'จตุพร' ฟาด 'เศรษฐา-พท.' ดึงเกมดิจิทัล ยื้อเวลาสว.สิ้นวาระ หันจับมือก.ก.ฟื้นเสียงนิยม

'จตุพร' ฟาด 'เศรษฐา-เพื่อไทย' ปั่นเกมหลอก ปชช.ซ้ำซาก ฉะดึงเกมดิจิทัล ทำชักช้าให้สภาพิจารณางบ 67 เชื่อยื้อเวลา สว.สิ้นวาระ พ.ค. 67 คาดแปรหันจับมือ ก้าวไกล ฟื้นเสียงนิยม 

22 พ.ย.2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ ประเมินพรรคเพื่อไทยชักช้าส่งหนังสือกู้เงิน 5 แสนล้านบาทให้กฏษฎีกาพิจารณาและถ่วงรั้งนำร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายปี 2567 ให้สภาพิจารณา พร้อมประโคมปั่นภาวะเศรษฐกิจไทยเข้าขั้นวิกฤตรุนแรง สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเกมยื้อรอเวลาให้ สว.หมดวาระในเดือน พ.ค.ปี 2567

นายจตุพร กล่าว่า การหมดวาระของ สว.ในปี 2567 จึงสอดคล้องกับการแจกเงินดิจิทัลที่ขยับไป พ.ค.เช่นกัน ขณะที่ความนิยมเพื่อไทยจมดิ่งติดลบหมดหน้าตัก เมื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกยุบพรรค ไม่เห็นด้วยกับการกู้เงิน 5 แสนล้านมาแจกประชาชน

อีกทั้งนายธนาธร เก็บตัวเงียบมานาน ดังนั้น การเปิดตัวแสดงความเห็นวิจารณ์รัฐบาลกู้เงินมาแจก พร้อมเน้นว่าพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลเป็นพรรคมิตรกันและกัน จึงถูกตีความว่า เป็นการส่งสัญญาณถึงการเมืองหลัง 11 พ.ค. 2567 เมื่อ สว.หมดวาระ เพื่อไทยส่อแนวโน้มจะจับมือกัน เพื่อพลิกสถานการณ์ความนิยมของเพื่อไทยให้กลับมาเป็นฮีโร่ราวกับออกแบบแยบยลทางการเมืองเอาไว้แล้ว

"พรรคเพื่อไทยที่ความนิยมติดลบ ยากจะกลับมาฟื้นความนิยมได้ แต่มีทางเดียวเท่านั้นคือ กลับไปจับมือกับพรรคก้าวไกลสองพรรค (ตั้งรัฐบาลหลัง สว.หมดวาระ) รวมกว่า 290 เสียง คนก็โห่ร้องที่เพื่อไทยไปจับมืออีกฝ่ายตั้งรัฐบาลนั้น เป็นการวางแผนอย่างแยบยล คิดใหญ่ ทำเป็นจริงๆ และเรื่องนี้ได้สร้างความระแวงทางการเมืองให้เกิดขึ้น"

นายจตุพร กล่าวอีก ส่วนสถานการณ์เงินกู้มาแจกหมื่นบาทนั้น นายจตุพร กล่าวว่า นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้สะท้อนความอัดอั้นตันใจที่ถูกกล่าวหาล่าช้าต่อการพิจารณาความเห็นการกู้เงิน เพราะแกนนำพรรครัฐบาลเพื่อไทยล้วนระบุส่งเรื่องกู้เงินให้กฤษฎีกาแล้ว แต่ความจริงคือ หนังสือยังไม่ส่งถึงกฤษฎีกาเลย ดังนั้น แกนนำรัฐบาลไม่รู้หรือว่า ไม่มีหนังสือสอบถามไปยังกฤษฎีกา แล้วทำไมต้องมาโกหกหลอกลวงซ้ำเดิมให้ประชาชนหลงเชื่ออีก

อย่างไรก็ตาม เลขากฤษฎีกาให้ความเห็นถึงการกู้เงิน 5 แสนล้านบาทว่า ถ้าหนังสือส่งมาให้วินิจฉัย จะทำหน้าที่ตอบคำถามของรัฐบาลเท่านั้น แต่ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ส่งหนังสือมาสอบถาม

"ถ้าเรื่องการกู้เงิน เอาตามองค์ประกอบกฎหมาย (ม. 53 พรบ.วินัยการเงินการคลังปี 2561) ระบุต้องเร่งด่วน เกิดวิกฤตประเทศ และทำ พรบ.งบประมาณรายจ่ายไม่ทัน ถ้าอ้างเร่งด่วนจริงแล้ว แค่ร่าง พรบ.งบประมาณยังไม่เร่งด่วนเข้าสภาเลย อีกทั้งทำไมร่างหนังสือถึงกฤษฎีกาจึงไม่เร่งด่วนเพื่อส่งไปสอบถามความเห็น จึงทำให้เกิดความสงสัยกัน"

นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งนี้จึงเป็นการผิดสังเกตที่รัฐบาลดึงทั้ง ร่าง พรบ.งบประมาณ และส่งร่างหนังสือเงินกู้ให้กฤษฎีกาพิจารณา ทั้งที่สามารถทำให้เสร็จได้ฉับพลันในวันเดียว แต่กลับชักช้า อืดอาด ไม่ทำงานให้เร่งด่วนตามการกล่าวอ้างถึงเศรษฐกิจประเทศเข้าขั้นวิกฤตแล้ว

ส่วนการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายจตุพร สงสัยว่า ทำไมไม่ยอมพูดถึงการชี้แจงเท็จของพรรคเพื่อไทยในกรณีโครงการแจกเงินดิจิทัล จึงแสดงถึงการทำงานตรวจสอบที่ล่าช้า อย่างไรก็ตาม ผ่านการเลือกมานานหลายเดือนทำได้แค่ทวงวัวหนึ่งตัวจากประชาชนที่ขอจากผู้สมัครเลือกตั้ง

"สิ่งสำคัญแล้ว กกต.ต้องคำรามถึงเพื่อไทยที่มาให้รายละเอียดโครงการดิจิทัลเป็นเท็จ เพราะบอกแหล่งที่มาเงินจะมาจากการบริหารจัดการเงินงบประมาณ โดยไม่กู้เงินมาแจก แต่บัดนี้กลับเปลี่ยนทั้งคุณสมบัติของผู้รับแจก และที่มาของเงินที่ต้องกู้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงเข้าข่าย จงใจ หลอกลวงผู้ลงคะแนน"

รวมทั้งมั่นใจว่า รัฐบาลยากจะแจกเงินดิจิทัลได้สำเร็จตามประกาศหาเสียงไว้กับประชาชน เพราะขณะนี้เลขากฤษฎีกาออกมาพูดชัดเจนมากที่จะให้ความเห็นตามกฎหมาย ยิ่งสิ่งสำคัญต้องเข้าองค์ประกอบตาม ม.53 ของ พรบ.วินัยการเงินการคลัง ซึ่งเน้นถึงวิกฤต แล้วเร่งด่วน และทำงบประมาณไม่ทัน โดยรัฐบาลไม่เอาเข้าสภา เพราะจงใจดึงเรื่องเอาไว้

นายจตุพร ย้ำว่า รัฐบาลเอาแต่หลอกลวงประชาชนซ้ำซาก เน้นแต่อ้างประเทศเกิดวิกฤต ต้องกู้เงินเร่งด่วนมาแจก ส่วนหนังสือไม่ส่งกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นเป็นด่านแรก นอกจากนี้ ร่าง พรบ.งบประมาณยังชักช้าไม่นำเข้าสภา ดูประหนึ่งจงใจดึงเรื่องให้เกิดวิกฤตกับประเทศเพื่อมากล่าวอ้างความจำเป็นเร่งด่วนในการกู้เงิน

"การหลอกต้มประชาชนผสมคำพูดของนายธนาธร จงใจบอกถึงเพื่อไทยกับก้าวไกลเป็นมิตรกัน ย่อมคลี่คลายให้เห็นเกมรัฐบาลต้องดึงการแจกเงินดิจิทัลไป พ.ค. 67 ซึ่ง สว.จะหมดวาระลง จึงเป็นความสงสัยที่ถูกนักวิเคราะห์ทางการเมืองนำมาประเมินเกมโกหกลวงหลอกซ้ำซากของเพื่อไทย โดยหวังฟื้นเสียงนิยมให้กลับมา และคงเป็นซอฟพาวเวอร์อย่างหนึ่งที่ร้อนแรงต้มเปือยยิ่งกว่าหมูกระทะเสียอีก"นายจตุพร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปูดรัฐบาลเหิมเกริมสั่งสื่อทีวีปิดปาก 'จตุพร' แลกผลประโยชน์ ปลุกปชช.ลุกขึ้นเปลี่ยนแปลง

ปูดรัฐบาลเหิมเกริม สั่งสื่อทีวีปิดปาก 'จตุพร' แลกผลประโยชน์ หวั่นขุดความจริงประจาน ทำ ปชช.รู้ทัน จตุพร ลั่นพูดสื่อไม่ได้ต้องไปพูดผ่านเครื่องกระจายเสียง 'ทนายนกเขา' ปลอบ ปชช.เลิกสิ้นหวังกับตนเอง กระตุ้นลุกขึ้นเปลี่ยนแปลง อย่าจมจ่อมกับแสดงพลังชุมนุม แนะแต่ละคนลงถนนแสดงฉันทามติ เชื่อเป็นพลังใหญ่ได้

หัวหน้าก้าวไกล พูดเต็มปาก สว.ส่วนใหญ่เอี่ยวนักการเมือง แต่ยังไม่แน่ชัดใครฝ่ายประชาธิปไตย

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงรายชื่อ 200 สว. หลังจากการเลือกระดับประเทศวานนี้ (26 มิ.ย.) ว่า จากที่ติดตามมีข้อสังเกตว่าสว.ส่วนใหญ่อาจจะเข้าไปเชื่อมโยงกับนักการเมือง

'โบว์' จัดหนักแนวร่วมค่ายส้ม จัดตั้ง สว.พวกเดียวกันไม่บ่น แต่ผลหลุดลุ่ยกลับโวยกันใหญ่

น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ พิธีกรรายการวิเคราะห์ข่าว และนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า #สว67 แนวร่วมค่ายส้มทั้งสื่อทั้ง NGO

เดือด! 'สาธิต' ลากไส้ 'ธนาธร' ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ปมเลือก สว.

นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า ผมได้ติดตามความคิด และวิธีปฏิบัติ ของคุณธนาธร ในการเลือก สว ตั้งแต่ต้น โดยทำใจเป็นกลาง ทั้งนี้หวังว่า