'ทนายเชาว์' สมเพช 'ธาริต' ดิ้นหนักแถลงบิดเบือนข้อเท็จจริง จุดจบติดคุก ส่อละเมิดอำนาจศาล

8 ก.ค.2566 - นายเชาว์ มีขวด ทนายความ และ อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ดิ้นเฮือกสุดท้ายของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จุดจบข้าราชการรับใช้การเมือง ต้องติดคุก และ ส่อละเมิดอำนาจศาล

เห็นนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ออกมาดิ้นแถลงปิดคดีที่อดีตนายกอภิสิทธิ์ และอดีตรองนายกฯ สุเทพ เป็นโจทก์ฟ้อง ฐานกลั่นแกล้งให้ได้รับความผิด ในเหตุชุมนุมปี 2553 โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับประชาชน 99 ศพ ที่เสียชีวิต แล้ว ต้องบอกว่า น่าสมเพชอย่างยิ่ง เพราะข้อเท็จจริงในคดีที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องเข้าควบคุมความสงบคืนสู่สังคม จากการชุมนุมที่มีอาวุธสงครามร้ายแรงนั้น จบไปนานแล้ว แต่ยังจงใจบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิดในการต่อสู้คดีของนายธาริต

คดีที่ดีเอสไอ และอัยการ ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กล่าวหาอดีตนายอภิสิทธิ์และอดีตรองนายกฯสุเทพศาลฎีกายกฟ้องถึงที่สุด และ ป.ป.ช.ก็ตีตกคำร้องไปแล้ว ไม่พบเหตุตามข้อกล่าวหา จนนำไปสู่การฟ้องกลับเอาผิดนายธาริต ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาบิดเบือนกลั่นแกล้งให้บุคคลทั้งคู่ต้องรับโทษ ศาลชั้นต้น ยกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์ กลับคำพิพากษา สั่งจำคุกนายธาริตกับพวก 2 ปี ไม่รอลงอาญา มีการต่อสู้ในชั้นศาลฎีกา และประวิงเวลาเรื่อยมา ทำให้ต้องเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปถึง 8 ครั้ง อ้างเรื่องอาการเจ็บป่วย กระทั่งในครั้งที่ 8 ศาลออกหมายจับ ชี้ว่านายธาริต จงใจประวิงเวลาให้คดีล่าช้า และมีพฤติการณ์หลบหนี นัดอ่านคำพิพากษาใหม่ในวันที่ 24 มีนาคม 2566

เมื่อถึงเวลานัดหมาย คราวนี้นายธาริต มาตามนัด ยื่นคำร้องถอนคำให้การใหม่ จากปฏิเสธข้อหา เป็นรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เป็นเหตุให้การตัดสินคดีต้องเลื่อนออกไปอีก เป็นครั้งที่ 8 และศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่นายธาริต ก็ไม่ไปศาล อ้างป่วยจากอาการบ้านหมุน ทำให้ต้องเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปเป็นครั้งที่ 9 นัดหมายอ่านคำพิพากษาครั้งที่ 10 ในวันที่ 10 กรฎาคมนี้ แต่อยู่ๆเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานายธาริต กลับยื่นคำร้องขอให้ศาลส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยข้อกฎหมายอาญามาตรา 157และ 200 ว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 212 หรือไม่ ทั้งที่ตนเองเคยยื่นถอนคำให้การ เป็นรับสารภาพแล้ว คดีนี้จึงชัดเจนในความผิดที่กล่าวหาตามคำรับสารภาพของนายธาริตแล้ว จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากต้องติดคุก

ก่อนจะถึงวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเพียงแค่สองวันนายธาริต กลับนัดสื่อแถลงปิดคดีนอกศาล ทั้ง ๆ ที่ได้ต่อสู้ในคดีนี้มาอย่างเต็มที่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับมีการถอนคำให้การเป็นรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาแล้ว แต่กลับมีความพยายามดิ้นเฮือกสุดท้าย กระทำการไม่สมควรจงใจบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ถึงที่สุดแล้วนอกศาล กล่าวหากระบวนการยุติธรรมว่ามีปัญหา เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว เอาคดีของตัวเองไปพันกับผู้เสียชีวิต 99 ศพ โดยใช้ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นชนวน ซึ่งนอกจากเป็นการละเมิดอำนาจศาลอย่างชัดแจ้ง ยังมีเจตนาที่จะปลุกปั่น เพิ่มความขัดแย้งในสังคมอีกรอบ

"เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น มีการปลุกเร้า ใช้อาวุธสงครามกันอย่างไร และเจ้าหน้าที่รัฐได้ใช้ความพยายามอย่างหนักเพียงใด ในการควบคุมความสงบตามหลักสากล จนนำความสงบคืนสู่บ้านเมือง ซึ่งผ่านกระบวนการยุติธรรมถึงที่สุดแล้ว โมฆะบุรุษอย่างนายธาริต เปลี่ยนสีตามอำนาจ ยอมตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำลายผู้อื่น ไม่มีค่าพอที่สังคมจะให้น้ำหนัก และผมได้แต่หวังว่า ศาลจะให้บทเรียนกับนายธาริต อย่างสาสม ทั้งการประวิงเวลา และความพยายามปั่นป่วนนอกศาล อันเป็นการละเมิดอำนาจศาลอย่างที่ทำอยู่ในขณะนี้”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จุรินทร์' ซัดเต็มๆ ดิจิทัลฯ เป็นแค่น้ำข้าวต้มที่จะสร้างพายุหมุนหนี้ให้ประเทศ

'จุรินทร์' ซัดงบกลางปี 67 กู้มาแจกเงินหมื่นเท่านั้น ฉะโครงการล่าช้าเพราะความโหลยโท่ยของ รบ. ย้ำ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ได้ไม่คุ้มเสีย เข้าทำนองประเทศเสียหายไม่ว่าขอให้ข้าได้หาเสียง

'วัชระ' ช่วยทหารเรือชั้นผู้น้อยยื่น ป.ป.ช.สอบทุจริตจัดซื้อปืนกล 30 มม.

"วัชระ เปิดใจยื่นเรื่องนี้แทนกำลังพลชั้นผู้น้อยที่รักชาติไม่ยิ่งหย่อนกว่านายพล เพื่อตอบแทนพี่น้องทหารเรือที่ช่วยนักศึกษามาตลอดตั้งแต่สมัย 6 ตุลาคม 2519 จนถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ..."

ศาลฎีกานักการเมือง ยกฟ้อง 'กิตติรัตน์' ไม่ผิดระบายข้าวเอื้อบริษัทเอกชน

ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ศาลอ่านคำพิพากษา ในคดี อม.17/2565 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง จำเลย ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ (กรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด