กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ แจ้งทุกจังหวัดเตรียมการป้องกัน พร้อมแผนเผชิญเหตุอัคคีภัยและอุบัติภัยลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่
27 ธ.ค.2566 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) และโฆษก มท. กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากอัคคีภัยและอุบัติภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้เตรียมการป้องกันและเฝ้าระวังอัคคีภัย รวมทั้งอุบัติภัยในช่วงประชาชนเดินทางท่องเที่ยว และจัดงานปีใหม่
ทั้งนี้ เนื่องจากปลายเดือนธ.ค. ถึงต้นเดือน ม.ค. ของทุกปี มีวันหยุดติดต่อกัน หลายหน่วยงานทั้งรัฐ เอกชน ผู้ประกอบการ มีการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีการจุดพลุ ปะทัด ดอกไม้เพลิง และกิจกรรมที่เสี่ยงต่ออัคคีภัยและอุบัติภัย และมีแนวโน้มที่จำนวนเหตุการณ์จะมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เห็นได้จากสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 64-66 โดยปีใหม่ 64 เกิดอัคคีภัย 15 จังหวัด มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย บ้านเรือเสียหาย 29 หลัง อื่นๆ 6 แห่ง ปีใหม่ 65 เกิดอัคคีภัย 26 จังหวัด ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 7 ราย บ้านเรือนเสียหาย 68 หลัง และอื่นๆ 29 แห่ง และล่าสุดปีใหม่ 66 เกิดอัคคีภัยใน 41 จังหวัด ประชาชนเสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 3 ราย บ้านเรือนเสียหาย 77 ราย และอื่นๆ 180 แห่ง และมีอุบัติภัย จากพลุ ประทัดระเบิดกระสุนปืนตกใส่หลังคาบ้านเรือนประชาชน ใน 6 จังหวัด ประชาชนบาดเจ็บ 3 ราย บ้านเรือนเสียหาย 5 หลัง และอื่นๆ 1 แห่ง จึงจำเป็นที่กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกจังหวัดต้องดำเนินการทั้งการเตรียมการป้องกันและมีแผนเผชิญเหตุเพื่อลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในส่วนของการเตรียมการ บกปภ.ช. ได้ให้ทุกจังหวัดกำชับให้ทุกหน่วยงานทั้งรัฐ เอกชน มีการป้องกันและใช้ความระมัดระวังในการจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยเป็นพิเศษ โดยห้ามให้มีการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง โคมหรือวัตถุอื่นที่คล้ายกัน หรือการใช้เทคนิคพิเศษ (Special Effect) ในอาคารหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการลุกลามของอัคคีภัยโดยเด็ดขาด รวมถึงกำหนดมาตรการความปลอดภัย ดูแลจำนวนผู้ใช้บริการให้เหมาะสมไม่หนาแน่นจนเกินไป
ให้ผู้อำนวยการในแต่ละระดับหรือเจ้าพนักงาน ตรวจตราพื้นที่ชุมชน สถานประกอบการ อาคารสถานที่ เส้นทางสัญจรโดยรอบสถานที่จัดกิจกรรม สถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะจุดที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติภัยง่าย หากพบความเสี่ยงหรือไม่ปลอดภัยต้องเร่งแจ้งหน่วยงานตามกฎหมายทราบเพื่อดำเนินการซ่อมแซมให้เกิดความแข็งแรง และให้ตรวจความพร้อมทั้งด้านบุคลากร อุปกรณ์เครื่องมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเขตพื้นที่รับผิดชอบได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า พร้อมกันนี้ ให้ทุกจังหวัดสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงอันตรายจาการเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง การปล่อยโคมลอย รวมถึงการพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะลักลอบการยิงปืนขึ้นฟ้า ซึ่งมีบทลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันโทษสำหรับกรณีการลักลอบยิงปืนขึ้นฟ้ามีในประมวลกฎหมาย มาตรา 376 ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 วัน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากเกิดกรณีกระสุนตกลงมาเป็นอันตรายต่อผู้อื่นให้ได้รับอันตรายสาหัส จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จะเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โฆษก มท.กล่าวว่า ด้านการเผชิญเหตุ บกปภ.ช. ให้แต่ละจังหวัดจัดชุดเจ้าหน้าที่ และให้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน(อส.) อาสาสมัครป้องกันฝ่ายพลเรือน(อปพร.) บูรณาการร่วมกับหน่วยราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจิตอาสา ดำเนินการเฝ้าระวังสถานที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่จัดกิจกรรมต่างๆ หรือประชาชนเดินทางไปรวมตัวเป็นจำนวนมาก เพื่ออำนวยความสะดวก ดูแลการจราจรให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วพร้อมอุปกรณ์ดับเพลิง กู้ชีพให้สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ทันท่วงที และเมื่อเกิดอัคคีภัยหรืออุบัติภัยอันกระทบต่อประชาชนให้ดำเนินการตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอย่างเคร่งครัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บี้นายกฯส่งตากใบศาลโลก
"อนุทิน" เชื่อปมสอบ "ปลัดอำเภอท่าอุเทน" ใช้เวลาไม่นาน วอนอย่าเอาสะใจ
“อนุทิน” นำทีม “ภูมิใจไทย” ยื่นกฎหมาย คงไว้ซึ่งกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านแล้ว ชี้ ช่วยเหลือชาวบ้าน ลงลึกถึงพื้นที่ห่างไกล เผย คุยฝ่ายค้าน-รัฐบาลแล้ว หวังได้รับเสียงหนุน เพราะทำเพื่อประชาชน .
30 ตุลาคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
'เสี่ยหนู' ยันเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ต้องหารือให้สะเด็ดน้ำก่อนดันเข้า 'ครม.-สภา'
'อนุทิน' ยัน 'เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์' ควรมีการหารือพรรคร่วม ก่อนเข้า 'ครม.- สภา' ย้ำจุดยืนเดิม 4 ข้อ
“อนุทิน” ลงนามความร่วมมือชายแดนไทย - กัมพูชา 10 ข้อ หวังส่งเสริมความสัมพันธ์ ความร่วมมือทุกมิติระหว่างจังหวัดชายแดนสองประเทศอย่างยืน
เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ที่โรงแรมสุขะ พนมเปญ ประเทศกัมพูชา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 8 ภายใต้หัวข้อ “การเสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน และครอบคลุมในพื้นที่ชายแดน”
“อนุทิน” พบ “ฮุน มาเนต” นายกฯกัมพูชา ย้ำสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ชูจุดแข็งค้าชายแดน แปลงวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงเป็นซอฟท์เพาเวอร์ร่วมกัน
วันที่ 23 ตค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำคณะ เข้าพบเยี่ยมคารวะ สมเด็จมหา+
“อนุทิน” ตั้ง “มงคลพัฒน์ สรรณ์ไตรภพ” บิดา สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย นั่งคณะที่ปรึกษารองนายกฯ-รมว.มหาดไทย
เมื่อวันที่ 22 ตค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี ที่ 3/2567เรื่อง แต่งตั้งคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยในคำสั่งระบุว่า ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าๆ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล