‘ปานปรีย์’ เข้าเยี่ยม ’ตัวประกันฮามาส‘ หลังกลับไทย ปลื้ม ได้เห็นอยู่พร้อมหน้าครอบครัว ด้าน ‘บิดา’ รํ่าไห้ ขอบคุณหน่วยงานแห่ช่วยเหลือ
3 ธ.ค.2566 – เมื่อเวลา 15.00 น. ที่บ้านเลขที่ 61/9 บ้านดอนพิลา ต.ปะโค อ.กุดจับ จ.อุดรธานี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงพื้นที่เยี่ยม นายอนุชา อ่างแก้ว ตัวประกันที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากกลุ่มฮามาส และเดินทางกลับมาประเทศไทย
โดยทันทีที่เดินทางมาถึง นายปานปรีย์ ได้สวมกอด นายอนุชา พร้อมทักว่าหน้าตาสดใส ก่อนจะบอกว่าอิ่มท้อง ขณะที่พ่อของนายอนุชา มอบมาลัยขอบคุณและกล่าวว่า ดีใจเป็นที่สุดที่ลูกชายปลอดภัยและเดินทางกลับ ขณะเดียวกัน นายปานปรีย์ได้ทักทายภรรยาและลูกของนายอนุชา ก่อนจะพาคณะร่วมพิธีผูกแขนรับขวัญแก่นายอนุชา ซึ่งถือเป็นประเพณีของชาวอีสาน
นายปานปรีย์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาพบ วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ได้พบกันรู้สึกดีใจ และจะมาดูว่ากลับมาบ้านแล้วมาอยู่บ้านจริงหรือไม่ ซึ่งก็ได้พบกับครอบครัวได้เห็นภรรยาได้เห็นหน้าลูกสาว และพ่อแม่พี่น้องญาติพี่น้อง ตนเองก็รู้สึกดีใจแทน ซึ่งเป็นวันตรงกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดินทางมาประชุม ครม.สัญจรที่ จ.หนองบัวลำภู และทราบว่าพักอยู่ที่นี่ ตนเองจึงถือโอกาสมาเยี่ยมเยียน แล้วจะมาสอบถามว่ามีอะไรที่อยากให้ทางกระทรวงการต่างประเทศหรือหน่วยงานใดๆ จะให้ความช่วยเหลือในเรื่องที่ยังขาดแคลนอยู่ ตนเองคิดว่านายอนุชา คงสบายใจดีขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ขนมปังต้องแบ่งกัน บางรายขนมปังต้องแบ่งกันคนละครึ่ง น้ำขวดหนึ่งแบ่งกัน 3 คน จริงๆแล้วถือว่าพระคุ้มครองจริงๆและทำให้รอดชีวิตกลับมาได้และจนคิดว่าจากนี้ไป ใครจะทำอะไรลำบากเพราะรอตรงนี้มาแล้วมีชีวิตที่ยืนยาวอาจไปถึงร้อยปีตนเองขออวยพรให้โชคดียิ่งๆ
ขณะที่พ่อของนายอนุชา กล่าวทั้งนํ้าตาว่า ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มาให้กำลังใจ ถ้าไม่มีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือ อาจจะไม่มีวันนี้ก็ได้ วันนี้ดีใจมากไม่คิดว่าจะได้มีวันนี้ พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานราชการที่เข้ามาให้การช่วยเหลือ
ขณะเดียวกัน ภรรยาของนายอนุชา ได้กล่าวขอบคุณไปยังนายกรัฐมนตรี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา รวมถึง สส.ในพื้นที่ที่ช่วยประสานงานอย่างใกล้ชิด ให้เป็นไปอย่างราบรื่นและดีมาก ถ้าไม่มีตัวแทนที่เป็นผู้นำในพื้นที่ชี้ทางให้ก็คงไม่มีวันนี้ จากนั้น นายอนุชา ได้ก้มลงกราบตักและสวมกอดนายปานปรีย์
ต่อมา นายปานปรีย์ให้สัมภาษณ์ ว่า รู้สึกดีใจที่ได้เห็นญาติพี่น้องครอบครัวเจอกันพร้อมหน้า และได้เห็นลูกสาวนายอนุชา สวยและน่ารักมาก ซึ่งสำหรับครอบครัวก็คงไม่มีอะไรที่รู้สึกดีใจไปมากกว่านี้แล้ว เมื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเข้าสู่อ้อมอกอีกครั้งอย่างปลอดภัย หลังจากลำบากลำบนถูกจับตัวเป็นตัวประกันอยู่นานเกือบ 2 เดือน ช่วงเวลานั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ เท่าที่ได้คุยกับญาติ พบว่าหลายคนนอนไม่หลับ ถึงหลับก็ไม่สนิท ไม่รู้ว่าระหว่างที่รอจะมีใครไปทำร้ายหรือไม่
นายปานปรีย์ กล่าวว่า ซึ่งในวันนี้ ตัวประกันทั้ง 23 คนรอดปลอดภัยแล้ว แต่ยังเป็นห่วงอีก 9 คน ซึ่งเท่าที่ได้ฟังข่าวมา ยังมีการปฏิบัติการทางทหารระหว่างประเทศอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสอยู่ เราก็ภาวนาให้เขาหยุดยิง และให้ส่งตัวประกันทั้งหมดกลับมาโดยเร็ว เวลานี้ยังต้องทำงานต่อ ได้ติดต่อประสานงานหลายประเทศที่เคยช่วยเหลือเรา และเชื่อว่าในประเทศไทยก็ยังมีคนพร้อมช่วยและประสานงานต่อไป ถ้าทั้ง 9 คนสามารถออกมาได้ในเร็ววันนี้จะเป็นสิ่งที่ดีมาก
นายปานปรีย์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ (4 ธ.ค.) จะมีตัวประกันเดินทางกลับมาอีก 6 คน ซึ่งในจำนวนนี้มี 2 คนที่ตนเองเคยพบตอนเดินทางไปประเทศอิสราเอล และขณะนี้ตัวประกันที่ได้รับการปล่อยตัวแล้วมีทั้งหมด 23 คน เหลืออีก 9 คน ดังนั้นตัวประกันทั้งหมดมี 32 คน.