พฤติกรรม ‘พิธา’  นี่หรือคือ ‘จิตวิญญาณธรรมศาสตร์’ ที่ควรเชิญเป็นแขกพิเศษ

6 ส.ค.2566-รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

ก่อนวันที่คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะไปแสดงปาฐกถาในงานปฐมนิเทศน์เพื่อนใหม่(คำที่นศ.มธ ใช้กัน)ของมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ ญาติสนิทท่านหนึ่งมีหลานที่สอบเข้าธรรมศาสตร์ได้โทรมาถามว่า งานปฐมนิเทศน์ของธรรมศาสตร์นี่ต้องไปไหม ทำไมดูรายการแล้วแปลกๆชอบกล พร้อมทั้งส่ง link มาให้ เข้าไปดูก็เห็นรายละเอียดว่า นอกจากนักศึกษาใหม่จะได้พบกับอธิการบดี รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา และผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษาแล้ว ยังมีคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะศิษย์เก่าเป็นแขกรับเชิญพิเศษ(special guest)อีกด้วย ผมก็ตอบท่านไปว่า เป็นงานปฐมนิเทศน์ของมหาวิทยาลัย นักศึกษาใหม่ก็ควรต้องไป

ว่าที่จริง ทั้งอธิการบดี และรองอธิการบดีทั้ง 2 ท่าน เป็นผู้ที่ผมรู้จักมักคุ้นทั้งสิ้น และพอจะรู้ว่าคนไหนยืนอยู่ข้างไหนในทางการเมือง แต่ก็ไม่วายแปลกใจว่า ทำไมจึงกล้าเชิญคุณพิธามาเป็นแขกรับเชิญพิเศษและยกเวทีให้คุณพิธาได้แสดงปาฐกถาให้ทั้งอาจารย์ และนักศึกษาใหม่ที่ต้องเข้าร่วมงานปฐมนิเทศน์ฟังโดยไม่กลัวข้อครหาใดๆ

เป็นเรื่องธรรมดาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะเชิญศิษย์เก่ามาเล่าประสบการณ์ให้นักศึกษาใหม่ฟัง เพราะมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์มีศิษย์เก่าจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆทุกด้าน ในอดีตมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เคยมีความภาคภูมิใจที่ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ดำรงตำแหน่งประมุขของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ในเวลาเดียวกัน นั่นคือ นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกา

การจัดงานปฐมนิเทศน์เท่าที่ผมเคยมีประสบการณ์ในฐานะผู้จัด ก็จะเชิญศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพต่างๆเพื่อเป็นแบบอย่าง และเล่าถึงเส้นทางของความสำเร็จให้นักศึกษาใหม่ฟัง และจะเชิญมาหลายคนให้อภิปรายพร้อมกัน เช่น จากภาคการเมือง ภาคธุรกิจ ภาคราชการ ภาคตุลาการ เป็นต้น แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะมีภาคเดียวและคนเดึยว คือคุณพิธาลิ้มเจริญรัตน์ เรียกได้ว่าเป็น highlight ของงานเลยทีเดียว

การแสดงปาฐกถาของคุณพิธา แม้ว่าจะมีการให้หลักคิดแก่นักศึกษาบ้าง แต่ก็ไม่วายที่จะพูดเรื่องการเมือง ซึ่งเนื้อหาไม่ต่างอะไรกับการปราศรัยต่อมวลชนในจังหวัดต่างๆ หลังจากที่ไม่ผ่านการลงมติให้ความเห็นชอบของรัฐสภา ทั้งยังกล่าวเสียดสีวุฒิสมาชิก และกระบวนการยุติธรรมของประเทศ แต่ที่ศิษย์เก่าจำนวนมากรับไม่ได้ที่สุดก็คือ การที่คุณพิธากล่าวว่า จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ ก็เป็นวิถีของพรรคก้าวไกล

เมื่อพูดถึง “จิตวิญญาณธรรมศาสตร์” คงไม่มีข้อความใดที่แสดงถึงจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ได้ดีเท่ากับข้อความของ คุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือ “ศรีบูรพา” ที่กล่าวถึงนักศึกษาและบัณทิตของธรรมศาสตร์ไว้ดังนี้

” นักศึกษาและบัณทิตของ ม.ธ.ก. มีความรักในมหาวิทยาลัยของเขามิใช่เหตุแต่เพียงว่าเขาได้เรียนในมหาวิทยาลัยนี้ เขาได้วิชาความรู้ไปจากมหาวิทยาลัยนี้ เขารักมหาวิทยาลัยนี้ เพราะว่ามีธาตุบางอย่างของมหาวิทยาลัยนี้ที่สอนให้เขารู้จักรักคนอื่น รู้จักคิดถึงความทุกข์ยากของคนอื่น เพราะว่ามหาวิทยาลัยนี้ไม่กักเขาไว้ในอุปาทาน และความคิดที่จะเอาแต่ตัวรอดเท่านั้น “

พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล และบรรดาด้อมส้ม มีอะไรที่สะท้อนข้อความข้างต้นหรือไม่ ยังไม่ต้องพูดถึงว่า ความเป็นธรรมศาสตร์ที่แท้จริงนั้นจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่พูดโกหกเพื่อเอาตัวรอด ต้องไม่ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น พฤติกรรมของความก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ตำ่ทราม ละเมิดสิทธิ์ผู้อื่นรวมทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ของด้อมส้ม เคยมีใครในพรรคก้าวไกลออกมาห้ามปรามหรือไม่ นอกจากไม่ห้ามปรามแล้วยังปกป้องสนับสนุนอีกด้วย

คุณพิธาเอง เป็นที่ประจักษ์ว่าพูดไม่จริงและพูดความจริงครึ่งเดียวหลายเรื่อง กรณีกลับมางานศพของคุณพ่อคุณพิธา กรณีหาเสียงที่ไปสัญญาว่า จะให้เงินผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท ทั้งที่รู้ว่ากว่าจะได้ 3,000 บาท ต้องรอถึงปี 2570 แต่เลือกที่จะไม่พูดถึงเวลาที่จะได้จริง ทั้งยังสามารถเปลี่ยนจุดยืนได้หน้าตาเฉยเพียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียง เช่นในกรณี กัญชาเสรี แต่เรื่องที่ใหญ่มากคือ คำถามเรื่องจริยธรรมและธรรมาภิบาลในช่วงที่คุณพิธาบริหารบริษัท oil for life ของครอบครัว ที่สร้างภาพว่าได้กอบกู้บริษัทจากขาดทุนมาเป็นกำไร ทำให้คุณพิธามีชื่อเสียงขึ้นมาในขณะนั้น ในฐานะ “อายุน้อยร้อยล้าน” แต่หลังจากนั้นบริษัทขาดทุนจนอาจถึงขั้นล้มละลาย เรื่องนี้กลับเงียบ หากคุณพิธาไม่ได้เล่นการเมือง ก็คงไม่มีใครขุดคุ้ยขึ้นมา

กรณีที่บริษัท oil for life ให้กู้ยืมเงิน 117 ล้านแก่บุคคลที่ไม่เปิดเผยชื่อ โดยไม่มีดอกเบี้ย เมื่อไมีมีการชำระหนี้คืน แทนที่จะฟ้องร้องกลับตัดเป็นหนี้สูญ กรณีที่บริษัท oil for life เป็นหนี้ธนาคาร 460 ล้าน ไม่สามาระชำระหนี้ได้ ซึ่งคุณพิธาเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ก้อนนี้ด้วย และกำลังจะถูกธนาคารอย่างน้อย 3 แห่งฟ้องให้ชำระหนี้ เรื่องเหล่านี้คุณพิธา ไม่เคยชี้แจงต่อสาธารณะได้เลยแม้แต่เรื่องเดียว

นี่หรือคือ “จิตวิญญาณธรรมศาสตร์” ควรหรือที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะเชิญคุณพิธาไปเป็นแขกรับเชิญพิเศษแต่เพียงผู้เดียวเพื่อเป็นแบบอย่างให้นักศึกษาใหม่ในงานปฐมนิเทศน์ หรือผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าคุณพิธาได้รับความนิยมสูงจากคนรุ่นใหม่ จึงเชิญมาโดยไม่พิจารณาคุณสมบัติอื่นๆของคุณพิธาเลย หรือเชิญมาเพื่อเปิดโอกาสให้คุณพิธาสร้างคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนให้ได้เป็นายกร้ฐมนตรีให้ได้

ผมไม่ขอตัดสินว่า เหตุผลที่แท้จริงที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชิญคุณพิธามาเป็นแขกพิเศษและให้แสดงปาฐกถาในงานปฐมนิเทศน์นักศึกษาใหม่คืออะไร เพราะท่านทั้งหลายที่มีเหตุมีเหตุผลพอและมีใจเป็นธรรม ควรจะตัดสินได้เอง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

47 เก้าอี้นายกฯอบจ. บ้านใหญ่ ลุ้นเข้าวิน-กินเรียบ!

คิกออฟ นับหนึ่งตั้งแต่จันทร์ที่ 23 ธ.ค.ที่เป็นวันแรกของการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด

พรรคส้มดาวกระจาย สู้ศึกอบจ. ‘พิธา’ ชน ‘ทักษิณ’ ตรง ‘ประตูท่าแพ-ตลาดวโรรส’ จันทร์นี้

พรรคประชาชน(ปชน.)เตรียมตัวส่งผู้สมัครนายก อบจ.ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ในวันที่ 23 ธ.ค. โดยส่งระดับแกนนำและผู้ช่วยหาเสียงที่เป็นผู้นำจิตวิญญาณลงประกบตามพื้นที่ต่างๆ

"สิรภพ" รับรางวัล "ศิษย์เก่าผู้ทรงคุณค่าต่อสังคม"เนื่องในวันธรรมศาสตร์

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณ “ศิษย์เก่าผู้ทรงคุณค่าต่อสังคม” ในโอกาสวันสถาปนามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ค้าน ‘VAT’15% ‘พิธา’ สอน ‘อิ๊งค์’ ต้องปฏิรูปภาษี

"พิธา" แนะรัฐบาลปฏิรูปภาษีทั้งระบบ ดีกว่าเจาะจงที่แวต ถามตัวเลข 15% มาจากไหนไม่เข้าใจ ด้านประธานหอการค้าขอนแก่นระบุการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มควรขึ้นไม่เกิน 10%

'พิธา' แนะรัฐบาลปฏิรูปภาษีทั้งระบบ มากกว่าปรับขึ้น VAT 15% สงสัยอยู่ดีๆก็โพล่งมา

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวรัฐบาลมีแนวคิดขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 15% ว่า ภาษีในประเทศ มีทั้งภาษีทางตรง