'เอ็ดดี้' วิเคราะห์ปม 'ทักษิณ-พิธา' ชี้ชัดมีพฤติกรรมส่งสัญญาณตลอดมาว่าเลือกข้างฝั่งมะกัน ชี้ท่าทีเศรษฐาออฟไซต์เรื่องอิสราเอลอาจเป็นแผนที่วางไว้ เหมือนที่ทิมเที่ยวขยันออกงาน
12 ต.ค.2566 - นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ขันทีทิมกับตั้งโต๊ะแม้ว : กับพฤติกรรมที่ส่งสัญญาณตลอดมา” ระบุว่า เรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกแปลก ๆ กับการกระทำที่เหมือนเป็นการส่งสัญญาณของบุคคลต่าง ๆ อยู่เสมอ เพียงแต่เริ่มต้นไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เมื่อเรื่องจบถึงเห็นภาพทั้งหมด เหมือนก่อนหวยออกไม่รู้ว่าหวยจะออกเลขอะไร แต่หลังหวยออก นึกออกทันทีว่า ทำไมไม่ซื้อเลขนั้นเลขนี้
เช่นเรื่องทักษิณ ประกาศตลอดมาว่าจะกลับเมืองไทยประตูหน้าแบบเท่ ๆ ซึ่งเขาประกาศมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่พวกเราก็คิดว่าทักษิณเพ้อเจ้อ สุดท้ายเขาก็ทำตามที่พูดจริง ๆ นั่นหมายความว่ามีดีลกลับเมืองไทยมานานแล้วเพียงแต่ไม่บรรลุผลประโยชน์ร่วมกัน แต่คราวล่าสุด ลุง ๆ แพ้การเลือกตั้งยับเยินทำให้ พรรคส้มผงาดจนลุง ๆ ผวาจนต้องยอมดีลกับทักษิณ เพื่อหวังสกัดพรรคส้มเอาไว้ก่อน หรือไม่
ซึ่งผมแอบกังวลเรื่องที่เคยเล่ามาแล้ว ที่เคยยกเรื่องสามก๊กมาเป็นตัวอย่างว่า กลุ่มขันที 10 คนก่อความเดือดร้อนในประเทศ ทำให้เกิดความหวาดกลัวจนต้องเปิดประตูรับตั้งโต๊ะเข้าเมือง ด้วยหวังว่าจะใช้ตั้งโต๊ะปราบขันที 10 คน สุดท้ายตั้งโต๊ะคือตัวอันตรายยิ่งกว่าขันที่ทั้ง 10 ดังนั้นทักษิณอาจจะเป็นตั้งโต๊ะเมืองไทยก็ได้เรากำลังหนีเสือปะจระเข้หรือไม่
ซึ่งเรื่องบางเรื่อง ที่ผมรู้สึกแปลกๆ จากการกระทำที่เหมือนเป็นการส่งสัญญาณ แต่เริ่มต้นไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เมื่อเรื่องจบถึงเห็นภาพทั้งหมดอีกเรื่องก็คือ สงครามอิสราเอล ที่การนายกฯ นิด ประกาศประนามปาเลสไตน์ ถูกมองว่า อ่อนด้อยทางการเมือง (ซึ่งตอนแรกผมก็เข้าใจแบบนั้นเหมือนกัน) แต่ผมมาคิดออกอีกที่ว่า นายกฯนิค ไม่ได้อ่อนโลก แต่เพราะเพื่อไทยโปรอเมริกา เพราะเพื่อไทยมีอเมริกาเป็นผู้สนับสนุนหรือไม่
ดังนั้นรัฐบาลเพื่อไทยย่อมสนับสนุนรัฐบาลอเมริกันกลับไป ด้วยการประนามปาเลสไตน์ และสนับสนุนอิสราเอล เท่ากับเป็นการพาไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งอาจนำพาความเดือดร้อนมาสู่ประเทศชาติในที่สุด หรือไม่
ในขณเดียวกัน พิธา ก็ขยันออกตัวพาไทยเลือกข้าง ทั้งการไปพบทูตอิสราเอล หรือการไปร่วมงานวันชาติไต้หวัน ทั้งที่กิจการระหว่างประเทศ ไทยเราควรวางตัวเป็นกลาง balance ประเทศมหาอำนาจ เพื่อให้ไทยรอดพ้นภัยพิบัติ แต่เพื่อไทยและก้าวไกลกลับเลือกข้างซึ่งไม่เป็นผลดีกับไทยเลย
เรื่องบางเรื่องหรือหลายเรื่อง ไม่ใช่ความบังเอิญหรือความไม่รู้ แต่เป็นกลเกมทางการเมืองที่พวกเขาทำกันอย่างเปิดเผยมานานแล้ว แต่เรากลับมองไม่ออก ทั้งที่เขาส่งสัญญาณโต่งๆ มาตลอด คงต้องเปลี่ยน PERSPECTIVE กันใหม่ในการมองพฤติกรรมของคนเหล่านี้
การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ โดยมีประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมือง เมื่อนักกการเมืองอยู่หน้าเวที พวกเขาสวมบทบาทการแสดงที่หลากหลาย แต่หลังฉากพวกเขานั่งดื่มไวน์ร่วมโต๊ะ ไม่ว่าจะตกลงกันได้หรือไม่ได้ ผลจะออกมาตอนที่อยู่หน้าเวทีว่าจะสั่งให้ประชาชนโยกไหล่หรือเอว เพื่อเรียกร้องหรือฉลองชัยให้นักการเมืองนั้นๆ ได้รับผลประโยชน์ตามที่ตนต้องการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความจริง 'ชั้น 14' ชี้ชะตา 'รัฐบาลอิ๊งค์'
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันสุจริตไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อายุรัฐบาลขึ้นกับความจริงบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.)
'ทักษิณ-พท.' อย่าเพิ่งตีปีก! ชั้น 14 ป.ป.ช. ใกล้งวด คดีครอบงำยิ่งชัด รอ กกต. เคาะ
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หน้าแตกกันไปตามๆ กัน เมื่อได้ทราบผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่รับวินิจฉัยคำร้อง
ชนักติดหลัง-หอกดาบ ที่ค้างอยู่ของ"ทักษิณ"
แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรและพรรคเพื่อไทย ย่อมต้องถอนหายใจโล่งอก ที่ไม่ต้องตกอยู่ในสถานะ ผู้ถูกร้อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญ หลังศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง-ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือ "คดีล้มล้างการปกครอง" ที่ศาล รธน.มีมติยกคำร้องไปเมื่อ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา
'ดร.ณัฏฐ์' ชี้กรณี 'ทักษิณ-พท.' รอดคดีล้มล้างฯ ไม่ตัดอำนาจ 'กกต.' ไต่สวนยุบพรรคได้
ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยกคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยว่าการกระทำของนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยเป็นการ
'ชินวัตร' ตีปีกดันรัฐบาลครบเทอม วิบากกรรมไล่ล่า 'ชั้น14' หลอกหลอน
ดูจากมติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องของ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49
'นันทเดช' ลั่น! อย่ากลัว 'ทักษิณ' จะใหญ่โตไปกว่านี้
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ อย่ากลั