'ชูวิทย์' ออกแถลงการณ์ถึง'เศรษฐา'และ บมจ.แสนสิริ ตอกย้ำรู้เห็นเลี่ยงภาษี521ล้าน ชี้การกระทำที่ซ่อนเร้น อำพรางผิดตามกฎหมาย ย่อมไม่สามารถเป็นนายกฯ ได้ ปลุกให้สังคม ประชาชน สมาชิกรัฐสภา ได้พิจารณาให้ถ่องแท้
4ส.ค.2566-นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง คำแถลงการณ์จากชูวิทย์ถึง นายเศรษฐา ทวีสิน และ บมจ.แสนสิริ มีเนื้อหาดังนี้
.
บมจ.แสนสิริ เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
.
มีฝ่ายกฎหมายเชี่ยวชาญเรื่องที่ดิน และต้องมีธรรมาภิบาล
.
ทั้งต่อผู้ถือหุ้น ประชาชน สังคม เศรษฐกิจของประเทศ
.
ผมขอตอบโต้ บมจ.แสนสิริ ด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริง ดังนี้
.
1. หากผู้ขายเป็นผู้ชำระภาษี และแสนสิริไม่ได้รับรู้เรื่องด้วย เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของผู้ขาย
.
แล้วเหตุใดแสนสิริจึงทำวาระการประชุมวันเดียว แบ่งการโอนจากผู้ขายออกมา 12 ฉบับ 12 วัน เพื่อไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ทั้งที่เป็นที่ดินแปลงเดียว โฉนดเดียว
.
และโอนติดต่อกัน 12 วัน เว้นเฉพาะเสาร์อาทิตย์ ตามผู้ร่วมขายแต่ละคนแต่ละวันจนครบ
.
ส่งผลถึงการเสียภาษีที่แตกต่างกับวิธีปกติถึง 521 ล้านบาท ที่ไม่ได้ชำระให้รัฐใน ภ.ง.ด. 90
.
การเลี่ยงการโอนจากผู้ขายที่ต้องโอนพร้อมกันทั้ง 12 คน ทั้งที่เป็นที่ดินโฉนดเดียว
.
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้ากรณี “ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน หรือคณะบุคคล” ตามคำจำกัดความของกรมสรรพากรที่เคยวินิจฉัยว่า
.
สามีภรรยาไม่ได้จดทะเบียนสมรส ขายบ้านอยู่อาศัย 1 หลัง ถือเป็นคณะบุคคล ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอัตราก้าวหน้าในสิ้นเดือนมีนาคมปีถัดไป
.
ดังนั้น แม้จะอ้างว่าเป็นภาระของผู้ขาย แต่ผู้ซื้อซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ มีความเชี่ยวชาญด้านที่ดิน ภาษี มีการซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก มีโครงการอยู่ทั่วประเทศ
.
ย่อมรู้ดีว่าการโอนด้วยวิธีนี้ จะทำให้รัฐสูญรายได้จากภาษีเป็นเงิน 521 ล้านบาท
.
เป็นไปไม่ได้ว่าบริษัทที่มีธรรมาภิบาลในตลาดหลักทรัพย์ จะอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องและเป็นเรื่องของผู้ขาย
.
หากผู้ซื้อไม่ยินยอมทำสัญญา หรือร่วมมือในการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ย่อมกระทำการไม่ได้เด็ดขาด
.
2. นายเศรษฐาเป็นกรรมการผู้จัดการ ในขณะที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าว ที่มี 1 โฉนด โดยมีวงเงินสูงถึง ตารางวาละ 3.93 ล้านบาท หรือวงเงินรวม 1,570 ล้านบาท
.
ไม่เคยปรากฏว่ามีที่ดินแปลงใดในประเทศไทยมีการขายต่อตารางวาสูงขนาดนี้
.
นายเศรษฐาได้เข้าประชุมกรรมการ และเป็นผู้เซ็นรับรองการประชุม จึงย่อมปฏิเสธการรับรู้ถึงราคา วงเงินที่ดิน และแผนการเงินไม่ได้
.
การอ้างว่าไม่ทราบวิธีการโอนที่แปลกประหลาด อันเป็นเงื่อนไขทำให้รัฐสูญรายได้ 521 ล้านบาท
.
ย่อมไม่ใช่วิสัยของผู้บริหารสูงสุดจะกระทำ เพราะถือเป็นความเสี่ยง หากใครคนใดคนหนึ่งไม่ยอมโอนในวันถัดไป จะทำให้ได้ที่ดินไม่ครบทั้งแปลง
.
แม้ประชาชนธรรมดายังไม่กระทำ
.
แต่ บมจ.แสนสิริ เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ มีความรู้ความสามารถ เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ยิ่งไม่มีทางเสี่ยงที่จะกระทำ หากไม่มีวาระซ่อนเร้น
.
อีกทั้งนายเศรษฐารับรู้ว่ามีการแบ่งวาระการประชุมเป็น 12 ฉบับภายในการประชุมวันเดียว แต่ไม่ได้ทักท้วง
.
ทำให้เห็นพฤติการณ์อย่างชัดเจนว่าร่วมรับรู้ ร่วมกระทำความผิด เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีมาตั้งแต่ต้น
.
3. ยิ่งภายหลังอ้างว่าผู้ขายเป็นผู้มาขอเปลี่ยนแปลงวิธีการโอนกรรมสิทธิ์ ต้องการแยกโอนเป็น 12 วันติดต่อกัน แสนสิริดูแล้วไม่ส่งผลกระทบต่อตัวบริษัท ทำให้ทีมกฎหมายยินยอมกระทำการตามที่ผู้ขายร้องขอ
.
ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าแสนสิริ โดยนายเศรษฐา รับรู้วิธีการของผู้ขาย หากผู้ขายเสนอวิธีการโอนที่ผิดกฎหมายหรือหลีกเลี่ยงภาษี แสนสิริย่อมสามารถทราบดี
.
เพราะเป็นผู้ที่ซื้อที่ดินอยู่เป็นประจำ ทำธุรกิจเกี่ยวกับที่ดินเป็นหลัก มีฝ่ายกฎหมาย และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของประเทศ
.
นอกจากนั้น พฤติการณ์อื่นๆ ไม่ว่าการรับมัดจำในที่ดินแปลงเดียวกันจากผู้ขาย 12 คน ในราคาที่แตกต่างกันในแต่ละคน ย่อมไม่มีนักธุรกิจวิญญูชนใดกระทำ
.
อีกทั้งการจ่ายเงินมัดจำถึง 50% ยังเป็นจำนวนสูงกว่าปกติ ผิดวิสัยการมัดจำที่ดินปกติทั่วไปซึ่งไม่เกิน 10-20%
.
และมีการชำระเป็นเงินสด สูงถึงวันละ 50 ล้านบาท ถึง 200 ล้านบาท
.
ย่อมไม่มีผู้ใดกระทำ โดยเฉพาะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
.
เมื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เสนอตัวเองรับใช้ประชาชน โดยถูกเสนอชื่อจากพรรคเพื่อไทย เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมต้องมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์
.
การกระทำที่ซ่อนเร้น อำพราง ช่วยเหลือให้เกิดการหลีกเลี่ยงภาษีถึง 521 ล้านบาท โดยร่วมรับรู้ เป็นส่วนหนึ่งของผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย ย่อมไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่เป็นผู้บริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ได้
.
นายเศรษฐาจำเป็นต้องรอบคอบ เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ การเสียภาษีเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน แม้แต่พนักงานผู้ทำงานห้างร้านบริษัท ยังไม่สามารถหลบเลี่ยงภาษีได้แม้แต่น้อย
.
แต่นายเศรษฐากลับกระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย ร่วมมือกระทำความผิด ทำให้รัฐเสียหายไม่ได้เงินภาษีกว่า 521 ล้านบาท และมีที่ดินแปลงอื่นๆ ที่กระทำลักษณะเดียวกันอีกมาก
.
โดยจะนำเสนอในวาระถัดไป
.
ด้วยพฤติการณ์ของนายเศรษฐา จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
.
หากรัฐสภาให้นายเศรษฐารับตำแหน่งในอนาคต ย่อมจะส่งผลเสียหายต่อประเทศชาติ
โดยอาจช่วยเหลือนายทุนคนอื่นๆ ให้กระทำการแบบเดียวกัน หรือคล้ายคลึงกัน
.
นับเป็นการกระทำที่ไม่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
.
จึงขอเรียนให้สังคม ประชาชน สมาชิกรัฐสภาได้พิจารณาให้ถ่องแท้
.
โดยเอกสารหลักฐาน ต่างๆ จะนำเสนอให้ทุกท่านได้พิจารณาต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สมศักดิ์' เชื่อไม่ซ้ำรอยรัฐบาลเศรษฐา โยนฝ่ายกฎหมายแจง 6 ประเด็นคำร้องยุบพท.
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว. สาธารณสุข ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ประเด็นทางการเมืองในขณะนี้โดยเฉพาะกรณีนายธีรยุทธ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ผู้ร้องในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดวินิจฉัยวินิจฉัยยุบพรรคเพื่อไทย(พท.)
ย้อน ลมปาก 'ณัฐวุฒิ' ประกาศทิ้ง 'เพื่อไทย' อยู่ด้วยไม่ได้กับพรรค 2 ลุง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Live “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ”
นายกฯ ยันนโยบายส่วนใหญ่สานต่อยุคเศรษฐา!
นายกฯ เผยได้ข้อสรุปนโยบายส่วนของเพื่อไทยวันนี้ ขณะพรรคร่วมฯทยอยส่งนโยบายรัฐบาลแล้ว เชื่อปมกัญชาไม่เป็นปัญหาคุยกันได้ ส่วน 'เพื่อไทย' ยังเหมือนเดิม แต่ปรับรายละเอียดดิจิทัลวอลเล็ตเล็กน้อย
'อดิศร' รับเป็นผู้เปิดประเด็นเขี่ยพลังประชารัฐพ้นพรรคร่วม
'อดิศร' อัดคนร่วม รบ.ต้องมีความจริงใจไม่ใช่ถือมีดสั้นปักหลัง เมินนักร้อง ร้องเรียนภายหลังบอกเป็นเอกสิทธิ์ แต่ถามกลับ ทำหน้าที่อะไรบ้าง จวกสร้างแต่ความเสียหายให้ประเทศ
'เศรษฐา'โผล่ร่วมงานใหญ่! อวยอุ๊งอิ๊งเป็นผู้นำแข็งแกร่งวิสัยทัศน์เฉียบแหลม
'เศรษฐา' ร่วมงานฉลอง 8 ทศวรรษความสัมพันธ์อินเดีย-ไทย บอกเชื่อใจ 'นายกฯอิ๊งค์' เป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง วิสัยทัศน์ทางธุรกิจเฉียบแหลม สามารถสานต่อความร่วมมือสองประเทศยิ่งขึ้น
'เศรษฐา' เปิดทรัพย์สินในฐานะอดีตขุนคลังอึ้ง! ผลตอบแทนโทเคนดิจิทัล 139 บาท
เปิดคลังสมบัติ 'เศรษฐา' หลังพ้นรมต. รวย 1,080 ล้านบาท รายได้ 23 ล้านบาท หนี้สินแค่ 7 หมื่น เทียบลดลงจากวันที่รับตำแหน่งปี 66 1.7 ล้าน หนี้ลด 10 ล้าน