17 ม.ค.2567 - ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เพื่อพิจารณางบของกระทรวงกลาโหม วงเงิน 198,562.9 ล้านบาท
พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ชี้แจงการใช้งบประมาณในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทยว่า การปรับลดขนาดและความทันสมัยของกองทัพ ตนเห็นด้วยว่าต้องมีการพัฒนากองทัพให้สอดคล้องกับสังคม แต่วิธีคิดแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เอาภัยคุกคามมาเป็นตัวจับ และขีดความสามารถต้องดูภัยคุกคามมีอะไรบ้าง อยากให้ประเทศไทยพัฒนาไปอย่างไร เช่น ภาพธุรกิจต่อไปจะเป็นระบบออนไลน์ สิ่งที่เราต้องการปกป้องทางไซเบอร์ เรากำลังทำอยู่ เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ หรือสมุดปกขาว และคนที่คิดไม่ใช่คนวัยตน แต่เป็นคนวัยที่อยู่กับกองทัพที่จะเป็นกำลังสำคัญดูแลประเทศชาติในอนาคตต่อไป
พลเอกทรงวิทย์ กล่าวถึง หลักสูตร วปอ.มินิ ว่า หลักสูตรนี้เป็นการเชื่อมโยงคนรุ่นใหม่กับงานความมั่นคง ซึ่งคนรุ่นใหม่จะอยู่พัฒนาประเทศ 20 -30 ปี ซึ่งเราคิดหลักสูตรนี้มา 3 ปีแต่ไม่ลงตัวเสียที ติดในเรื่องงบประมาณ เรื่องคน จนมาถึงช่วงที่ต้องตัดสินใจว่าในวันนี้วิธีคิดของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ของนักการเมืองกับผู้นำเหล่าทัพ เจนเนอเรชั่น อายุมันห่างกันมาก จนถึงอยากสร้างคนในกองทัพให้มีความเข้าใจฝ่ายการเมือง และประชาชนว่าในอนาคตเขาต้องการกองทัพอย่างไร
"นักเรียนไม่ได้เรียนอย่างเดียวต้องมาดีไซน์กองทัพในอนาคตด้วย นี่คือผลงานที่เราต้องการในหลักสูตรนี้ส่วนเรื่องอย่างอื่นที่ตามมาว่าพบกันแล้ว ไปทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมตรงนี้ผมต้องรับไปและกำหนดจรรยาบรรณในตัวหลักสูตรก็น้อมรับในทุกๆเรื่อง"
พลเอกทรงวิทย์ ยังตอบกรณีที่ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีต สส.เพื่อไทย ในฐานะ กมธ.พิจารณางบฯ ปี 2567 กล่าวขอบคุณดูแลในช่วงรัฐประหารว่า
"ปรัชญาชีวิตผม ก่อนเป็นทหาร เป็นนักการเมือง เป็นพรรคการเมือง เราเป็นประชาชนมาก่อน สิ่งที่ผมดูแลท่านและทุกคน ดูแลในพื้นฐานคนไทยที่รับใช้ประชาชน ในฐานะที่เป็นคนไทยด้วยกัน"