'อ.ไชยันต์' ยกประวัติศาสตร์ ขอพระราชทานอภัยโทษ เตือนครม.พิจารณาให้ดีถี่ถ้วนและรอบคอบ

'อ.ไชยันต์' ยกประวัติศาสตร์ การขอพระราชทานอภัยโทษ ยุคจอมพลป. เตือนครม.พิจารณาให้ดีถี่ถ้วนและรอบคอบ ระหว่าง ความยุติธรรม-ความสงบของบ้านเมือง-แบบอย่างที่ควรเป็นสำหรับอนาคต

1ก.ย.2566 - ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร แห่งภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า

การขอพระราชทานอภัยโทษตามกฎหมายปัจจุบัน
คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ขอให้พระราชทานอภัยโทษ
บัดนี้ ได้มีการทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษคุณทักษิณ ชินวัตร และมาถึงคุณวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีแล้ว
จะเป็นคณะรัฐมนตรีชุดไหนก็ตามที่จะทูลเกล้าฯขอพระราชทานอภัยโทษ
โปรดพิจารณาให้ ดี ถี่ถ้วนและรอบคอบ ระหว่าง ความยุติธรรม-ความสงบของบ้านเมือง-แบบอย่างที่ควรเป็นสำหรับอนาคต
และที่สำคัญคือ พระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษขององค์พระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของรัฐ
ที่มีสถานะแตกต่างจากอำนาจในการให้อภัยโทษของประมุขของรัฐที่เป็นประธานาธิบดี
————-
ในกรณีจำเลยคดีสวรรคตรัชกาลที่ 8 ที่ต้องคำพิพากษาประหารชีวิต

มีการเผยแพร่ข้อมูลว่า จอมพล ป พิบูลสงครามได้ทำเรื่องถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้นักโทษคดีสวรรคตถึง 3 ครั้ง

และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ยกฎีกาของจำเลยทั้งสามเสีย
ข้อมูลนี้ไม่เป็นความจริง

หลักฐานชิ้นแรกที่มีน้ำหนักเชื่อถือได้มากกว่าคำบอกเล่าจาก พล.ต.อนันต์ พิบูลสงคราม คือ

เอกสารหัวข้อการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 74/2497 วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม 2497 เรื่อง คำพิพากษาศาลฎีกาลงโทษประหารชีวิตนายเฉลียว ปทุมรส นายชิต สิงหเสนี และนายบุศย์ ปัทมศริน ฐานสมคบกับพวกร่วมรู้ในการปลงพระชนม์ในหลวง ร.8 มีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 97

หลักฐานชิ้นนี้ยืนยันได้ว่า ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2497 จำเลยทั้งสามเป็นผู้ทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ โดยยื่นผ่านกรมราชทัณฑ์ และฎีกาของทั้งสามถูกนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2497

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขณะนั้น (จอมพล ป พิบูลสงคราม) ได้สอบสวนพิจารณาแล้ว ไม่เห็นควรจะพระราชทานอภัยลดโทษให้ โดยอ้างว่าเรื่องนี้เป็นการประทุษร้ายแก่บุคคลสำคัญของประเทศ ตามหลักการของกระทรวงมหาดไทยซึ่งคณะรัฐมนตรีเห็นชอบด้วยแล้วนั้น จะไม่ขอพระราชทานอภัยโทษให้ ควรยกฎีกาเสีย
หลักฐานที่สองคือ ท่าทีของจอมพล ป. เองที่มีพฤติการณ์ขัดแย้งกับคำบอกเล่าว่า ตนเองถวายฎีกาไปถึง 3 ครั้ง
ช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2498 (10 เดือนหลังการประหารชีวิต) นางสุนีรัตน์ เตลาน ส.ส.นครสวรรค์ ได้เสนอ “ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดฐานกบฏและจลาจล” ต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยมีบทบัญญัติครอบคลุมทั้งหมด รวมทั้ง “ผู้ที่ได้ถูกฟ้องและรับโทษตามคำพิพากษาแล้ว หรือยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล หรือในระหว่างสอบสวนของเจ้าพนักงานสอบสวน” ให้เป็นอันพ้นจากความผิดนั้น ๆ ทั้งสิ้น

ซึ่งจอมพล ป. ได้โต้แย้งว่าไม่ควรรับรองร่าง พ.ร.บ.นี้ เพราะคดียังไม่สิ้นสุด อีกทั้งในคดีสวรรคตนั้น ในหลวง ร.8 ก็เป็นถึงสมเด็จพระเชษฐาธิราชของรัชกาลปัจจุบัน ถ้าเราจะกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษขึ้นไป ทางรัฐบาลก็จำเป็นต้องระมัดระวังว่าจะเป็นการสมควรเหมาะสมหรือไม่ เพราะฉะนั้น คิดว่าในปัจจุบันนี้ประชาชนจะไม่ให้ความสนับสนุน ถ้าหากว่าเราได้ประกาศนิรโทษกรรมพวกเหล่านี้ไป

หลักฐานสุดท้ายคือ คำกล่าวของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล จากบทความ เรื่อง “50 ปีการประหารชีวิต 17 กุมภาพันธ์ 2498” ที่แย้งบันทึกของ พล.ต.อนันต์ พิบูลสงคราม

โดยสมศักดิ์ฯ ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ทำนองว่า โดยสามัญสำนึกใครที่อ่านเรื่องนี้แล้ว ควรต้องสงสัยว่าการขอพระราชทานอภัยโทษในคดีเดียวจะสามารถทำได้ “ถึงสามครั้ง” หรือ?
ซึ่งคำบอกเล่าของ พล.ต.อนันต์ฯ ก็เป็นการรับฟังมาจาก จอมพล ป. อีกทอดหนึ่ง และการบอกเล่าของจอมพล ป. ก็เป็นเพียงคำบอกเล่าด้วยวาจาเท่านั้น

สรุปได้ว่า การที่จอมพล ป. กล่าวอ้างว่าตนได้ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้นักโทษคดีสวรรคตถึง 3 ครั้งนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะจากหลักฐานทั้งหมด เป็นที่ชัดเจนว่า จำเลยทั้งสามเป็นผู้ทูลเกล้าถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ และแม้รัฐบาลจะทูลเกล้าถวายฎีกาไปยังในหลวง ร.9 ก็ตาม แต่รัฐบาลก็มีข้อแนะตามที่ลงมติไว้ด้วยว่า “ไม่ควรจะพระราชทานอภัยลดโทษให้ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นการประทุษร้ายแก่บุคคลสำคัญของประเทศ”

และสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ตั้งคำถามต่อบันทึกของ พล.ต.อนันต์ พิบูลสงคราม ยังได้สรุปในประเด็นนี้เอาไว้ด้วยว่า การที่ในหลวงโปรดเกล้าฯ ให้ยกฎีกานี้ เพราะทรงอาศัยเหตุผลอย่างเดียวกับคณะรัฐมนตรีคือ “เป็นการประทุษร้ายแก่บุคคลสำคัญของประเทศ” ซึ่งเป็นเหตุผลที่อยู่บนความถูกต้องจากการพิจารณาและคำพิพากษาของศาลนั่นเอง

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก luehistory)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบ 'นักโทษเทวดา' งวดเข้าไปเต็มที ไม่มีแพทย์แม้แต่คนเดียว ยอมรับว่าเป็นผู้ตรวจรักษา

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ว่า ควานหาตัวไอ้โม่ง ที่ตกลงรับผิดชอบจ่ายค่ารักษาพยาบาลนักโทษเทวดาการตรวจสอบไต่สวน กรณีนักโทษเทวดาชั้น 14 งวดเข้าไปเต็มทีแล้ว

แกนนำคปท.ซัด 'ทักษิณ' นายเสือกทุกเรื่อง ทำตัวเป็นศูนย์กลางจักรวาล แนะชะโงกดูเงาตัวเอง

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตอบโต้กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ปราศรัยช่วยหาเสียงผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.อุดรธานีว่าตนเองมีตำแหน่งสทร. หรือ เสือกทุกเรื่อง ว่า

แฉแผน ผลประโยชน์ทับซ้อน 'ทักษิณ' เคยเป็นที่ปรึกษานายกฯกัมพูชา ที่มีข้อพิพาททางทะเล

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กกรณี คณะรัฐมนตรี (ครม.) เตรียมแต่งตั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็น ประธานคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา (JTC) ว่า

'ทักษิณ' มาเยี่ยม 'นายกฯอิ๊งค์' หลังป่วยหลอดลมอักเสบ

เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาป่วย เนื่องจากแพทย์ตรวจพบว่ามีเชื้อแบคทีเรียในลำคอ ทำให้หลอดลมอักเสบและเสียงแหบนั้น

'จตุพร' ซัด 20 ปีตากใบรัฐซ่อนผิด ต้นเหตุยุค 'ทักษิณ' ลูกขอโทษขาดจริงใจ หวั่นไฟใต้ปะทุรุนแรง

คดีตากใบ 20 ปีรัฐลอยนวล ปล่อยผู้ต้องหาพ้นผิด 'จตุพร' ซัดรัฐบาลผิดพลาด ชี้ต้นเหตุเกิดสมัย 'ทักษิณ' ถึงรัฐบาลลูกต้องรับผิดชอบ ระบุคำขอโทษขาดจริงใจลบบาดแผลใจญาติผู้สูญเสียไม่ได้ คาดรุนแรงชายแดนใต้จะปะทุเป็นโศกนาฎกรรมรอบใหม่ ท้าใครยกเยียวยาสำคัญกว่าชีวิต ให้มาตายเอาเงินเยียวยา