3 ก.ย.2566-ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก suphanat Aphinyan หัวข้อ “ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อพระบรมราชโองการ” ระบุว่า เมื่อเขียนถึงหลักการ คนจำนวนหนึ่งกลับยังไม่ยอมทำความเข้าใจ ยังมโนอะไรต่อมิอะไรเรื่อยเปื่อย จำเป็นต้องเขียนอธิบายแบบละเอียดแปลไทยเป็นไทยเพิ่มเติมอีกสักครั้ง หวังว่าจะช่วยติดอาวุธทางปัญญาไว้สู้กับกลุ่มคนที่ไม่หวังดีต่อสถาบันได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมายึดตัวผู้เขียน หากแต่ให้ยึดหลักการที่ถูกต้อง ทั้งประเทศนอร์เวย์ประชาธิปไตยอันดับหนึ่งของโลก สหราชอาณาจักรที่เป็นต้นแบบการปกครอง ก็หลักการเดียวกัน ไม่ผิดไปจากนี้
ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมเคารพพระบรมราชโองการอภัยโทษนายทักษิณในฐานะกลไกของระบบ และเข้าใจหลักการที่ถูกต้องในระบอบประชาธิปไตยด้วยว่าทุกอย่างมาจากฝ่ายการเมืองทั้งนั้น เนื่องจากทรงเป็นพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ พระราชอำนาจเด็ดขาดจริงๆ มีน้อยมาก มีแต่ในราชการส่วนพระองค์เท่านั้น ส่วนราชการทั่วไปล้วนแต่เป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองทั้งสิ้น อันเป็นหลักการขั้นพื้นฐานที่สำคัญมาก ทุกคนควรทราบจริงๆ
เมื่อการพระราชทานอภัยโทษนายทักษิณไม่ใช่ราชการส่วนพระองค์ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นเรื่องของส่วนราชการทั่วไป นับตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการจำนวนมาก และต้องผ่านขั้นตอนของกระบวนการพิจารณาในอีกหลายขั้นตอน โดยหลักการก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าทางรัฐบาลเป็นผู้ถวายฎีกาพร้อมกับคำแนะนำเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนายทักษิณ ยิ่งทำให้เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองโดยแท้
ส่วนการมีพระบรมราชวินิจฉัยก็อยู่บนพื้นฐานของหลักการเดียวกัน หากเป็นราชการในพระองค์ ก็จะมีพระราชอำนาจที่เป็นสิทธิ์ขาดอย่างแท้จริง เป็นพระบรมราชวินิจฉัยส่วนพระองค์โดยตรง จึงไม่จำเป็นต้องมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ แต่เมื่อเป็นราชการทั่วไป ก็อยู่นอกเหนือพระราชอำนาจที่เป็นสิทธิ์ขาด พระบรมราชวินิจฉัยมักดำเนินตามคำแนะนำของรัฐบาลที่มาพร้อมกับฎีกาเป็นเสมอ เป็นที่มาของการมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ประเด็นต่อมา หากถามว่าทรงเห็นแย้งได้บ้างหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าได้ แต่ทว่าพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยจะไม่ทรงใช้พระราชอำนาจในการเห็นแย้งแบบพร่ำเพรื่อ จะทรงใช้แต่เฉพาะเท่าที่จำเป็นในยามวิกฤตเท่านั้น โดยอีกมุมหนึ่ง เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ตอกย้ำความเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยที่เคารพรัฐธรรมนูญเฉกเช่นนานาอารยประเทศ หาได้อยู่เหนือรัฐธรรมนูญตามการบิดเบือนให้ร้ายแต่ประการใด
ดังนั้น ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาบัน หากแต่เป็นฝ่ายการเมืองที่อยู่เบื้องหลัง ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ นับตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำคือผู้รับสนองพระบรมราชโองการซึ่งไม่ต่างจากผู้ดำเนินการที่แท้จริง เช่นเดียวกับพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่มีประธานรัฐสภาเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พระบรมราชโองการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
เมื่อเข้าใจหลักการแล้ว ก็จะมองเห็นปัญหาได้ชัดเจน ส่วนแรกมาจากการตัดสินใจของฝ่ายการเมือง ส่วนที่สองมาจากการขาดความเข้าใจ ปัญหาความเข้าใจผิดต่อสถาบันในทำนองนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยในประเทศนอร์เวย์ที่เป็นประชาธิปไตยอันดับหนึ่งของโลก สหราชอาณาจักรที่เป็นต้นตำรับของระบอบการปกครอง เพราะประชาชนของเขามีความรู้ความเข้าใจในหลักการที่ถูกต้อง ตลอดจนสามารถแยกแยะปัญหาได้ด้วยตนเอง
ฉะนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับการมโนแบบผิดๆ แทนที่จะอธิบายด้วยหลักการที่ถูกต้องเพื่อปกป้องสถาบันจากความขัดแย้งทางการเมือง แต่กลับดึงสถาบันมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง เชื่อมโยงไปต่างๆ นาๆ แถมยังบีบฝ่ายเดียวกันให้ยอมรับในนิทานที่พิสูจน์ไม่ได้ ซึ่งมีแต่จะยิ่งระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทอีกด้วย เมื่อลองคิดในมุมกลับ มันจะไม่ยิ่งเปิดช่องให้อีกฝ่ายโจมตีสถาบันหรอกหรือ? ตกลงปกป้องสถาบันหรือปกป้องใครกันแน่?
สำหรับผม ผมชัดเจนเสมอ ตลอดมาและตลอดไป ปกป้องสถาบัน ไม่ได้ปกป้องฝ่ายการเมืองใดๆ #ราชประชาสมาสัยนำไทยสู่อนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่เอาไว้ทำพ่อ! 'ทักษิณ' ขู่ฟ่อ ต่อไปนี้ใครเล่นงาน จะเล่นกลับหมด บางคนให้ตังค์ใช้ พอไม่เลี้ยงโดนมันกัด
ช่วงเย็นวานนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาปราศรัยหาเสียงช่วยนายพิชัย เลิศพงษ์อดิศร ผู้สมัครนายกองค์การบริหาร
“พ่อเลี้ยง”เปลี่ยนสนามรบเป็นทุน “ดับไฟใต้-สันติภาพเมียนมา”
“ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง” นับเป็นภาพการเมืองในฝ่ายบริหารที่ “วิญญูชน” พึงประจักษ์ได้ว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขยับตัวและคำพูดของ “ทักษิณ ชินวัตร” วิทยากร-นักวิชาการของพรรคเพื่อไทย
'ทักษิณ' ปราศรัยเดือด ไม่ทนพวกเห่าหอน ซัดมาซัดกลับ เหน็บพรรคส้มขี้โม้
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ เบอร์ 2 หาเสียง โดย ทันทีที่นายทักษิณมาถึงได้เดินทักทายประชาชนที่มาร่วมฟังการปราศรัย
'เต้น' ปราศรัยเชียงใหม่ ขออย่าเปลี่ยนใจ ถามเลือกตั้ง สส. ทำไมเพื่อไทยได้แค่ 2 คน
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ เบอร์ 2 หาเสียง โดยมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี
'ทักษิณ' อวย 'แพทองธาร' เก่งกว่าตัวเองสมัยเริ่มต้น ปัดเขียนสคริปต์ให้
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง ที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้กับรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บุตรสาว ว่า สงสัยสื่อมวลชนเห็นว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.)
'ทักษิณ' เกทับ! เลือกตั้งครั้งหน้า กวาด สส.เชียงใหม่ ครบ 10 ที่นั่ง
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงให้ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือสว.ก๊อง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่