'บิ๊กเด่น' ยืดอกรับส่วยสติกเกอร์มีจริงแต่ไม่ต้องถึงขั้นประกาศสงครามปราบ

ผบ.ตร.ยอมรับพบมีส่วยสติ๊กเกอร์จริง สั่ง จตช.ตรวจสอบคาด 15 วันรู้ผล ตั้งชุดเฉพาะกิจ บช.ก.ตรวจสอบข้อมูลคู่ขนาน

31 พ.ค.2566 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้าส่วยสติกเกอร์ว่า ได้สั่งการไปที่จเรตำรวจแห่งชาติให้รีบตรวจสอบโดยเร็ว และกำชับไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจทางหลวง ทั้งนี้ที่สั่งการให้จเรตำรวจเป็นผู้ตรวจสอบเนื่องจากอาจเกี่ยวพันกับหน่วยอื่นด้วย เช่น ตำรวจพื้นที่ โดยจะตรวจสอบทุกมิติเพื่อหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องส่วยสติ๊กเกอร์มีจำนานมากน้อยเพียงใด

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ยอมรับตรงๆ ว่า ที่ตรวจสอบเบื้องต้นตามข่าวพบว่ามีส่วยสติ๊กเกอร์จริง แต่จริงๆ แล้วได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว ตอนนี้หายไปบ้าง เมื่อเป็นข่าวก็รีบตรวจสอบไป ยอมรับว่ามีจริง จึงได้สั่งการให้จเรตำรวจรีบไปดำเนินการ ซึ่งจเรตำรวจแห่งชาติบอกว่าจะทำให้เสร็จภายใน 15 วัน และเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ทาง บช.ก.มีคำสั่งให้ ผบก.ทล. มาช่วยราชการเพื่อความโปร่งใสและให้เจ้าหน้าที่ของจเรตำรวจและ บช.ก.เข้าไปทำงานให้สะดวกและเกิดความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น เร็วๆ นี้คงปรากฎหากสืบสวนขยายไปถึงผู้รับ ผู้ให้ ใครที่เกี่ยวข้องกระทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดเรื่องนี้มีความผิดทั้งอาญาและวินัย

เมื่อถามว่าการที่มีส่วยจริงใครเป็นคนจ่ายส่วยและเป็นผู้รับส่วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขอรอผลการตรวจสอบ ถ้ามีส่วยผู้ที่จ่ายคือคนขนส่ง ผู้รับอาจเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือตัวกลาง ซึ่งจะต้องนำรายละเอียดมาสรุปผลการดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง ซึ่ง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ส่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการจับกุมปราบปรามการทุจริตของหลายหน่วยงานให้มารักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการตรวจสอบ และเพิ่มความมั่นใจในการทำงานให้แก่ประชาชน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าตำรวจมีหน้าที่เป็นหน่วยหลักที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ถ้ามีข่าวไม่ดี เรามีตำรวจจำนวนมากกว่า 2 แสนนาย ถ้ามีอะไรผิดเราก็ว่าไปตามผิด ปีนี้ได้ไล่ออกปลดออกไป 79 นาย เราก็มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องการสั่งการให้มีการกวดขันรถบรรทุกผิดกฎหมาย ตร.ได้เคยสั่งการไปแล้ว เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นก็จะมีคำสั่งโดยจะลงนามวันนี้สั่งการให้มีการกวดขันจับกุมรถผิดกฎหมาย เรื่องเวลาห้าม ฯลฯ ทุกอย่างที่เกี่ยวพัน บางช่วงเมื่อมีสถานการณ์ PM2.5 ก็จะเน้นเรื่องตรวจจับควันดำมากขึ้น โดยจะทำทุกมิติ

ผบ.ตร. กล่าวว่า นอกจากนี้จะตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมา หากมีจุดไหนละเลย หย่อนยาน สถานีไหนละเลยเมื่อชุดเฉพาะกิจไปจับได้ตรวจสอบพบว่าเกิดความหย่อยยานก็จะถือว่าต้องรับผิดชอบในความบกพร่องนั้นด้วย จะทำจริงจัง

“ตอนนี้ยอมรับว่าในโลกของโซเชียล ตำรวจยินดีรับข้อมูลทุกมิติตำรวจได้พัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนึ่งแล้วโดยมีระบบรับเรื่องร้องเรียนผ่านทางระบบ JCoMS ของทางจเรตำรวจ ซึ่งพ .ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่มีคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ ซึ่งจะเป็นคนนอกจากหน่วยงานต่างๆ และมีตำรวจที่ได้รับการเลือกตั้งมาอีก 3 นาย คล้ายๆ เป็นบอร์ด ป.ป.ช. สามารถสั่งการทำงานได้โดยตรง สามารถไปร้องเรียนหากเจอปัญหาต่างๆ ไม่เฉพาะส่วยสติกเกอร์ของรถบรรทุกเพียงอย่างเดียว หากมีประเด็นปัญหาสามารถร้องเรียนผ่านระบบ JCoMS หรือ 1559 ได้ ซึ่งจะต้องแจ้งผลให้ผู้ร้องทราบด้วยว่าผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร”

เมื่อถามถึงส่วยสติ๊กเกอร์ที่มีหลากหลายรูปแบบได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ได้สั่งการไปแล้วว่าอะไรต่างๆ ที่มีเรื่องร้องเรียนมา ก็ต้องมีผลการดำเนินการและต้องแจ้งให้ผู้ร้องทราบและแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ทางจเรจะเป็นหน่วยหลัก เพราะมีหน่วยอยู่ในพื้นที่ทุกกองบังคับการ คอยตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชั้นหนึ่ง

เมื่อถามถึงกรณีการโพสต์ข้อความส่วยสติ๊กเกอร์ ซึ่งเป็นเหตุที่เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว จะดำเนินคดีกับผู้โพสต์หรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ต้องดูเจตนาว่าทำให้เสียชื่อเสียงอย่างไรบ้าง แต่เท่าที่ตรวจสอบเรื่องแรงงานเป็นเรื่องเก่าตั้งแต่ปี 2559 อยากให้เข้าใจการทำงานของตำรวจว่าตำรวจก็ทำงานหนักในทุกมิติ ก่อนที่จะมาต่อว่าอะไรขอให้ตรวจสอบให้ดีก่อน ไม่ใช่จะรีบมาโพสต์อะไรต่างๆ ขอให้ช่วยกันดูหน่อย แต่ยินดีในโลกยุคใหม่ เราต้องการความร่วมมือ จากภาคประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลเบาะแสเข้ามาได้ใครจะไว้ใจใครก็สามารถแจ้งไปทางนั้นก็ได้ หรือโพสต์ได้ยินดี เราพัฒนาสำนักงานจเรตำรวจให้มีมาตรฐานขึ้น และมีคณะกรรมการจากบุคคลภายนอกมาเป็นหัวหน้า จเรตำรวจแห่งชาติเป็นเพียงเลขานุการและกรรมการตามพ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่

ผู้สื่อข่าวถามถึงชุดเฉพาะกิจที่จะตั้งขึ้นมาใหม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า จะมีคำสั่งให้ บช.ก.ได้ตรวจซ้อนดูว่าใครปล่อยปละละเลย ก็ขอให้มีการจับกุม เมื่อตอนเห็นข่าวต่อไปก็ไม่อยากเห็นส่วยสติ๊กเกอร์อีกแล้ว อยากจะทำให้หมดไปให้ได้ เท่าที่จะทำได้ ในยุคนี้ จะทำเต็มที่สั่งการทุกหน่วยว่า ถ้าหน่วยไหนยังปล่อยให้มีขอให้รีบแจ้งเบาะแสมาจะรีบไปดำเนินการทั้งส่วยสติ๊กเกอร์ต่างๆ จะไม่ให้มีแล้ว ที่ผ่านมาอาจจะมีการลักลอบเราไม่สามารถไปรู้ได้ทุกจุด เมื่อจุดไหนยังมีปัญหาอยู่ขอให้รีบแจ้งมาก็จะรีบดำเนินการ แต่ชุดเฉพาะกิจชุดนี้จะไปหาข่าวเองในการทำงาน เช่น อาจไปสังเกตดูว่าตรงไหนมีรถบรรทุกน้ำหนักเกิน หรือฝ่าฝืนเวลา ก็จับกุม ถ้าจับกุมแล้ว พื้นที่ปล่อยปละละเลยก็ต้องถูกลงโทษ

ถามต่อว่าจะประกาศสงครามกับส่วยสติ๊กเกอร์หรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ประกาศสงคราม ก็ทำตามหน้าที่ ไม่ใช่เรื่องถึงขั้นประกาศสงคราม ไม่ได้มีสงครามกับใคร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ดุสิตโพล' เผยคนไทยเบื่อความขัดแย้งในสตช.

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “หัวอกของคนเสพข่าวความขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,040 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 25-28 มิถุนายน 2567

เลขาฯ ก.ตร. แถลงผลประชุม เห็นชอบคำสั่งให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ออกจากราชการ โดยชอบกฎหมาย

พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงาน ก.ตร. ในฐานะเลขานุการ ก.ตร. กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้มาชี้แจงเกี่ยวกับกรณีผู้ร้องขอให้ ก.ตร. พิจารณาเกี่ยวกับการปฎิบัติการบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กต่าย' ไม่หวั่นตายเดี่ยว พร้อมรับทุกอย่าง ยันเซ็นปลด 'โจ๊ก' ยึดหลักสุจริต

'บิ๊กต่าย' ลั่นไม่คิดโดนเช็กบิล หลัง 'โจ๊ก' จ่อยื่น ป.ป.ช. ยันเซ็นปลดสุจริต ย้ำหากเกิดอะไรขึ้นพร้อมน้อมรับ ร้องโอ้โห ไม่เคยคิดนั่ง 'ผบ.ตร.' ไม่หวั่นตายเดี่ยว ยกธรรมะเข้าสู้