นายกฯ เผยยกหูด่วนบ่ายนี้คุย 'ฮุน มาเนต' ร่วมมือแก้ไฟป่า-หมอกควัน ก่อนเยือนไทย 7 ก.พ. แนะ 'ทส.' โยกย้ายยุทโธปกรณ์ใช้งานตามความจำเป็น พร้อมโยก ฮ.ฝนหลวงเพิ่มเชียงใหม่
11 ม.ค.2567 - นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เยี่ยมชมจุดจอดอากาศยานกรมฝนหลวงและการบินเกษตรกองบิน 41 ติดตามการปฎิบัติการฝนหลวง แก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 โดยนายกฯ สอบถามด้วยความสนใจ รวมถึงขอบคุณเจ้าหน้าที่ ที่เสียสละในการทำงาน
ทั้งนี้ นายกฯ ได้ขึ้นไปเยี่ยมชมระบบการทำงานและความพร้อมของเฮลิคอปเตอร์ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ก่อนที่นายกฯ จะเดินลงมาพูดคุยกับนักบินผู้บังคับอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งนายกฯ ได้สอบถามว่า เรามีเครื่องบินที่ใช้ปฏิบัติการกี่ลำ โดยเจ้าหน้าที่ฯ ตอบกลับว่า ที่จังหวัดเชียงใหม่มี 1 ลำ ที่เหลืออยู่ที่จังหวัดปทุมธานีและจังหวัดอื่นๆ
ทั้งนี้ นายกฯ ให้ข้อแนะนำว่าไม่ได้สั่งกา รแต่ขอแนะนำว่าสถานการณ์ไฟป่าที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงพื้นที่ภาคเหนือและพื้นที่ภาคอีสานค่อนข้างที่จะเกิดขึ้นเยอะ ควรโยกเครื่องบินมาที่นี่มากขึ้นหรือไม่ ก็ขอฝากพิจารณาไม่ได้เป็นคำสั่ง เพราะท่านมีข้อมูลและรู้มากกว่า
จากนั้น นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ มอบหมวกที่ระลึกของกรมฝนหลวงฯ พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกับเจ้าที่ที่ปฏิบัติการฝนหลวงแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ปี 2567
จากนั้นเวลา 12.00 น นายเศรษฐา พร้อมคณะ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาจุดความร้อนพื้นที่ภาคเหนือ และการทำแนวกันไฟ ที่ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมที่บ้านภาคเหนือ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยมีนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและ พันธุ์พืช รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานป้องกันไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ปี 2567 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนด้วย
ทั้งนี้นายกฯ ได้สอบถามนายปกรณ์ อาภาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิสารสนเทศ( GISTDA ) ถึงความร่วมมือทางเทคโนโลยีสารสนเทศกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะประเทศกัมพูชา เรื่องของการป้องกันการเผาที่มีผลต่อหมอกควันและค่าฝุ่นละออง หลังผู้อำนวยการ GISTDA ได้ฉายภาพดาวเทียมที่ตรวจพบค่าความร้อนสูงผิดปกติจากค่าความร้อนบนผิวโลก หรือจุดฮอตสปอร์ต ในรอบ 20 ปี ซึ่งพบว่าจุดความร้อนพบในประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าประเทศไทย โดยนายกฯ กล่าวว่า จากโทรศัพท์พูดคุยกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งในวันที่ 7 ก.พ.คอยไม่ได้ เดี๋ยวบ่ายวันเดียวกันนี้จะโทรศัพท์หาท่านเองเลย
จากนั้นนายกฯ กล่าวมอบนโยบายว่า ขอบคุณที่ทุกคนทุ่มเทและเอาใจใส่นำปัญหานี้มาเป็นปัญหาหลัก ในการที่เราจะต้องทำงานกันอย่างบูรณาการ ซึ่งตนได้มีการพูดคุยกันในส่วนของฝั่งประเทศของเราโดยทุกฝ่ายทำงานกันอย่างเต็มที่ แต่ในเรื่องของประเทศเพื่อนบ้านไม่อยากให้เอามาเป็นเหตุผลในปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเราเป็นพี่ใหญ่ เพราะเรามีเทคโนโลยีและทรัพยากรเยอะกว่า เราต้องพูดคุยกับเขาได้ ซึ่งการลงรายละเอียดเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตนเองและกระทรวงการต่างประเทศจะไปพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันแก้ปัญหานี้ เพราะเราคือทีมไทยแลนด์ที่จะช่วยกันแก้ปัญหา ขณะที่การใช้ยุทโธปกรณ์อย่างไรก็ไม่พอ ซึ่งก็เข้าใจ ทุกกรมในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคิดว่ายุทโธปกรณ์สามารถโยกย้ายไปใช้ตามความจำเป็นได้ อย่าง 3-4 เดือนข้างหน้าพื้นที่นี้จะต้องเฝ้าระวังอย่างมากก็ขอฝากให้ดูแล เรื่องการโยกย้ายยุทโธปกรณ์ด้วยแล้วกัน ซึ่งอยู่ในความดูแลของท่านๆก็คงจัดการได้ แต่หากไม่ได้อยู่ในความดูแลก็สามารถปรึกษากับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ โดยผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยได้ให้นโยบายไปชัดเจนว่าเราต้องช่วยเหลือกัน ทั้งนี้จะโทรศัพท์ไปพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่าเรื่องนี้จะต้องช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ บางครั้งเราทำงานกันหนักมากก็อาจจะลืมเรื่องของความปลอดภัย ฝากให้ผู้บังคับบัญชาไปดูแลเรื่องความปลอดภัย และเรื่องยุทโธปกรณ์ต้องมีการซ่อมบำรุงให้ดีดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของคนทำงานทุกคน เพราะเรื่องความปลอดภัย ชีวิตความเป็นอยู่และชีวิตจิตใจของเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องสำคัญ วันนี้ไม่ใช่วิ่ง 100 เมตรแต่เป็นการวิ่งมาราธอน ก็ขอขอบคุณที่ตั้งเป้าหมาย ให้ฮอตสปอร์ตลดลง 50% ซึ่งผ่านมา 10 วันแล้วก็ถือว่าดีขึ้นเยอะ ทั้งนี้ เราจะพยายามกันต่อไป และประสานงานกันอย่างใกล้ชิด และขอบเขตงานก็ดูแลกันอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามขอขอบคุณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่จัดงานในวันนี้
ต่อมานายกฯ เดินชมนิทรรศการการเตรียมความพร้อมป้องกันไฟป่าและหมอกควันปี 2567 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการนำวัสดุเหลือใช้ เช่นฟางข้าว ข้าวโพด ซึ่งเหลือใช้ทางการเกษตร มายังจุดรับซื้อ เพื่อลดการเผาไม่ให้เกิดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ก่อนจะร่วมทำแนวกันไฟป่ากับเครือข่ายภาคประชาชน และเยี่ยมชมรถครัวสนามเคลื่อนที่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดภารกิจ 'กิตติรัตน์' ในตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ ทำหลุดเก้าอี้ 'ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ'
กรณีที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีการ่วม 3 คณะ มีมติด้วยเสียงข้างมากเห็นว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
ตามสูตร! ฟื้นคณะกรรมการ 6 ชุดแก้ปัญหาสมัชชาคนจน
'ชูศักดิ์' ถก คกก.สมัชชาคนจน ตั้ง 6 กก. สมัยเศรษฐา เร่งวางแนวทางแก้ 4 เรื่องด่วน
คนกรุงอ่วม! สภาพอากาศมีผลกระทบสุขภาพถึง 33 พื้นที่
เพจกรุงเทพมหานคร โพสต์กราฟฟิกพร้อมเนื้อหา
โชว์ต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง ลดฝุ่นอากาศสะอาดทุกลมหายใจ
"อากาศบริสุทธิ์ใน กทม.เป็นจริงได้ ด้วยจุดเปลี่ยนร่วมมือร่วมใจ ให้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องได้" ด้วยแนวคิดข้างต้น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
เตือน 10 พื้นที่ใน กทม. พบค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เมื่อเวลา 07.00 น. พบค่าฝุ่นในพื้นที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ อยู่ในช่วง 23.1 - 50.3 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.)
คนกรุงเทพฯ สำลักฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน อยู่ในระดับสีส้ม 63 พื้นที่
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2567ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 07.00 น. : ตรวจวัดได้ 34.3-74.3 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 63 พื้นที่ คือ