เลขาฯรมว.กต. ยันไทยไม่แทรกแซงกิจการภายในเมียนมา ต้องแก้ด้วยการเจรจา แสวงหามิตรไม่ใช่สร้างศัตรู ดึงกลับมาสู่ครอบครัวอาเซียนไม่ใช่ผลักหรือโดดเดี่ยวเมียนมา ซัดประเทศตะวันตกชินกับนโยบายแบ่งแยกและปกครอง
21ก.ค.2566 - นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เรื่อง ผลประโยชน์/ความมั่นคงของไทยต้องมาก่อน มีเนื้อหาดังนี้
ผลประโยชน์และความมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่รัฐบาลยึดถือเป็นหลัก
รัฐบาลทุกประเทศต้องรักษาและเพิ่มพูนผลประโยชน์และความมั่นคงของประเทศ. อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไทยก็เช่นกัน ทุกรัฐบาลต้องรักษาผลประโยชน์และความมั่นคงของประเทศ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา เป็นสิ่งที่ไทยต้องให้ความสนใจ
เพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดต่อกับไทยถึงสองพันกว่ากิโลเมตร
ความชัดเจนในนโยบายต่างประเทศของไทยคือ จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของเมียนมา
ไทยประสงค์ให้สถานการณ์ในเมียนมาคลี่คลาย
ไทยไม่อยากเห็นการสู้รบในเมียนมาขยายตัวและส่งผลร้ายต่อไทยและภูมิภาค
ไทยคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับการที่จะมีการสนับสนุนให้แต่ละฝ่ายในเมียนมาสู้รบกัน
ไทยไม่อยากเห็นความขัดแย้งทางการเมืองในเมียนมาขยายตัวเป็นสงครามกลางเมือง
ไทยไม่อยากเห็นการสู้รบแบบยูเครนข้างชายแดนไทย
หากไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองในเมียนมา. อย่าคาดหวังว่า จะแก้ไขปัญหา. การลักลอบนำเข้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การค้าอาวุธสงคราม และอาชญากรรมทางออนไลน์ที่ระบาดและเป็นปัญหาใหญ่อยู่ในขณะนี้ได้
คุณดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศมีความเชื่อว่า ความขัดแย้งต่างๆที่เกิดขึ้นต้องแก้ไขด้วยการเจรจาและทำความเข้าใจกัน
นอกจากการเจรจากับฝ่ายรัฐบาลเมียนมาแล้ว
รัฐมนตรีต่างประเทศไทยเห็นว่าการพูดคุยกับ อองซาน ซูขจี ก็จะเป็นประโยชน์ ซึ่งจะทำให้ทราบและเข้าใจความคิดเห็นของอองซาน
งานหลักของกระทรวงการต่างประเทศคือการทูต. หลักใหญ่คือการเจรจา แสวงหามิตรไม่ใช่สร้างศัตรู
แต่ก็มีสื่อเลือกฝ่ายและบางประเทศไม่อยากเห็นสื่งนี้เกิดขึ้น
ตั้งข้อสงสัยว่า มีการพบปะพูดคุยกันจริงหรือไม่
มีหลักฐานอะไรแสดงให้เชื่อได้บ้างว่ามีการพูดคุยกันจริง
มีเหตุผลหรือมีประโยชน์อะไรที่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยต้องโกหก
ไม่รู้ว่า คนเหล่านั้นไม่รักสันติ ไม่อยากเห็นความสงบสุขเกิดขึ้นในเมียนมา
หรือ ว่าคนเหล่านั้น หิวเลือด อยากเห็นการนองเลือดในเมียนมา
อาเซียนจำเป็นต้องร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมาในการแก้ไขปัญหาทางการเมือง และทุกฝ่ายในเมียนมาต้องประณามและยุติการใช้ความรุนแรง
ความเห็นส่วนตัวของผม ไม่อยากเห็นการกีดกันเมียนมาออกจากอาเซียน ดำรงการสร้างสายสัมพันธ์กัยเมียนมา
ดึงเมียนมากลับมาสู่ครอบครัวอาเซียน ไม่ใช่ผลักหรือโดดเดี่ยวเมียนมา
ประการสำคัญ ประเทศตะวันตกเคยชินกับนโยบายแบ่งแยกและปกครอง ให้ประเทศต่างๆวุ่นวายกับปัญหาภายใน ปัญหาขัดแย้งกับชนกลุ่มน้อย สร้างความอ่อนแอให้ประเทศต่างๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อดีตบิ๊กข่าวกรอง วอนอย่าสิ้นหวังยังมีอีกหลายคดีให้ลุ้น!
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า อย่าสิ้นหวัง
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ฟาด 'จานบูด' มโนละเมอเพ้อพก 'แม้ว' ได้กลับบ้านเพราะส้มชนะเลือกตั้ง
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เห็นนักการเมืองเกรงใจกัมพูชาเรื่องเกาะกูด แล้วรู้สึกอเนจอนาถใจ สิ้นไร้ไม้ตอก
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความว่า อเนจอนาถ จะมีใครรู้สึกเหมือนผม
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' แจงยุค 'ลุงตู่' เจรจา 'เกาะกูด' 3 แนวทาง ไม่มีแรงต้านเหมือนนักการเมือง
8พ.ย.2567-นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าบูรณภาพกับพลังงานอะไรมาก่อน
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' แฉคนหากินกับพลังงาน นักการเมืองแอบมีหุ้นในกิจการน้ำมัน เร่งคุย MOU 44
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart หัวข้อ อย่าเป็นคนดี
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' จี้รัฐบาลนำมติครม.ยุคอภิสิทธิ์ เข้าสู่สภาเพื่อให้ยกเลิก MOU44
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ยกเลิก เอ็มโอยู. 44