‘จตุพร’ ปลุก ปชช. ต้องไม่ให้โอกาสนักการเมืองทำผิด กม. ได้ปกครองบ้านเมือง

‘จตุพร’ ยกโมเดลเกาหลีใต้ ปชช.เข้มแข็ง ไม่ปล่อยนักการเมืองทำผิดได้ปกครอง ระบุผู้ปกครองขยาดทำเสียหาย บ้านเมืองจึงพัฒนา ส่วนไทยล้าหลัง มัวแต่ให้นายกฯ ตระบัดสัตย์ได้โอกาสทำงานก่อน ปลุกลุกขึ้นจัดการ ลั่นรอได้และพร้อมร่วมมือ

11 ก.ย.2566-นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “สู้ต่อไป” โดยปลุกประชาชนลุกขึ้นจัดการผู้ปกครองทำความเสียหายให้กับประเทศชาติ และต้องไม่ให้โอกาสนักการเมืองทำความผิดกฎหมายได้ปกครองบ้านเมืองแม้แต่วันเดียว ทั้งนี้ยกกรณีเกาหลีใต้มีภาคประชาชนแข็งแรง ประเทศจึงพัฒนามาเป็นโมเดลการเรียนรู้เพื่อต่อสู้ต่อไป

นายจตุพร กล่าวว่า ประเทศเกาหลีใต้มีการเมืองภาคประชาชนแข็งแรงมาก โดยประชาชนถ้าเห็นว่าผู้ปกครองไม่ซื่อสัตย์แล้ว คนในประเทศนี้จะไม่เสียเวลา และไม่ยอมให้โอกาสมีอำนาจได้ปฏิบัติสิ่งมิชอบอีกแม้แต่วันเดียว ซึ่งแตกต่างจากประเทศไทย ประชาชนกลับเรียกร้องขอโอกาสให้นักการเมืองตระบัดสัตย์ได้ทำงาน โดยอ้างบ้านเมืองจะได้เดินหน้า อีกทั้งเชื่อว่า หากประชาชนในประเทศใดมีพลังแข็งแรงแล้ว ประเทศนั้นจะได้รับการพัฒนา สิ่งสำคัญเราต้องไม่กลัวอะไรเลย และไม่หวั่นไหวแม้ว่าประเทศจะหยุดชะงัก ทั้งนี้ประเทศเกาหลีใต้ได้พิสูจน์แล้วว่า เมื่อประชาชนแข็งแรง เขาจะออกมาสำแดงพลังและจัดการได้สำเร็จ จึงได้ผู้นำมาปกครองประเทศอย่างระวังตัว ไม่กล้ากระทำความชั่ว

หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาวันที่ 11-12 ก.ย.นี้ ประเทศจะได้เห็นกระบวนการตรวจสอบอย่างเข็มข้น ถ้าพบผู้มีอำนาจทำผิดกฎหมายทั้งก่อนเป็นนายกฯ หรือเป็นนายกฯ แล้วก็ตาม เราจะปล่อยให้บริหารบ้านเมืองก่อนไม่ได้เด็ดขาด เพราะการให้โอกาสไม่ควรให้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผิดต้องเป็นผิด อีกอย่างถ้าขบวนการประชาชนแข็งแรงแล้ว ประเทศไทยจะไม่มีสภาพอย่างนี้เลย เนื่องจากการปลดแอกต้องเกิดจากประชาชนสามารถทะลวงทุกเรื่องราวปัญหาให้เป็นจริงได้หมด

“ถ้าประชาชนยังอยู่ในสภาพจำนนหรือยอมรับในสิ่งที่ได้ (เป็นรัฐบาล) แล้ว ทั้งที่ประเทศไทยมีความสมบูรณ์เช่นนี้ เราควรจะได้มากกว่านี้ แต่เรากลับกลายเป็นประเทศล้าหลังในภูมิภาคอาเซียนเลย ดังนั้น ส่วนสำคัญประชาชนต้องโทษตัวเองด้วย”

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าไทยไม่มีการจัดการกันใหม่แล้ว ประชาชนจะยิ่งมืดมนต่อไป ด้วยเหตุนี้ประชาชนต้องคิดด้วยเช่นกันว่า ปัญหาทั้งหมดนั้น เราจะโทษน้ำหน้ารัฐบาลแต่ละยุคสมัยอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องโทษประชาชนด้วยเช่นกันว่า ปล่อยให้มันมาปกครองได้อย่างไร รวมทั้งถ้าประชาชนแข็งแรงแล้ว จะสามารถกดดันให้นำปัญหาทุกเรื่องราวมาวางบนโต๊ะได้หมดเพื่อเปิดเผยให้เห็นความจริงได้ชัดเจน จึงจะแก้ปัญหาบ้านเมืองและประชาชนได้ตรงจุด เช่น ราคาข้าวและพืชผลการเกษตรอื่นต้องนำมาพิจารณาถึงชาวนาหรือเกษตรกรได้ราคาจริงกันเท่าไร หากปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในระบบเอาเปรียบกันตลอดแล้ว คงไม่แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้แน่นอน

การจัดสรรที่ดินทำกินกลุ่มทุนได้เปรียบอยู่ตลอดเวลา โดยรัฐประเคนที่ดินให้เช่าได้ง่ายๆ ครั้งละหลายพันไร่ ส่วนเกษตรกร ชาวบ้านยากจนกว่าจะมีที่ดินทำกินแต่ละไร่ช่างลำบากยากเข็ญ แล้วบ้านเมืองจะอยู่ด้วยโครงสร้างสังคมเอาเปรียบกันเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อแก้ปัญหาทุนผูกขาดไม่ได้ ย่อมขจัดการเอาเปรียบในด้านพลังงานไม่ได้เช่นกัน หากรัฐบาลจัดสรรกำไรให้ทุนอยู่กันแบบไม่เสมอหน้ากันได้ คนจนย่อมไม่สามารถลืมตาอ้างปากกันได้ แต่ประเทศนี้ถ้าไม่คิดกันใหม่ เราจึงอยู่กันด้วยความหวังลมๆแล้งๆ กับเงินดิจิทัลหมื่่นบาทที่รัฐบาลสัญญาจะแจก

“ยิ่งประเทศอื่นที่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เกิดจากผู้ปกครอง แต่เป็นเพราะประชาชนแข็งแรง อย่างไรก็ตาม ถ้าประชาชนประเทศนี้ต้องการหลับไหลกันอยู่ก็ไม่มีปัญหาอะไร หากต้องการการเปลี่ยนแปลงต้องลุกขึ้นมาปลดแอก เราต้องกล้าที่จะไม่ให้โอกาสกับคนที่จะสร้างความเสียหายให้ประเทศในอนาคต เราจึงหวังกันว่า ประชาชนจะได้เวลาลุกขึ้นมาจัดการ เมื่อถึงวันนั้นเราก็ร่วมมือกัน ถ้ายังไม่ตื่นก็ไม่มีปัญหาอะไร เรารอกันได้”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' สั่งล้อมคอก! แก้ไขปัญหาเด็ก 1.02 ล้านคนหลุดระบบการศึกษา

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยความห่วงใยของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต่ออนาคตของเยา

ดัชนีการเมืองไทยร่วง! ปากท้องฉุดเรตติ้งรัฐบาล 'เศรษฐา' ตามหลัง 'พิธา'

วนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนมิถุนายน 2567” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,367 คน

ปูดดีลใหญ่พลิก! จับตาสอย 'เศรษฐา' ดัน 'อนุทิน' นายกฯ

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก

‘สรรเพชญ’ เบรก รบ.อย่าคิดขายชาติ ย้อน ‘พท.’ อย่าถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเองซ้ำอีก

นายกรัฐมนตรีที่ได้รับสมญานามว่าเป็น เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ที่มีความต้องการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งทำให้สังคมเกิดความสงสัยเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือต้องการเอื้อผลประโยชน์ให้กับใครหรือไม่