'วุฒิพงศ์' โวยก้าวไกลเล่นการเมืองขับพ้นพรรคลั่นถามผู้เสียหายหรือยังว่าถูกคุกคามทางเพศ!

'วุฒิพงศ์' โวยมติ ก.ก. รุนแรง ขับพ้นพรรค ถามกลับผู้เสียหายรู้สึกถูกคุกคามทางเพศหรือไม่ ซัดตั้งตัวเป็นศาลตัดสินชีวิตคนอื่น ลั่นเป็นเรื่องการเมือง ยันไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ แฉกลับสาวส่งคลิปแก้ผ้า 50 คลิป

02 พ.ย.2566 - นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังพรรคก้าวไกลมีมติขับออกจากพรรค เนื่องจากมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ ว่าที่ผ่านมาไม่ได้พูดคุย เพราะอยู่ในกระบวนการสอบวินัยของพรรค และขณะนี้รู้สึกเสียหายทั้งส่วนตัวและครอบครัว เพราะไม่ได้ตอบสังคม อย่างไรก็ตามรู้สึกผิดหวัง เพราะมีมติรุนแรงที่สุด การขับออกหมายถึงเรากระทำผิด แต่กระบวนการภายนอกไม่เห็นมีการดำเนินการ ทั้งนี้ คิดว่ากระบวนการวินัย สส. ต้องเป็น สส.ก่อน ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น มิ.ย.2565 ตอนที่ยังเป็นคนทำงาน ไม่ใช่ผู้สมัคร สส.ด้วยซ้ำไป

เมื่อถามว่าสาเหตุที่รู้สึกอึดอัดเป็นเพราะพรรคไม่ได้รับฟังคำชี้แจงเลยหรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า วันที่ 9 ต.ค. คือวันที่แชร์ในโซเชียล ขณะเดียวกันได้ชี้แจงกับพรรควันที่ 10 ต.ค. จึงขอตั้งข้อสังเกตว่ามีกรรมการบางท่านแถลง 2 ครั้งก่อนพรรคมีมติ เป็นการชี้นำหรือไม่ วันที่ 10 ต.ค. มีกรรมการมา 6 คน วันที่ 30 ต.ค. มีกรรมการมา 4 คน และห้านาทีสุดท้าย กรรมการคนที่ห้าถึงเดินเข้ามา ทำให้รู้สึกว่าข้อมูลที่ให้เหมือนไม่มีความสำคัญ

ถามย้ำว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบวนการของพรรคใช่หรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ต้องเคารพการรตัดสินใจ แต่เป็นธรรมหรือไม่ ก็เป็นการพูดของตนเองฝ่ายเดียว อีกเรื่องหนึ่งถ้ามีกระบวนการแทรกแซงในจังหวัด การที่มี สส.เป็นกรรมการเหมาะสมหรือไม่ การสอบสวนควรเป็นแพทย์ จิตแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงว่าผู้ถูกคุกคามรู้สึกว่าถูกคุกคามจริงหรือไม่

ถามอีกว่ามติพรรคแตกต่างกับนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ซึ่งพิจารณาในรอบเดียวกัน นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า อาจเป็น สส.ภูธร เป็น สส.พื้นที่ทำงานหนัก มีเพื่อนเกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อมมาก แต่ไม่มีเพื่อนที่ทำงานเชิงการเมือง เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง สำหรับนายไชยามพวานต้องการกระบวนการสอบสวนภายนอก ไม่ได้ต้องการเข้าสู่กระบวนการพรรค สส.หลายคนอึดอัด และความจริงหน้าที่ของ สส.คือร่างกฎหมายและผลักดันกฎหมาย ทั้งนี้เคยเสนอให้ใช้กระบวนการความยุติธรรมภายนอก แต่พรรคใช้กระบวนการภายใน หากไม่ถูกกับกรรมการบริหาร (กก.บห.)บางคน หรือเพื่อน สส.บางคนไม่ถูกกัน เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ใช่หรือไม่

เมื่อถามต่อว่ามีข้อเรียกร้องให้ลาออกจากการเป็น สส. นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ยังพิพากษาไม่ถึงที่สุด ขณะที่เราไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ แต่เราตั้งตัวเป็นศาลเพื่อตัดสิน

ผู้สื่อข่าวถามถึงพฤติกรรมที่ถูกร้องเรียน นายวุฒิพงศ์ ยืนยันว่าการคุกคามทางเพศผู้เสียหายจะต้องหันหลังให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อน แต่ปรากฏว่าผู้เสียหายรายดังกล่าวกลับเขียนข้อความใส่กระดาษว่าจะขอทำงานต่อ ไล่ไม่ไป ต้องรบกวนให้ตนเองเมตตา อย่างไรก็ตาม เดือน พ.ย.ให้ผู้เสียหายออกจากการทำงาน หลังจากที่ได้รับคลิปส่วนตัวไม่ปกติ 50 คลิป ไม่สวมเสื้อผ้า หลังจากนั้นจึงมีหนังสือที่เขียนด้วยลายมือพร้อมกับเข็มขัดเป็นของขวัญในวันคริสต์มาส

“กรณีที่ผมพูดคุยกับเขา เป็นคำถามปลายเปิดที่เขาถามมา แต่ข้อความที่เขายกเลิกไป เขาไม่ได้ให้กรรมการดู มีแต่ประโยคที่แคปมา เป็นกรณีทางไซเบอร์ เอาเบอร์มาวางให้ดูไม่ได้ ถ้าไปกระบวนการศาล ข้อความกระทบกันลบไม่ได้ ต้องดูทั้งหมด ก่อนหน้านั้นถามว่าอะไร พูดว่าอะไร” นายวุฒิพงศ์ ระบุ

เมื่อถามว่า จริงๆแล้วความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร้องเรียนคือระดับไหน นายวุฒิพงศ์ ตอบว่า เป็นผู้ช่วยที่มาช่วยงานประมาณ 5 เดือน ช่วงที่มีปัญหาอยู่ช่วง 2 เดือนครึ่งสุดท้าย ถ้าพูดแบบผู้ชายแมนๆ ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กัน

ถามด้วยว่ารู้สึกได้รับความเป็นธรรมจากพรรคหรือไม่ ถ้าเทียบกับกรณีนายไชยามพวาน นายวุฒิพงศ์ ตอบว่า ขอไม่เปรียบเทียบ เรื่องของเสียงโหวต แต่อยากให้โฟกัสเรื่องสัดส่วนความผิด สูงขนาดขับออกหรือไม่

ถามว่าพร้อมจะลาออก สส. เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ส่วนสำคัญคือการแก้ปัญหาในพื้นที่ที่ยังค้างคาอยู่ มีหลายประเด็นที่ถ้าเราก้าวถอยอีกหลายคนจะยิ้มรอ ในจังหวัด ในพื้นที่รอบๆจังหวัดไม่มีก้าวไกล มีตนเองเป็นจุดส้มเล็กๆในพื้นที่ มันมีเรื่องการเมืองหลายอย่างอยู่ ถ้าอธิบายจะซับซ้อนไปอีก ทั้งนี้ ถ้าผู้เสียหายไปดำเนินคดีอาญาหลังจากนี้ ยินดีเลยจะได้พิสูจน์ และดีใจมากถ้าจะทำแบบนั้น

เมื่อถามว่า แสดงว่าจะดำเนินคดีอาญาเรื่องหมิ่นประมาท นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ใช่ ครั้งแรกที่พูดได้ยากที่สุดคือคิดว่าผลกระทบกับเขาจะเกิดอะไรบ้าง แต่บุคคลที่ดึงเขาออกมาเป็นเหยื่อ ดันเขาออกมาข้างหน้านี่แหละ

ถามอีกว่า แสดงว่ารู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง และจะดำเนินคดีอาญากับคนนั้นด้วย นายวุฒิพงศ์ ตอบว่า ไม่ แต่คงเป็นแค่อาจเรียกร้องในประเด็นที่ตนถูกกล่าวหาให้พ้นตรงจุดที่ว่า เป็นเรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศเป็นหลัก ไม่มีเจตนาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ตนต้องการออกมามีที่ยืนในฐานะสส. อย่างสง่างาม

“อย่างเรื่องรูปภาพ คลิปต่างๆที่ผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศส่งมามันเยอะมาก เราในฐานะผู้ชายเองเรายังต้องยุติการทำงานร่วม ถ้าผมเดินต่อก็ทำได้ แต่เราถอย ”

นายวุฒิพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากเรียนทิ้งท้ายเพื่อทุกกระบวนการที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ในอนาคต ถึงอดีตพรรคทีหลุดออกมาไม่ถึง 24 ชั่วโมง เนื่องจากเพื่อน สส.หลายคน ยังอยู่ในนั้น ยังเป็นเพื่อนกัลยาณมิตรที่ดี ก็อยากให้พรรคมีไอล้อนโดมเหมือนที่อิสราเอลมี ปกป้องเขาหน่อย อย่าให้อะไรก็ตามที่ยิงมาได้โดนพวกเขาง่ายๆ ทุกคนเหนื่อย ลำบากที่เข้ามาและมีภาระแรงกดดันสูง ส่วนเรื่องกรรมการวินัย อยากให้มีสัดส่วนภายนอกจริงๆ มีคุณหมอจริงๆ มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการคุกคามทางเพศจริงๆ มีตำรวจที่มีความรู้เข้ามาในกระบวนการก็ได้ มี สส.ให้น้อยที่สุดมันจะไม่เกิดการเมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สส.เพื่อไทย ดี๊ด๊า ประเทศไทยมีระบบที่เป็นมาตรฐาน!

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่าประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้คงสบายใจขึ้นที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับ

'อิ๊งค์' ยิ้มรับ 'พ่อ-เพื่อไทย' รอดล้มล้างปกครอง ชาวเน็ตชี้จากนี้ไป 'ทักษิณ' ใส่เกียร์เหลิง

จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย คำร้องที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ

ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง

คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ

'แพทองธาร' โชว์วิชั่น การเมืองมีเสถียรภาพ ประเทศไทยจะดีขึ้น!

นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ไทยสงบ สันติ หวังรัฐบาลเปลี่ยน นายกฯเปลี่ยน แต่นโยบายเพื่อปชช.เดินหน้า บอกต่างชาติเจอคำถามแรกถามพ่อ-อาเป็นอย่างไร ย้ำการเมืองมั่นคง มีเสถียรภาพแน่นอน

ไทยในสายตาต่างชาติ (ตอนที่ 48: พระราชกฤษฎีกา 1 เมษายน 2476 คือ การทำรัฐประหารเงียบหรือ ?)

ในตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้สรุปเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่การประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476