ทนายเผย 'เศรษฐา-ชูวิทย์' เตรียมถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาท ปมเลี่ยงภาษีแสนสิริ

ทนายเผย ‘เศรษฐา’กับ’ชูวิทย์’เตรียมถอนฟ้องคดีหมิ่นปมภาษีเเสนสิริ เหตุคดีมีการไกล่เกลี่ยกันในชั้นศาลสร้างความเข้าใจกันได้ เเต่เลื่อนออกไปก่อนรอเอกสารมอบอำนาจถอนฟ้องคดีมรรยาททนายวิญญัติเพื่อครบองค์ประกอบข้อตกลง

14 ธ.ค.2566 - ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายบุญชัย วสุนทรา ทนายความนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักธุรกิจชื่อดังร่วมกันเปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีที่นายเศรษฐายื่นฟ้อง

นายชูวิทย์ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีที่ชูวิทย์ออกมาระบุถึงบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มีการซื้อขายที่ดินกับเอกชนและมีพฤติการณ์การหลีกเลี่ยงภาษี เเละคดีที่นายชูวิทย์ยื่นฟ้องกลับ นายเศรษฐา และนายวิญญัติ ทนายความ ในข้อหาฟ้องเท็จ หมิ่นประมาท และละเมิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นายวิญญัติ กล่าวว่าก่อนหน้านี้ตนในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากนายเศรษฐานายกรัฐมนตรีให้เป็นทนายความยื่นฟ้องนายชูวิทย์ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาฯ เเล้วนายชูวิทย์ฟ้องกลับ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะมีคดีความกันอยู่ในศาลอาญาเเละขั้นตอนอยู่ระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งนัดครั้งต่อไปจะเป็นวันที่ 22 ม.ค. 2567 ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ที่ได้มีการเจรจาประนีประนอมตกลงกันว่าเราควรจะยุติปัญหาเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น ยังมีประเด็นที่นายชูวิทย์ไปยื่นคำร้องกล่าวหาตัวตนในฐานะทนายความให้เป็นคดีผิดมรรยาททนายความที่สภาทนายความ แต่การจะถอนคำร้องนี้มันจะต้องมีการมอบอำนาจอย่างชัดเจนซึ่งขั้นตอนยังติดปัญหา เรื่องหนังสือมอบอำนาจเเละคำรับรองการถอนคำกล่าวหาคดีมรรยาททนายความจากต่างประเทศยังมาไม่ถึงทำให้เอกสารไม่ครบอันอาจไปกระทบเงื่อนไขในการถอนคดีในศาลอาญา ซึ่งอาจเป็นปัญหาในอนาคตจึงต้องขอเลื่อนการยื่นถอนฟ้องออกไปอีกเพื่อรอหนังสือของนายชูวิทย์

สำหรับประเด็นสาเหตุที่มีการถอนฟ้องกันคือนายเศรษฐาซึ่งเป็นผู้นำประเทศได้พูดคุยชี้แจงต่อสาธารณะชนและได้ชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎรรัฐสภาในประเด็นที่มีการตั้งข้อสงสัยของนายชูวิทย์ไปแล้ว จนกระทั่งได้เข้ารับตำแหน่งอย่างสมเกียรติและสง่างาม ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจกัน ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันในเรื่องคดีความด้วย โดยส่วนตัวก็ไม่ติดใจแต่ก็ต้องรอทางนายชูวิทย์แสดงเจตนาที่ชัดเจน ซึ่งตนก็เชื่อว่านายชูวิทย์ไม่ติดใจนายเศรษฐาเช่นเดียวกันแต่กระบวนการขอให้รออีกนิดนึง

ส่วนที่ถามว่าใครเป็นคนเริ่มขอไกล่เกลี่ยก่อนนั้นมันเป็นเรื่องที่พูดยาก เรื่องนี้ปัญหาอยู่ที่การเข้าใจและการนำเสนอข้อมูลต่อสาธารณะตนคิดว่านายเศรษฐาเป็นคนมีเมตตาธรรมส่วนตรงนี้จะเป็นเป็นเหตุผลหรือไม่ตนก็ยืนยันแทนไม่ได้

ส่วนที่ถามว่าตรงนี้มีบทบาทของศาลที่ให้มีการไกล่เกลี่ยกันด้วยหรือไม่นั้น ศาลเห็นว่าเป็นคดีที่เกิดจากราษฎรทั้งสองฝ่ายมีข้อผิดพลาดกันและคดีมันสามารถที่จะเจรจาไก่เกลี่ยกันได้หรือไม่เป็นคดีความ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ศาลอำนวยการให้ ซึ่งศาลเห็นว่าในเมื่อคดีมันมีโอกาสมันตกลงยุติคดีกันได้ก็เป็นเรื่องที่ดีก็จะได้ไม่เพิ่มจำนวนคดีให้ศาลเพราะกระบวนการพิจารณาแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายมีต้นทุนหมดซึ่งการไกล่เกลี่ยครั้งนี้เป็นในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง

นายบุญชัย กล่าวว่าตอนนี้ข้อพิพาทคดีความอาญาสามารถถอนฟ้องโดยอำนาจศาล ส่วนกระบวนการทางคดีมรรยาทหากมีฝ่ายร้องมาถอดถอนคำกล่าวหาจะถอนได้หรือถอนไม่ได้มันเป็นเรื่องของคณะกรรมการมรรยาทแต่ในกรณีนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่ว่านายชูวิทย์ยังไม่ได้ทำเอกสารเรื่องของการถอนคำกล่าวหาซึ่งมีเงื่อนไขของการถอนฟ้องคดีของทั้งสองฝ่ายงั้นจึงขอให้พวกเรารอเอกสารจากทางนายชูวิทย์ให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 22 ม.ค.ขั้นตอนเอกสารก็ควรจะต้องเสร็จก่อน ในวันที่ 22 ม.ค.ที่ศาลนัดไว้พอถึงเวลาจริงก็อาจจะไม่ต้องมาเเล้วก็ได้ หลังจากเอกสารเรียบร้อยเเละทำการถอนฟ้อง ในวันที่ 22 ม.ค.ศาลก็อาจจะมีคำสั่งยกเลิกวันนัด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่นทันที! นายกฯมาเอง ลงพื้นที่ห้วยขวาง สั่งสอบป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน.ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ตที่แยกห้วยขวาง พบว่ามีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทาง

'เศรษฐา' อย่าสับสน! โพลวัดผลงาน ไม่ใช่เรตติ้งนายกฯ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าสับสน !!! ระหว่างผลงาน กับการเลือกนายกฯ คนต่อไป

โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ แก่ 'เศรษฐา ทวีสิน'

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประกาศราชกิจจานุเบกษา วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องราชอิสริยา