'จักรภพ' วิเคราะห์ภาพมังกรจีนบนเวทีเอเปก!

'จักรภพ' คืนวิญญาณนักวิเคราะห์ ชี้จีนยุคนี้ต้องก้มหน้าเข้าประชุมเอเปก เพราะมีแต่ปัญหารุมเร้า สอนรัฐไทยจับตาผลเจรจาสหรัฐ-จีนให้ดี พร้อมแนะหาความหมายและเจตนาของการมีชีวิตให้ได้ก่อน แล้วจึงหาวิธีหาเงิน

16 พ.ย.2566 - นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกมนตรีคนใกล้ชิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “คราวนี้อาจต้องก้มหน้าเข้าอเมริกา?” มีเนื้อหาว่า ผู้นำสูงสุดของจีน สี จิ้นผิง มาสหรัฐอเมริกาครั้งก่อนเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.2561 โดยมาแบบเชิดหน้าและมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม ภาพ สี นั่งชนแก้วกับ โดนัลด์ ทรัมป์ที่บ้านของทรัมป์ "มาร์-ลา-โก้" ฟลอริด้า ยังหาดูได้ทั่วไป แต่การมาอเมริกาเพื่อร่วมประชุมเอเปกเที่ยวนี้ สี อาจจะลดความภาคภูมิลงไปไม่น้อย เพราะเมืองจีนในครั้งนั้นกับในครั้งนี้มีความแตกต่างกันอยู่มาก สถานที่ประชุมในครั้งนี้คือ นครซานฟรานซิสโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ทางเวสต์โคสต์ (West Coast) หรือฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา และการประชุมครั้งนี้คือ APEC 2023 (เอเปก 2023) หรือ The Asia-Pacific Economic Cooperation 2023 ที่ไทยเราเคยรับเป็นเจ้าภาพจนโด่งดังไปทั่วโลกมาแล้ว

เมื่อ พ.ศ. 2561 ผู้คนในโลกเชื่อกันมากว่า จีนกำลังจะเข้ามาแทนที่สหรัฐอเมริกา ในฐานะโมเดล / ตัวแบบ ในเศรษฐกิจโลก ขณะนั้นเศรษฐกิจของจีนเติบโตอย่างเร่าร้อนรุนแรง เสี่ยงต่อภาวะ overheated หรือ ร้อนจนเดือดอยู่หลายครั้ง สูงกว่าผลพยากรณ์ในทางเศรษฐกิจของประเทศไหนทั้งนั้น อัตราการว่างงานของประเทศอยู่ในช่วงที่ต่ำที่สุดห้วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ เพราะเสมือนนำคนจีนทั้งเมืองเข้าสู่การฝึกอบรมเพื่อเตรียมตัวเป็น กองทัพพคนงานสมัยใหม่ (economic workforce) ตัว สี จิ้นผิง ในขณะนั้น ก็กำลังรวบรวมพละกำลังทางการเมืองในการก้าวจากผู้นำที่มีสิทธิ์ครองอำนาจได้ 5 ปี 2 สมัย มาสู่ความเป็นผู้นำที่ไม่มีกำหนดเวลาในการดำรงตำแหน่ง ต่ออายุได้ทีละ 5 ปีเรื่อยไปอย่างไม่มีกำหนด หรือจะเรียกว่าผู้นำตลอดชีพก็ยังได้ รวมความว่า ในขณะนั้น สี จิ้นผิง และสาธารณรัฐประชาชนจีน กำลังเรืองรองอยู่บนยอดเขาแห่งอำนาจในระดับโลก

แต่เมื่อเขาก้าวเท้าลงสัมผัสพื้นคอนกรีตของสนามบินซานฟรานซิสโกในครั้งนี้ เมืองจีนช่วงหลังวินาศภัยโควิดฯ กลายเป็นเศรษฐกิจที่เครื่องยนต์ยังเดินไปข้างหน้าแต่ติดๆ ขัด ๆ ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังเกิดวิกฤติหนี้สิน (credit crisis) ที่ทับถมกันอย่างรวดเร็ว รอบตัวมีสิ่งที่คนจีนเรียกขานว่า "ระเบิดหนี้" หรือ "debt bombs" ทั่วไปหมด อัตราว่างงานสูงลิ่วเพราะการไล่คนออกจากธุรกิจต่างๆ รวมทั้งธุรกิจเทค ทำให้มีคนรุ่นหนุ่มสาวอยู่ในภาวะว่างงานหลายสิบล้านคนทั่วประเทศ ในหมู่คนจีนเกิดสำนวนถากถางที่เรียกกันว่า "lying flat" หรือ "นอนแผ่" ว่างกันมากมายถึงขนาดที่รัฐบาลจีนไม่ยอมออกประกาศอัตราคนว่างงานมานานแล้ว ความวิตกจริตเรื่องสายลับต่างชาติที่ถูกส่งมาก่อวินาศกรรมในเมืองจีน ที่ดูจะกลายเป็นโรคจิตชนิดใหม่ ส่งผลทำให้รัฐบาลจีนควักเอากฎหมายต่อต้านการทำจารกรรม (anti-espionage) มาใช้แบบบ่อยครั้งจนพร่ำเพรื่อ เจ้าหน้าที่ของรัฐบุกเข้าตรวจสอบแทรกแซงการทำงานของบริษัทต่างชาติบ่อยครั้งและเป็นจำนวนมาก ทำให้เจ้าของบริษัทและนายทุนจำนวนที่สูงมากจนน่าตกใจ ไหลออกจากเมืองจีนแบบไม่เหลียวหลัง ในทางการเมือง สี จิ้นผิง ก็กวาดล้างผู้นำวงในที่อยู่รอบตัวด้วยข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง ความประพฤติส่วนตัวไม่เหมาะสม และแม้แต่ด้วยข้อหาจารกรรมเลยด้วยซ้ำ ผู้นำในตำแหน่งระดับสูงขนาดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกลาโหมเริ่มหายตัวไปเฉย ๆ ได้ เมืองจีนภายใต้ สี จิ้นผิง วันนี้จึงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และอนาคตเริ่มเลือนราง ดูจะระมัดระวังมากขึ้นในการแสดงอำนาจ

เมื่อคืนนี้ของไทย ตามเวลาท้องถิ่นในภาคตะวันตกของสหรัฐฯ 11.17 น. สี จิ้นผิง กับ โจ ไบเดน ได้พบปะกันเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี หลังจากที่พบกันในที่ประชุม G-20 ที่บาหลี อินโดนีเซีย เรื่องที่ทั้งสองฝ่ายเตรียมมาคุย (ต่อว่า) กันนับเป็นเรื่องใหญ่ ๆ ที่ดูแล้วไม่น่าจะแก้ไขให้ลุล่วงได้ในการประชุมเพียงรอบเดียว เราลองดูตัวอย่างสักนิดทางฝั่งจีนก่อนก็ได้ครับ

1.จีนต่อว่าสหรัฐอเมริกาว่า ตั้งใจเก็บภาษี (tariffs) สินค้านำเข้าจากเมืองจีนในอัตราที่สูงลิบลิ่ว โดยมีเจตนาให้ราคาขายต้องแพงตามและไม่สามารถแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ได้
2.จีนต่อว่าสหรัฐอเมริกาว่า เจตนาหาเรื่องบริษัทของจีนด้วยคำกล่าวหาจารกรรมและอื่น ๆ จนรายการบริษัทต้องห้าม (black list) จากจีน สูงขึ้นเป็นเท่าตัวของอดีตอันใกล้
3.ต่อเรื่องจากข้อ 2 จีนยังกล่าวหาว่ารัฐบาลไบเดนจงใจเจตนาเก็บกฎหมายและระเบียบที่ออกมาในสมัย โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อต่อต้านจีน เอาไว้ใช้ต่อ ทั้งที่ประกาศว่ามีนโยบายที่สวนทางกัน
4.จีนต่อว่าสหรัฐอเมริกาว่า กีดกันจีนในการเข้าถึงไมโครชิปของสหรัฐ ทำให้เกิดอุปสรรคในการทำงานของหลายธุรกิจโดยไม่จำเป็น
5.เหตุการณ์บอลลูนจารกรรมลึกลับที่ถูกส่งเข้าไปในสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก
6.การเลือกตั้งในไต้หวันที่จะมีขึ้นและอาจจะเป็นเชื้อไฟในความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาได้ทุกเมื่อ
7.ปัญหาการอ้างกรรมสิทธิ์ของหมู่เกาะในทะเลจีนใต้
8.ปัญหารัสเซียและยูเครน
9.ปัญหาเกาหลีเหนือ

ความจริงแล้ว ยังมีเรื่องที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสอง มากกว่าการตั้งสมมติฐานอยู่บนความขัดแย้งหรือข้อพิพาทและบริหารไปตามนั้น ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (economic partnership) เป็นสิ่งที่จำเป็นในเรื่องบางเรื่องโดยเฉพาะ เช่น AI (Artificial Intelligence) อาชญากรรมทางอิเล็กทรอนิคส์ (Cyber Crimes) การเปลี่ยนแปลงของภาวะอากาศโลก (Climate Change) เป็นต้น ถ้าผู้นำ (ในวัยชรา) ทั้งสองคนสามารถมองเห็นการณ์ไกลและก้าวข้ามความขัดแย้งในเรื่องที่เล็กกว่าได้ โอกาสในการแก้ไขปัญหาของโลกก็จะสูงขึ้น

มองแบบวิเคราะห์กันแล้ว ผมคิดว่านี่คือการแข่งขันระหว่างรูปแบบทางเศรษฐกิจ 2 รูปแบบของโลกหลังระบอบคอมมิวนิสต์ภายใต้สหภาพโซเวียต ได้แก่:
1.จีน = ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมแบบควบคุมโดยรัฐ
2.สหรัฐอเมริกา = ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมแบบเครือข่ายกลุ่มผลประโยชน์และกลไกตลาด

จะเห็นได้ว่า กลไกทุนนิยม (capitalistic mechanisms) คือปัจจัยร่วมกันระหว่างทั้งสหรัฐฯ และจีน จะมาแตกต่างกันก็ที่ระบบการ "ควบคุม" และการบริหารจัดการระบบทุนนิยมนั้น ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แนวคิดสังคมนิยม ทั้งโครงสร้างและองคาพยพ ถูกลดรูปลงมาเป็นนโยบายสวัสดิการสังคมที่มีความหลากหลายทั้งในแง่การลงทุนและการมอบสิทธิประโยชน์ ตลอดจนอำนาจควบคุมของรัฐต่อระบอบเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งก็ไม่ได้หายไปไหน มีแต่หด

อนาคตของประเทศไทยขึ้นอยู่กับผลการคุยนี้มาก แต่เราก็ต้องมุ่งหน้าสร้างตลาดภายในและภายนอกไว้รองรับตัวเราอย่างเต็มที่ด้วย แต่สิ่งที่สำคัญกว่าตลาดคือ วิถีชีวิต ที่เราเริ่มคิดได้แล้วว่าตัวเราต้องมีวิถีชีวิตแบบไหนและรัฐไทยควรมีบทบาทอย่างไรในการส่งเสริมสิ่งเหล่านี้

พูดง่ายๆ คือ หาความหมายและเจตนาของการมีชีวิตให้ได้ก่อน แล้วจึงหาวิธีแสวงหาทุนหรือเงิน.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'แพทองธาร' หารือทวิภาคี 'สี จิ้นผิง' จีนยันสนับสนุนไทยในเวทีระดับโลกทุกมิติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ 15 พ.ย. 2567 เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลิมา ประเทศเปรู ซึ่งช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมง) โรงแรม Delfines Hotel

จับตา ‘อุ๊งอิ๊ง’! โชว์วิสัยทัศน์ เวทีผู้นำเอเปก

จับตา "นายกฯ อิ๊งค์" โกอินเตอร์! บินลัดฟ้าสหรัฐ ไม่ได้พบตัวแทนทำเนียบขาว แต่ไปเจอทีมไทยแลนด์ มอบนโยบายขับเคลื่อนความร่วมมือในภูมิภาคอเมริกา