18 ม.ค.2567 - นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตามที่ได้ยื่นหนังสือถึงนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 ให้ดำเนินการไต่สวนเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งข้าราชการประจำและข้าราชการการเมืองกับพวก มีพฤติการณ์หรือการกระทำปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริตเอื้อประโยชน์กับ นช.ทักษิณ ชินวัตร และผิดประมวลจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือไม่
กรณีนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ถูกส่งตัวออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ณ โรงพยาบาลตำรวจ จนเกิดเป็นกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม ปัจจุบันครบกำหนด 120 วัน ตามกำหนดของกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 แล้ว จึงมีความประสงค์ขอให้ระงับการส่งตัวนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ไปคุมขังนอกเรือนจำ และขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ซึ่งอาจเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงขอให้เปิดเผยรายงานของกรมราชทัณฑ์ที่รายงานถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและภาพถ่ายของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ที่พักรักษาตัวอยู่ภายนอกเรือนจำให้ประชาชนทราบต่อไป ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
ล่าสุดตนได้รับหนังสือจากกระทรวงยุติธรรมเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 ที่ ยธ 02019/485 ความว่า ตามหนังสือร้องทุกข์ของผู้ร้อง ฉบับลงวันที่ 20 ธันวาคม 2566 ผู้ร้องได้มีหนังสือเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมพิจารณาแล้วโดยความเห็นชอบของปลัดกระทรวงยุติธรรมขอเรียนว่า กรณีเรื่องร้องเรียนของผู้ร้องเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ดังนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ผู้ร้อง จึงได้ส่งเรื่องไปยังกรมราชทัณฑ์เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป หากผลการพิจารณาดำเนินการเป็นประการใด กรมราชทัณฑ์จักได้แจ้งให้ผู้ร้องทราบโดยตรง ซึ่งผู้ร้องสามารถติดตามผลการดำเนินการได้ที่ กรมราชทัณฑ์ เลขที่ 222 ถนนนนทบุรี 1 ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000 โทร. 0 2967 2222
นายวัชระ กล่าวว่า หนังสือฉบับลงวันที่ 20 ธันวาคม 2566 ฉบับนี้ ตนได้ยื่นหนังสือถึงนายทวีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 5 ข้อคือ
1. ปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ “อำนวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม” และพันธกิจ ข้อ 3 “เพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายและพัฒนากระบวนการยุติธรรม” แต่ยุคท่านทวี สอดส่อง ยิ่งเหลื่อมล่ำไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายแต่ประการใด กลับหย่อนยานและเอื้อประโยชน์ให้ นช.ทักษิณ ชินวัตร
2. นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหมายเลข 6650102668 ไม่ได้กรอกแบบประวัติ ร.ท.101 แบบประวัตินักโทษ จำนวน 4 หน้า ในฐานข้อมูลแม้แต่บรรทัดเดียว ไม่ลงรายละเอียดเหมือนนักโทษทั้ง 4 แสนราย นช.ทักษิณ ไม่ได้ให้ข้อมูล เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยก็ไม่กล้าถามยังไม่ได้สอบประวัติ ไม่ได้ทำตามขั้นตอนแต่ประการใดจึงขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เจ้าพนักงานทะเบียนเรือนจำพิเศษกรุงเทพ (ขอให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อยไว้เป็นพยาน)
3. ขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการกรมราชทัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ที่ทำรายงานเท็จและช่วยเหลือ นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษไม่ต้องจำคุกอยู่ในเรือนจำแต่อ้างว่าไปรักษาพยาบาลนอกเรือนจำ (ขอให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อยไว้เป็นพยาน)
4. ขอสำเนารายชื่อพัศดีทั้งหมดพร้อมลายเซ็นและภาพถ่ายตามที่นายนัทที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพซึ่งได้ให้ถ้อยคำกับคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ว่ามีภาพถ่าย นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษที่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจทุก 2 ชั่วโมง ขอให้เปิดเผยภาพถ่ายและให้ระงับยับยั้งการที่จะส่งตัว นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษไปคุมขังนอกเรือนจำเพราะมีการทำรายงานเท็จมาตั้งแต่ต้น
5. ขอให้เปิดเผยรายงานกรมราชทัณฑ์ที่รายงานถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและภาพถ่าย นช.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษพักรักษาตัวอยู่นอกเรือนจำครบ 120 วันเพื่อเปิดเผยให้ประชาชนทราบด้วย
“แต่ปรากฏว่านายทวีไม่ตั้งคณะกรรมการสอบข้าราชการกรมราชทัณฑ์ตามที่นายวัชระร้องเรียนแต่อย่างใด ซึ่งหนังสือที่สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมตอบมานั้นไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐนิติธรรม ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่ตรงไปตรงมาเพราะคำถามที่ผมใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญถามรัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรมนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรี และยิ่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการกรมราชทัณฑ์เป็นอำนาจของกระทรวงโดยตรง การส่งไปเรื่องไปให้กรมราชทัณฑ์จึงมิใช่เป็นการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ผู้ร้องตามที่สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมกล่าวอ้างแต่อย่างใด นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรมจึงควรทบทวนในเรื่องนี้ต้องเป็นข้าราชการมืออาชีพ อย่าตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่มามีอำนาจชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น” นายวัชระ กล่าว
นายวัชระกล่าวอีกด้วยว่า นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไม่ต้องให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ตอบหนังสือผมแก้เกี้ยว เพราะประชาชนคาใจกันทั้งประเทศ ว่าทำไมนักสร้างสันติภาพของท่านถึงไม่ติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว ป่วยทิพย์? เอื้อประโยชน์กันหรือไม่ แต่ควรเตรียมเอกสารไปชี้แจงกับปปช.ในอนาคตจะดีกว่า ทั้งข้อกฎหมายและจริยธรรมร้ายแรง และเรื่องนี้ต้องจบที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบไม่ใช่จบที่กรมราชทัณฑ์อย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ดร.ณัฏฐ์' ชี้กรณี 'ทักษิณ-พท.' รอดคดีล้มล้างฯ ไม่ตัดอำนาจ 'กกต.' ไต่สวนยุบพรรคได้
ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยว่าการกระทำของนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยเป็นการ
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
'นันทเดช' ลั่น! อย่ากลัว 'ทักษิณ' จะใหญ่โตไปกว่านี้
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ อย่ากลั
'ทวี' ยันให้ข้อมูลความจริงที่ไม่มีกฎหมายห้าม ใครเห็นต่างก็หาหลักฐานมาหักล้าง ปมทักษิณชั้น 14
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร
'เด็จพี่' ได้ทีจวกเหล่านักร้อง ทำให้เกิดความปั่นป่วน ขู่เมื่อร้องผิดคีย์ต้องโดนลงโทษ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยอ้างว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้าง
'แก้วสรร' แนะ 'ธีรยุทธ' ปรับยุทธวิธี เสริมความแกร่งของสำนวนมุ่งไปที่ กกต.-ปปช.
หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ