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้ว หรือมิได้ทรงครองราชย์ต่อไปแล้วด้วย ดังนั้นการกระทำของจำเลยทั้ง 9 โพสต์ก็เป็นความผิดตามมาตรานี้ด้วย

ส่วนโพสต์ข้อความอีก 2 โพสต์ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าไม่ปรากฏแน่ชัดว่าจะหมายถึงพระมหากษัตริย์ในรัชกาลปัจจุบันหรือไม่นั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเมื่อเข้าใจโดยชัดแจ้งว่าจำเลยได้กล่าวว่าองค์พระมหากษัตริย์ให้เสียหาย จึงเห็นว่ามีความผิดตามฟ้อง

แต่ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องโพสต์อีก 2 ข้อความ ที่เห็นว่ามิได้สื่อความหมายให้ผู้อ่านมีความรู้สึกดูหมิ่น หรือเกลียดชังพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 จึงเห็นว่าจำเลยมีความผิดในอีก 11 กระทง ที่ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษลงหนึ่งในสาม เหลือจำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 22 ปี เมื่อรวมกับโทษจำคุก 28 ปี ในอีก 14 กระทงก่อนหน้านี้ รวมเป็นโทษจำคุกรวม 50 ปี

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ลงนามโดย มโน เทอดจิตธรรม, ศรชัย วรานิชสกุล และ นพคุณ ไชยเทพ

หลังฟังคำพิพากษา มงคลได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปยังห้องขังใต้ถุนศาล และทนายความได้ยื่นขอประกันตัวระหว่างฎีกา

ต่อมา เวลาประมาณ 11.50 น. ศาลจังหวัดเชียงรายมีคำสั่งให้ส่งคำร้องขอประกันตัวไปให้ศาลฎีกาวินิจฉัย ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในช่วงบ่ายพรุ่งนี้ (วันที่19ม.ค.) ทำให้ในวันนี้ มงคลจะถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางเชียงรายเพื่อรอฟังคำสั่งประกันตัวต่อไป

ทั้งนี้ โทษจำคุกของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ในคดีนี้ นับได้ว่าเป็นคดีมาตรา 112 ที่ถูกลงโทษ สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเท่าที่ทราบข้อมูลก่อนหน้านี้ คดีที่ถูกลงโทษจำคุกสูงที่สุด คือ คดีของ “อัญชัญ” ศาลอาญาลงโทษจำคุกรวม 87 ปี จากการเผยแพร่คลิปเสียงของ “บรรพต” ดีเจผู้จัดรายการใต้ดิน จำนวน 29 กรรม โดยเธอให้การรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษเหลือจำคุก 29 ปี 174 เดือน (คิดเป็นประมาณ 43 ปี 6 เดือน) โทษจำคุกที่ถูกลดหย่อนแล้วในกรณีของบัสบาส จึงสูงกว่าคดีของอัญชัญ

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขนลุกซู่! 'สามนิ้ว' บุกสภาฯ ร้องกมธ.นิรโทษฯ รวมคดี ม.112 ขู่ไปคุยบนถนน

เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน นำโดย น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ หรือ ทนายเมย์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยตัวแทนประชาชนผู้ถูกดำเนินคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

'ชทพ.' ย้ำจุดยืนนิรโทษกรรม ไม่คลุม 3 เรื่อง เชื่อ สุดท้ายไปทิศทางเดียวกัน

'วราวุธ' ย้ำจุดยืนนิรโทษกรรม ไม่คลุม ม.112-อาญาร้ายแรง-คดีทุจริต ระบุ หากพท. จะเอา ค่อยพิจารณาอีกที แต่เชื่อ สุดท้ายไปทิศทางเดียวกัน

'ดร.อานนท์' แนะน้องๆกลุ่ม3 นิ้ว ที่ทำผิด ม.112 ทำเพื่อตัวเอง 6 ข้อ ก่อนถวายฎีกา

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สาขาวิชาสถิติศาสตร์ สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

'ไทยภักดี' ชงทางออกปชต.อัญเชิญสถาบันฯร่วมเป็นองค์ประกอบทางการเมืองเพื่อสร้างดุลย์

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง ทางออกประชาธิปไตยไทย มีเนื้่อหาดังนี้

'เพนกวิน' หนีหมายจับคดีม.112 เหยื่ออธรรมของ 'ผู้ใหญ่สามนิ้ว' อำมหิตเลือดเย็น

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก

ศูนย์ทนายฯ เผย ผูัลี้ภัยไทยยังมี 104 คน เรียกร้องศาลให้ประกันคดีการเมือง-นิรโทษ 112

ศูนย์ทนายฯ เผย สถานการณ์ผู้ลี้ภัยไทย ยังมี 104 คนอยู่ต่างแดน เรียกร้องศาลให้ประกันคดีการเมืองเพื่อไม่เพิ่มผู้ลี้ภัย-รบ.เร่งนิรโทษไม่เว้น 112