'จตุพร 'ตอกย้ำตั้งรัฐบาล 312 เสียงถึงทางตัน เหตุส.ว.ไม่หนุน 'ก้าวไกล' ส่วน 'พิธา' ถูกดองคุณสมบัติ ขณะที่เพื่อไทย เร่งฮุบ ปธ.สภา จ้องหาโอกาสย้ายขั้วไปฝั่ง 188 เสียง ดึง 'ป้อม' นายกฯ แลก ส.ว.ผ่าน 376 เชื่อ ปชช.ลุกฮือวุ่นวายเป็นไฟลามทุ่ง หวั่นจบด้วยทหารยึดอำนาจ
2มิ.ย.2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ลุกลามใหญ่โต?" โดยวิเคราะห์ตัวแปรสถานการณ์ความวุ่นวายว่า ขณะนี้การตั้งรัฐบาล 312 เสียงส่อลุกลามบานปลายขึ้นโดยมีปัจจัยการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล และการชิงตำแหน่งประธานสภา แล้วผสมด้วยเงื่อนไขสำคัญ ส.ว.ไม่หนุนฝ่าย 312 เสียง
นอกจากนี้ ยังเห็นว่า จะขยายผลกดดันให้พรรคเพื่อไทยแยกขั้ว ข้ามฟากไปจับมือตั้งรัฐบาลกับฝ่าย 188 เสียง ขณะที่การลุกฮือต่อต้านของประชาชนยากหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลใหม่ควบคุมความสงบไม่ได้ โอกาสจะจบลงท้ายด้วยทหารยึดอำนาจย่อมมีความเป็นไปได้สูง
นายจตุพร ประเมินว่า ในปัจจัยคุณสมบัติของนายพิธานั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ได้ส่งสัญญาณนำร่องดัวยคำถามถึงคำร้องการถือหุ้นไอทีวีมี 3 ประเด็นหรือไม่ คือ คุณสมบัติ ส.ส. คุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี และการรับรองผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. การพูดชี้ประเด็นเช่นนี้เท่ากับสื่อแนะคำร้องให้จัดการนายพิธา ซึ่งนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประรัฐ ได้ยื่นคำร้องครบถ้วนตามที่นายวิษณุ ถามไว้
อย่างไรก็ตาม ประเด็นทั้ง 3 กรณีนี้ นายวิษณุ เห็นว่าอาจทำให้เลือกตั้งเป็นโมฆะหรือต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ แต่ปัญหาคือ จะเลือกตั้งใหม่เฉพาะหรือเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด ดังนั้น ขณะนี้ได้แสดงถึงเกมหลายเกมจะออกมาจัดการรัฐบาล 312 เสียง แม้ถ้าศาล รธน.วินิจฉัยคุณสมบัติของนายพิธา ไม่ขัด รธน. แต่ก็ต้องเจอกับดัก 750 เสียง (ส.ส. 500 บวก ส.ว. 250) ในการโหวตเลือกนายกฯ
นายจตุพร กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ย่อมเกิดสมการการเมือง คือ แบบแรกเสียง 312 จาก 8 พรรคตั้งรัฐบาล และอีกฝ่ายหนึ่งมี 188 เสียงไม่มารวมกับพรรคก้าวไกล ดังนั้น ฝ่าย 312 เสียงต้องไปอาศัยเสียง ส.ว. ที่ให้กำเนิดโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
“มีข่าวแบบยาหอมว่า จะล็อบบี้เสียง ส.ว.มาช่วยพรรคก้าวไกลได้สำเร็จ นั่นเป็นคำพูดแบบมองโลกสวยงาม แต่ความสำเร็จแท้จริงนั้น ต้องไปหว่านล้อมให้ พล.อ.ประยุทธ์ เห็นดีเห็นชอบซึ่งคงยาก ด้วยเหตุนี้ การหาอีก 64 เสียงไม่มีทางเป็นไปได้ และปฎิหาริย์เรื่องนี้ไม่มีจริง”
นายจตุพร กล่าวว่า ในแบบที่สองเป็นการเร่งรีบของพรรคเพื่อไทยจะเอาตำแหน่งประธานสภามาไว้ในมือให้ได้ เนื่องจากเหตุคุณสมบัติของนายพิธา จะลามถึงศาล รธน. สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ดังนั้น แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสได้โหวตในที่ประชุมรัฐสภา ไม่เพียงเท่านั้น พรรคเพื่อไทยอาจใช้สถานการณ์ถูกปิดล้อมแหวกออกไปตั้งรัฐบาลใหม่กับฝ่าย 188 เสียงและดึง ส.ว.มาร่วมหนุน ความน่าจะเป็นกับการตั้งรัฐบาลจะมีความสำเร็จ จึงมีแนวโน้มสูงยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขการแหวกวงล้อมจากเสียง 312 เสียงนั้น ส่วนสำคัญเกิดจากมีพรรคก้าวไกลเป็นอุปสรรค เนื่องจาก 8 พรรคจับมือกันแน่นเพื่อตั้งรัฐบาลภายใต้ 312 เสียงและมีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่ย่อมขาดเสียงหนุนจาก ส.ว.เช่นกัน ดังนั้น การสลัดพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน แล้วเพื่อไทยข้ามขั้วไปตั้งรัฐบาลกับฝ่าย 188 เสียง จึงเป็นหนทางไปสู่หลักประกันดึงเสียง ส.ว.มาครบ 376 เสียงได้สำเร็จ
"ถ้าพรรคก้าวไกลยังร่วมรัฐบาลด้วยแล้ว ใน 188 เสียงก็ไม่อาจมาบวกเพิ่มได้ เพราะพรรคภูมิใจไทย และพรรคสองลุง (ประวิตร-ประยุทธ์) ไม่เอาพรรคก้าวไกล แต่ถ้าเพื่อไทยข้ามห้วยไปตั้งรัฐบาลกับ 188 เสียง อาจมั่นใจว่า มีหลักประกันจาก ส.ว.มาโหวตหนุนด้วย"
นายจตุพร กล่าวว่า ในสถานการณ์พรรคเพื่อไทยข้ามฝั่งไปจับมือกับ 188 เสียงตั้งรัฐบาลนั้น แม้อาจหลีกหนีข้อครหาหักหลังเพื่อน แต่ต้องปัดตำแหน่งนายกฯ ทิ้งไป เพราะไม่ต้องการให้แคนดิเดตนายกฯ ทั้งอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หรือนายเศรษฐา ทวีสิน ต้องเผชิญแรงต่อต้านของมวลชนที่วุ่นวายเหมือนกองไฟร้อนแรงลุกโหมลามเมือง
"ดังนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ) มีโอกาสได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกฯ มารับมือกับความวุ่นวายที่ส่อจะเกิดขึ้นรุนแรง หากรับมือไม่ได้ก็มี พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมอยู่เพื่อมาสร้างความสงบ ถึงที่สุดหากยังรับมือไม่ได้อีก ก็คงถึงขั้นสถานการณ์ลากไปสู่โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง (ทหารยึดอำนาจ) ตามมา"
นายจตุพร เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร จะเป็นตัวเลือกแคนดิเดตนายกฯ ให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯ คนต่อไป อีกทั้งยังต้องประเมินผลการพิจารณาคุณสมบัติ ส.ส.ของนายพิธาด้วยว่า จะลามไปกระทบถึง ส.ส. 151 คนของพรรคก้าวไกลกลายเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งโดยมิชอบ รธน.หรือไม่ เพราะจะแสดงถึงการเลือกตั้งใหม่ใน 112 เขต หรือทั้งประเทศต้องติดตามกันด้วยความระทึก
ดังนั้น กระดานการเมืองไทยอะไรก็เกิดขึ้นได้ และการลุกฮือของประชาชนก็หนีไม่พ้นแน่นอน แต่หลังจากลุกฮือแล้วจะมีผู้เฝ้ารอสถานการณ์ที่มีความละเอียดอ่อนอย่างมากอยู่ โดยในช่วงเดือน มิ.ย.นี้จะเห็นการเร่งรับรอง ส.ส.อย่างรวดเร็ว เพื่อให้สอดคล้องกับคดีของนายพิธา ที่จะไปศาล รธน. พร้อมเกิดเงื่อนไขการเปิดประชุมสภา ซึ่งสถานการณ์ทั้งหมดนี้จะนำพาไปสู่อะไรจึงต้องคิดอย่างจริงจัง และคงไม่ใช่สถานการณ์ในแบบโลกสวยแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสถานการณ์เกือบ 2 เดือนนี้ การรับรอง ส.ส.ต้องเสร็จสิ้นก่อน 13 ก.ค.นี้ พร้อมทั้งเชื่อว่า อาฟเตอร์ช็อกทางการเมืองต่างๆ จะลามเกิดขึ้นเร็วมาก ดังนั้น การวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ของคนซึ่งไม่ได้อยู่หรือสังกัดพรรคการเมืองย่อมเห็นปรากฎการณ์ได้รอบด้านตามข้อเท็จจริงที่ดำรงอยู่ของแต่ละฝ่าย สิ่งสำคัญ ตนไม่ได้ปรุงแต่งความเห็นเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
"ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า พรรคก้าวไกลอยู่ในสถานการณ์ที่ยากจะได้เป็นรัฐบาล และโอกาสรอดของนายพิธา ยิ่งยากที่สุดด้วย แต่จะลามไปถึง ส.ส.ที่ได้รับเลือกทั้ง 151 คนและคนที่ไม่ได้รับเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ ดังนั้นยังต้องสู้กันอีก เนื่องจากเงื่อนไขของนายพิธา เป็นคนละกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (ถูกยุบพรรค) ที่พ้นสภาพ ส.ส.กรณีถือหุ้นสื่อ ดังนั้นนายพิธา จำต้องกังวลอย่างยิ่ง ไม่ใช่พูดไม่กังวล"
รวมทั้ง กล่าวว่า กระดานการเมืองไม่ได้ซับซ้อน เพราะล้วนเป็นอิทธิพลของกติกา รธน. 2560 โดยผู้เล่นในกระดานนี้ต้องอุดรูรั่วให้หมด อีกอย่างมีบทเรียนจากกรณีของนายธนาธร ด้วยแล้ว จึงต้องระมัดระวังในการถือหุ้นสื่อ ซึ่งยากจะดิ้นหลุดจากข้อกฎหมายได้ ดังนั้น เมื่อเดินพลาดและกลายเป็นคู่แข่งทางการเมืองที่โดดเด่น ย่อมถูกเกมนำสิ่งที่ผิดพลาดมาจัดการเพื่อให้พ้นทาง
นายจตุพร กล่าวถึง นายพิธา จะพบและหารือกับข้าราชการว่า ไม่ควรรีบกระทำก่อนการถูกรับรองให้เป็น ส.ส. หรือได้เป็นรัฐบาลแล้ว เพราะขณะนี้ยังไม่มีสถานภาพอะไรตามข้อกฎหมายให้สามารถเรียกข้าราชการมาพูดคุยเชิงข้อมูลในระบบราชการได้เลย ยกเว้นการพบกับภาคเอกชน สามารถทำได้ในนามของพรรคการเมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก โต้ 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนาสู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง' คงทดแทนพอแล้ว
'จตุพร' ซัด 'ทักษิณ' สติแตก อารมณ์อึดอัดพลุกพล่าน พูดกราดเกรี้ยวดุดัน โชว์ถ่อยเป็นพ่อไม่ไว้หน้านายกฯ ลูกสาว จวกปราศรัยเหวี่ยงแห ดุด่าสองแง่สามง่าม ยัดเยียดสารพัดเนรคุณ ย้อนแสบทดแทนบุญคุณนักสู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บหรือยัง ลั่น 'ผมเป็นหนี้อะไรนักหนา' สู้ให้จนติดคุก 5 ครั้ง ชีวิตผจญชะตากรรมไม่รู้จบ บ้านรอถูกยึด คงทดแทนกันพอแล้วมั้ง
จตุพรชี้ รัฐบาลพ่อเลี้ยง ขาดพ่อก็จบ ไม่มีคนเกรงใจ
“จตุพร” ชำแหละรัฐบาลพ่อเลี้ยง สะท้อนนายกฯ ยังละอ่อนการเมือง ฉะพ่อก้าวร้าว อาละวาดตบจูบทำเสมือนเป็นนายกฯ ตัวจริง ส่วนลูกแค่ร่างทรง เชื่อขาดพ่อรัฐบาลก็จบ จับตาเชือด “พีระพัง” หลังปีใหม่ ระบุขวางผลประโยชน์กลุ่มทุนผูกขาด ซัดสหายใหญ่ ทำตัวเป็นแมวเสียศักดิ์ศรีคุมกลาโหม ชมฉายา “อนุทิน- รมต.น้ำ” รู้เท่าทันสถานการณ์บังคับให้เล่นเป็น อยู่ได้ ชี้นายกฯ แพทองโพย เอาแต่อ่านทำภาพลักษณ์ผู้นำหายหมด
การเมืองมกรา’68 พรรคร่วมร้อนรุ่มแตกหัก ‘ทักษิณ’ หนาวสะท้านชั้น 14
ทักษิณขยี้หนัก โชว์ภาพตีกอล์ฟขนาบข้างทุนผูกขาด ส่อสื่อสัญญาณรุก “พีระพันธุ์-รวมไทยสร้างชาติ” คาดชะตากรรมไม่แตกต่าง “ประวิตร-พปชร.” ประเมินปี 68 ปมชั้น 14 ทำการเมืองร้อนแรง
'จตุพร' ฉะ 'ทักษิณ' เดินเกมการเมืองอบจ. แบบตีท้ายครัว ใช้นโยบายปราบผู้มีอิทธิพลเพื่อต้อนเข้าคอก
นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวถึงบทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการเป็นผู้ช่วยหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ต่างๆ ว่า จากคำพูดของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ที่ออกมาระบุว่าได้พานายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์
'จตุพร' อัดคนทุจริต จิตตกมาตรฐานต่ำ อวดยิ่งใหญ่ตวาดไล่ รมต.
จตุพรฟาดทักษิณ คุณใหญ่มาจากไหน เย้ยมาตรฐานการเมืองต่ำ ชกใต้เข็มขัด ลามปามลากครอบครัวไม่เกี่ยวข้องการเมืองมาโพนทะนาเสียหาย ซัดกลับมีอาชีพอะไรทำไมรวยแล้วยังโกงบ้านเมือง ปัดหากินกับม็อบเพราะไม่ได้คุมเงิน ปูดบางพรรคหลังเลือกตั้งจ่ายเงินให้ สส.คนละ 5 ล้านแล้ว ย้อนคุณรู้หรือไม่? จะให้ ปปง.ตรวจสอบหรือไม่
ฮึ่ม! โชว์ภาพแกนนำทุกวงการ เขย่าขวัญรัฐบาลเพื่อไทย นัดเยี่ยม ป.ป.ช.ถามปมป่วยทิพย์ชั้น 14
'จตุพร' เผย ฝ่ายปชช.แทบทุกวงการนัดหารือปัญหาชั้น 14 จ่อขยับไปเยี่ยม ปปช.ทวงถามทำหน้าที่ตรวจสอบป่วยทิพย์ จี้รัฐบาลเลิก MOU 44 หวั่นก่อปัญหาระหว่างประเทศ ย้ำต้องเจรจาเขตแดนก่อนหารือผลประโยชน์ เตือนสิ่งทีรัฐบาลทำไม่ต่างจากเรียกทหารออกมายึดอำนาจ