'ศ.ดร.ณัฐวุฒิ' อบรม 'เศรษฐา' ชี้แม้คนส่วนใหญ่จะเลือกพรรคนี้เป็นรัฐบาลก็ท้วงติงนโยบายได้ อัดหากวิจารณ์ไม่ได้ก็ต่างอะไรจากประเทศเผด็จการ
11 ต.ค.2566 - ศ.ดร.ณัฐวุฒิ เผ่าทวี อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ ประจำมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ประเทศสิงคโปร์ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ถ้าคนส่วนใหญ่เขาเลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาลแล้ว หมายความว่าเราไม่ควรจะท้วงในนโยบายของรัฐเลย ใช่หรือไม่” ระบุว่า วันนี้ผมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนที่เข้ามาอ่านและเขียนท้วงผมว่า ถ้าคนส่วนใหญ่เลือกเขามาเป็นรัฐบาลแล้ว นักวิชาการอย่างผมก็ไม่ควรจะออกไปท้วงนโยบายของเขา ถ้าอยากจะท้วง ควรที่จะไปท้วงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งโน่น ไม่ใช่ตอนนี้
ก่อนอื่นเลยนะครับ ไม่ว่ารัฐบาลนี้จะได้เสียงส่วนมากหรือไม่นั้น นักวิชาการควรที่จะมีสิทธิท้วงในเรื่องของนโยบายของรัฐได้ เพราะว่า
1.ในตอนก่อนที่จะเลือกตั้งนั้น มันมีพรรคอยู่หลายพรรคมากๆ และแต่ละพรรคก็มีนโยบายของพรรคเป็นร้อยๆนโยบาย มันไม่มีทางเลยที่นักวิชาการอย่างผมจะไปสามารถเขียนถึงคุณและโทษของทุกๆนโยบายในแต่ละพรรคได้ (ยกเว้นว่าผมเป็นนักวิชาการที่ด้อมพรรคใดพรรคหนึ่ง และอยากจะเขียนโจมตีพรรคคู่แข่งเพื่อที่จะ discredit พรรคนั้นๆ ซึ่งไม่ใช่ผม) เพราะฉะนั้นนักวิชาการอย่างผมจึงสามารถเขียนถึงคุณและโทษของพรรคที่ประชาชนได้เลือกมาแล้วเท่านั้น อันนี้เป็นเพราะว่าเราสามารถ narrow down ได้เรียบร้อยแล้วว่านโยบายไหนอาจจะเกิดขึ้นจริงๆ สรุปก็คือการที่นักวิชาการออกมาเขียน มาพูด ถึงนโยบายของพรรคที่ประชาชนเลือกไปแล้วนั้น มันเป็น cost and time-saving strategy ของนักวิชาการมากกว่า
2.การที่คนเลือกพรรคใดซักพรรคหนึ่งนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาชอบทุกๆ นโยบายของพรรคที่เขาเลือก ผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับทุกๆ นโยบายของพรรคที่ผมเลือก และผมก็เชื่อว่าหลายคนก็คงจะรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพราะว่าคนเราทุกคนเลือกพรรคที่ best represent อัตลักษณ์ในเชิงการเมืองของเขา แต่ best represent ไม่ได้หมายความว่า 100% เสมอไป สรุปก็คือคนทุกคนมีสิทธิในการท้วงติงนโยบายของรัฐบาล ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรัฐบาลที่เขาเลือกมาก็ตาม
3. คล้ายๆกันกับข้อที่ 1 นโยบายแต่ละนโยบายของรัฐไม่ได้มาจากประชามติ เพราะถ้าเป็นประชามติล่ะก็ นักวิชาการอย่างผมสามารถท้วงติงถึงมันตั้งแต่ก่อนที่จะมีประชามติได้ แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นการเลือกตั้งเอาผู้แทนราษฎรเข้าสภา เพราะฉะนั้นจะบอกว่าทำไมนักวิชาการไม่ท้วงติงก่อนที่จะเลือกเขาไปเป็นรัฐบาลก็ไม่ได้ ในขณะนี้สิ่งที่นักวิชาการทำได้ดีที่สุดคือการท้วงก่อนที่จะมีการนำนโยบายนี้มาใช้ ว่าถ้าจะใช้จริงๆ เราควรจะใช้ยังไงให้มันมีผลเสียที่จะตามมาน้อยที่สุด ซึ่งก็คือสิ่งที่ผมและเพื่อนๆนักเศรษฐศาสตร์หลายคนกำลังทำอยู่
4.ซึ่งเป็นข้อที่สำคัญที่สุด ถ้าเราเชื่อว่า ก็คนส่วนใหญ่เลือกเขาไปเป็นรัฐบาลไปแล้ว นักวิชาการไม่มีสิทธิไปขัดเสียงประชาชนส่วนใหญ่ มันก็หมายความว่ารัฐบาลจะทำอะไรก็ได้กับประเทศ เพราะเขามี mandate ไปเรียบร้อยแล้ว
ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมก็มองว่าประเทศเราก็ไม่ได้ต่างอะไรจากประเทศที่เป็นเผด็จการ ผมเชื่อว่าเราได้เดินทางออกมาจากจุดนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าคนเราทุกคนมีสิทธิในการ debate ในการแสดงออกถึงความกังวลต่อนโยบายต่างๆนานาของรัฐ และนักวิชาการอย่างผมก็ถือว่า ถึงแม้ว่าทางรัฐจะยัง insist ทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำอยู่แล้ว อย่างน้อยผมก็ยังรู้สึกดีกับตัวเองว่า ในเวลาที่เรายังทำอะไรได้ เราได้ทำหน้าที่ของเราได้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ภูมิธรรม’ มั่นใจนายกฯกลับมาประชุมตั้ง ‘เจทีซี’ เสร็จ ชงเข้าครม.19 พ.ย.ทันที
‘ภูมิธรรม’ ระบุ หากนายกฯกลับมา เรียกถก ตั้ง เจทีซี วันนี้ก็ เข้าครม.ทันพรุ่งนี้ โยน กต.เคาะรายชื่อ ลั่น เกาะกูดไม่จบซํ้ารอยเขาพระวิหารแน่ ยัน ไม่มีเหตุผลต้องยกเลิกเอ็มโอยู 44
ชาวนาต้นทุนกระฉูด! ปุ๋ยคนละครึ่งไม่ตอบโจทย์
บุรีรัมย์ ชาวนา เรียกร้องให้รัฐบาล ช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละพัน แบ่งเบาภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ยังขายได้ราคาต่ำ
กมธ.ประชามติ เตรียมเชิญ 'ปณท-กกต.' ถกออกเสียงประชามติผ่านไปรษณีย์
นายนพดล ปัทมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ ให้สัมภาษ
'นิพิฏฐ์' ท้าเดิมพัน! 'ทักษิณ' ไม่ผิด112-ชั้น14 ยอมเอาตะกร้อครอบปาก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ขอให้มนุษย์เข้าใจหมาด้วย" โดยระบุว่า
'ภูมิใจไทย' นัดหลังปีใหม่ ดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลครั้งต่อไป ว่า
ระวังปากพาจน! 'ทักษิณ' สามหาว เสี่ยงขัดแย้งประเทศเพื่อนบ้าน
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ทักษิณ ปราศรัย ระวังปากพาจน" โดยระบุว่า