'เอ็ดดี้' แนะใครที่เรียกร้องให้เอาผิด 'บิ๊กตู่-คสช.' ในข้อหากบฏ ควรกลับไปเรียนหนังสือมาใหม่

13 มิ.ย.2566- “เอ็ดดี้” อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ไม่รู้หรือรู้ดี ให้ความรู้หรือยุยงปลุกปั่น” ใครที่เรียกร้องให้เอาผิดพล.อ.ประยุทธ์และ คสช.ในข้อหากบฏ ควรกลับไปเรียนหนังสือมาใหม่ โดยเฉพาะคนที่เป็นครูอาจารย์ ควรจะลาออกและเลิกเป็นครูอาจารย์สอนหนังสือ เพราะเรื่องพื้นฐานเพียงแค่นี้ยังไม่รู้ หรือแยกแยะไม่ออก หรือรู้ดีทุกอย่างแต่ตั้งใจบิดเบือนข้อเท็จจริง แล้วอาศัยสถานะการเป็นครูอาจารย์มาหลอกลวงมวลชน หรือจะให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด รัฐควรดำเนินคดีกับผู้บิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งสร้างความเข้าใจผิดและส่งผลให้เกิดความแตกแยกในสังคม หรืออาจส่งผลให้เกิดการก่อความรุนแรงได้

เรื่องเหล่านี้ผมเขียนมาหลายครั้ง ครั้งนี้ของฉายซ้ำ เพื่อสั่งสอน เคาะกะลาหัวอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ชอบบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อหลอกลวงประชาชน และไม่เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาปลุกปั่นยุยง

• การปฏิวัติ (revolution) หมายถึง การใช้ความรุนแรงทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างเบ็ดเสร็จ โดยมีวัตถุประสงค์อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครอง อุดมการณ์ทางการเมือง วัฒนธรรม วิถีชีวิต ระบบเศรษฐกิจ ความเชื่อทางศาสนา และระบบสังคมโดยรวม

• การรัฐประหาร (coup d’état) หมายถึง การใช้ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันด่วน โดยมีวัตถุประสงค์อยู่ที่การเปลี่ยนตัวหัวหน้ารัฐบาล หรือผู้ปกครองประเทศ แล้วจัดตั้งคณะรัฐบาลชุดใหม่ที่อยู่ภายใต้ผู้ก่อการรัฐประหารขึ้นมา โดยที่รูปแบบการปกครองไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด มีแต่ตัวผู้นำและคณะผู้นำเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป

• การกบฏ (rebellion) นั้น หมายถึงการที่กลุ่มคนพยายามทำการปฏิวัติหรือรัฐประหารแต่กระทำไปไม่สำเร็จ จึงได้ชื่อว่าเป็นกบฏ

• สรุป

การปฏิวัติและรัฐประหาร มีลักษณะคล้ายกันเง่การใช้กำลังอาวุธยึดอำนาจทางการเมือง ที่ต่างกันคือ หลังทำการสำเร็จแล้วทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จะเรียกว่า ปฏิวัติ ถ้าเปลี่ยนเฉพาะรัฐบาลเรียกว่า รัฐประหาร แต่ถ้าทำการไม่สำเร็จจะเรียกว่า กบฏ

ตามกฎหมายไทย กบฏ เป็นความผิดอาญา ฐานกระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ภายในราชอาณาจักร โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อล้มล้าง หรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการ หรืออำนาจอธิปไตยทั้งสาม

หรือแบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนใดส่วนหนึ่งแห่งราชอาณาจักร เรียกว่า ความผิดฐานเป็นกบฏหรือขบถ และกำหนดโทษสำหรับผู้ก่อการกบฏ ให้ประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต

อย่างไรก็ตาม มีผู้ได้รับโทษทัณฑ์ในข้อหากบฏในราชอาณาจักรน้อยมีที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เช่น กบฏ ร.ศ. 130 รับนิรโทษกรรมจากรัฐบาล หรือหลบหนีไปนอกราชอาณาจักร เช่น กบฏวังหลวง กรณีที่มีผู้รับโทษประหารชีวิตได้แก่ กบฏ 26 มีนาคม 2520 ซึ่งเป็นหนึ่งในชนวนเหตุที่ทำให้ทหารรัฐประหารรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียรในเวลาต่อมา

• กบฏ ร.ศ. 130 กบฎที่ได้พระราชทานอภัยโทษ

กบฏ ร.ศ. 130 เป็นความพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2455 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และมีการประชุมอีกหลายครั้ง ที่สุดคณะผู้ก่อการวางแผนจะก่อการในวันที่ 1 เมษายน อันเป็นวันขึ้นปีใหม่สู่ พ.ศ. 2455 และเป็นวันพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ผู้ที่จับสลากว่าต้องเป็นคนลงมือลอบปลงพระชนม์ คือ ร้อยเอกหลวงสินาดโยธารักษ์ (ยุทธ คงอยู่) เกิดเกรงกลัวความผิด จึงนำความไปแจ้งหม่อมเจ้าพันธุ์ประวัติ ผู้บังคับการกรมทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ และพากันนำความไปแจ้ง สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ซึ่งพระองค์พิโรธมาก

ความทราบไปถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คณะทั้งหมดจึงถูกจับกุมเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถูกส่งตัวไปคุมขังที่คุกกองมหันตโทษที่สร้างขึ้นใหม่ ถูกศาลทหารพิพากษาให้ประหารชีวิต 3 คน จำคุกตลอดชีพ 20 คน และจำคุกนานลดหลั่นกันตามความผิด โทษที่น้อยคือจำคุกมีกำหนด 12 ปี ในข้อหาว่าจะเปลี่ยนแปลงราชประเพณีการปกครองของพระราชอาณาจักรและทำการกบฏประทุษร้ายพระเจ้าแผ่นดิน

แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชวินิจฉัยว่า ความผิดของพวกเขาเหล่านี้มี “ข้อสำคัญที่จะกระทำร้ายต่อตัวเรา เราไม่ได้มีจิตพยาบาทอาฆาตมาดร้ายต่อพวกนี้ เห็นควรที่จะลดหย่อนผ่อนโทษโดยฐานกรุณา ซึ่งเป็นอำนาจของพระเจ้าแผ่นดินจะยกให้ได้”

ดังนั้น ผู้ที่มีชื่อถูกประหารชีวิต 3 คน จึงได้รับการลดโทษลงมาเป็นจำคุกตลอดชีวิต และผู้ที่มี่ชื่อถูกจำคุกตลอดชีวิต 20 คนให้ลดโทษลงมาเหลือจำคุก 20 ปี อีก 68 คนซึ่งมีโทษจำคุกต่างกันนั้น ให้รอการลงอาญาไว้

คณะผู้ก่อการทั้งหมด 23 คนได้รับพระราชทานอภัยโทษในพระราชพิธีฉัตรมงคล เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2467 ครบรอบปีที่ 15 ของการครองราชย์

• พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ กบฏที่ได้รับโทษประหารชีวิต

กบฏ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520 เป็นความพยายามก่อรัฐประหารล้มล้างรัฐบาลของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร โดย พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ และนายทหารกลุ่มหนึ่ง ได้นำกองกำลังทหารจากกองพลที่ 9 จังหวัดกาญจนบุรี เข้ายึดสถานที่สำคัญ 4 แห่ง ในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2520

ฝ่ายรัฐบาลในขณะนั้นนำโดย พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.กมล เดชะตุงคะ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพล.อ.เสริม ณ นคร ผู้บัญชาการทหารบก ได้รวมตัวกันและออกแถลงการณ์ตอบโต้ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ยืนยันว่า กองกำลังทหารและตำรวจยังยืนอยู่ข้างรัฐบาล และได้ร่วมกันปราบปรามฝ่ายกบฏเป็นผลสำเร็จ พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ ผู้นำการก่อการถูกจับและถูกดำเนินคดี ด้วยการถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี นายธานินทร์ กรัยวิเชียร ซึ่งอาศัยอำนาจตามมาตรา 21 ของธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2520 ในวันที่ 21 เมษายน ปีเดียวกันนั้น นับเป็นกบฏคนสุดท้ายที่ถูกประหารชีวิตตราบจนบัดนี้[

• ปรีดี พนมยงค์ กบฏที่หลบหนีไปต่างประเทศ

กบฏวังหลวง เกิดเมื่อวันที่ 26–27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 เป็นเหตุการณ์ที่ ปรีดี พนมยงค์ อดีตนายกรัฐมนตรีที่หมดอำนาจไปหลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2490 ได้นำกองกำลังส่วนหนึ่งเล็ดลอดเข้าประเทศมาจากประเทศจีนร่วมกับคณะนายทหารเรือส่วนหนึ่งและอดีตเสรีไทยกลุ่มหนึ่ง เรียกตัวเองว่า “ขบวนการประชาธิปไตย 26 กุมภาพันธ์” นำกำลังยึดพระบรมมหาราชวังและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นกองบัญชาการในเวลาประมาณ 16.00 น. เรียกปฏิบัติการนี้ว่า “แผนช้างดำ-ช้างน้ำ”

แต่แล้วในที่สุด เวลาเย็นของวันที่ 27 กุมภาพันธ์ รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้และปราบปรามฝ่ายกบฏได้สำเร็จ ทำให้ปรีดี พนมยงค์และพันธมิตรทางการเมืองหมดอำนาจโดยสิ้นเชิง โดยปรีดีที่หลบหนีไปได้นั้น ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ภริยา ได้ขอความช่วยเหลือจากปลัดอำเภอพระโขนง ให้ปรีดีหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านร้างหลังหนึ่งซึ่งเป็นเคยฉางเกลือเก่า เป็นบ้านร้างบนเนื้อที่กว่า 20 ไร่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี บริเวณเชิงสะพานสาทรในปัจจุบัน โดยกบดานอยู่ 5 เดือน และหลบหนีไปยังประเทศจีน ในวันที่ 6 สิงหาคม ปีเดียวกัน

• พล.อ.ประยุทธ์และ คสช.ไม่ได้เป็นกบฎ

พล.อ.ประยุทธ์และ คสช.ไม่ได้เป็นกบฎ เพราะทำการสำเร็จ แต่ผู้ที่เป็นกบฏก็เช่น อ.ปรีดี ที่รักของท่านเคยต้องโทษกบฏและหลบหนีไปต่างประเทศ

• ถวายคืนพระราชอำนาจ

ถ้ากล่าวหาว่า รัฐประหารของคสช.เป็นกบฏ เป็นโฆษะ เช่นนั้น ปฏิวัติ 2475 ของคณะราษฏร์ก็เป็นกบฏและเป็นโฆษะ สมควรถวายคืนพระราชอำนาจให้พระมหากษัตริย์กลับมาปกครองแผ่นดิน

• ดำเนินคดีกับผู้ที่ยุยงปลุกปั่น

ผมเรียกร้องให้หยุดบิดเบือนข้อเท็จจริง และเรียกร้องให้รัฐดำเนินคดีกับผู้ที่บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อยุยง ปลุกปั่น การที่เจ้าหน้าที่รัฐเพิกเฉย เท่ากับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ผมไม่ได้นิยมการปฏิวัติ รัฐประหาร แต่นี่คือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิวัติ รัฐประหารและความเป็นกบฏ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทักษิณดิ้นแรง! ทีมทนายยื่น 'อสส.' ขอทบทวนสั่งฟ้องคดี 112 อ้างถูกคสช.ยัดข้อหา

ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานอัยการว่า เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมกฎหมายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาคดีความผิดตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมถึงอัยการสูงสุด(อสส.)

'ก้าวไกล' ซัด 'คสช.-คนโหวตหนุนรัฐธรรมนูญปี 2560' ต้นตอทำให้มีวิกฤต สว.

'ชัยธวัช' กังวลศาล รธน.รับคำร้อง พ.ร.ป.เลือก สว.ขัดรัฐธรรมนูญ หวั่นได้ สว.ชุดใหม่ช้า ซัดชุดเก่าเคลื่อนไหวล้มกระดานหวังอยู่ยาว ข้องใจทำไมไม่โวยวายตั้งแต่แรกว่าไม่ได้มาจาก ปชช.

นักวิชาการบอกหากมีรัฐประหารอีกไทยอาจถูกมหาอำนาจแทรกแซง!

ครบรอบ 10 ปีรัฐประหาร คสช.คาดหวังเป็นรัฐประหารครั้งสุดท้าย หากเกิดรัฐประหารอีกในอนาคตจะสร้างความเสียหายรุนแรง อาจเปิดโอกาสนำไปสู่การแทรกแซงทางการเมืองของมหาอำนาจ

'สมชัย 'ฟาด 'ภูมิธรรม' ไม่เข้าท่า กินข้าว10ปีโชว์ เปิดประมูล กระทบความเชื่อมั่นผู้บริโภค

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์เฟซบุ๊ก กรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กินข้าวค้างสต๊อก10ปีโชว์ว่ายังนุ่มนวลพร้อมนำออกประมูล ว่า

ถาม ‘ธนาธร’ ฮั้วกระบวนการเลือกตั้ง คือการสร้างประชาธิปไตยจริงหรือ?

ที่ประกาศว่าจะมาสร้างประชาธิปไตยให้กับประเทศไทย และประกาศว่าประเทศไทยต้องมีผู้นำที่ชื่อ ธนาธร เท่านั้นถึงจะเป็นประชาธิปไตย