'ดร.โจ' ซัด 'ก้าวไกล' กำลังนำพาเสียงประชาชนไปในทางตรงข้ามกับเจตนาที่สังคมมอบให้ สนองตอบเจตนาอันคิดคดกับแผ่นดิน ชี้ปัญหาคอร์รัปชันไทยหนักมากแต่ไม่มีแผนจัดการ กลับเตรียมถอนรากถอนโคน ม.112-งบฯสถาบัน โชว์อเมริกา เตือนจะซ้ำรอย'ทักษิณ'ที่ไม่มีแผ่นดินอยู่
31พ.ค.2566- ดร.ชาญวิทย์ ใจสว่าง หรือ ดร.โจ อดีตผู้สมัครส.ส.ชุมพร พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง คะแนนนิยมก้าวไกล สังคมให้ทำอะไร ? มีเนื้อหาดังนี้
เงินสถาบัน Monarchy กับ เงินคอร์รัปชันอันไหนมากกว่ากัน
สถาบัน 3 หมื่นล้านเศษ (รวมโครงการพระราชดำริทั่วประเทศ) ส่วนคอร์รัปชัน แสนล้านล้านบาทต่อปี
สังคมโฟกัสซีกคอร์รัปชันมากถึงมากที่สุด จึงเกิดกระแสปฏิรูปประเทศ
พรรคการเมืองที่ไปไม่รอดเพราะอ้ำอึ้งต่อปัญหาสังคมดังกล่าว
ส่วนก้าวไกล กล้าบอก พร้อมทะเลาะกับทุนผูกขาด แค่นี้เอง ทั้งที่ยังไม่ชัดเท่าไหร่ ถึงวิธีการจัดการที่เป็นไปได้
แต่ด้วยสังคมรู้สึกมีความหวังพรรคเดียว จึงเทคะแนนให้อย่างท้วมท้นไว้ก่อน
เทให้แม้น ส.ส.ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ กลับเป็น ส.ส.ที่เป็นไปได้ขึ้นมาเฉย
สังคมให้น้ำหนักไปทางปฏิรูปประเทศ เปลี่ยนประเทศให้ขาวสะอาดจากคอร์รัปชัน แต่ท่าที ก้าวไกล หลังได้เสียงข้างมากจากแนวคิดปฏิรูปประเทศ มุ่งมั่นมากที่จะทุบสถาบัน เร่งฉีก112 และตัดงบสถาบัน ให้ได้ใน100วันแรก
ก้าวไกล กำลังนำพาเสียงประชาชนไปในทางตรงข้ามกับเจตนาที่สังคมมอบให้ 14 ล้าน
กำลังพาไปสนองตอบเจตนาอันคดกับแผ่นดินของตนเองมากกว่า โดยเฉพาะล้มสถาบัน โชว์อเมริกา
ก้าวไกลเห็นสถาบันเป็นภัยร้าย เหนี่ยวรั้งความเจริญยิ่งกว่าปัญหาใหญ่ของชาติ ที่อยู่ในระดับวิกฤตรุนแรง กระทบไปทุกโครงสร้างของระบบราชการไทย
มีความได้เปรียบเสียเปรียบกันจนเหลื่อมล้ำจากปัญหาคอร์รัปชัน ที่ประเมินค่าไม่ได้ว่าปริมาณเงินแห่งความอัปปรีย์นี้ กี่แสนแสนล้าน หรือ กี่ล้านล้านบาท ซึ่งบานปลายแทบไม่มีที่สิ้นสุดและยับยั้งมันได้เลย
ฝั่งสถาบัน 3 หมื่นล้าน คือ สร้างชาติ คุ้มครองแผ่นดิน ส่วนฝั่งคอร์รัปชัน คือกัดกร่อนทำลายสร้างความชิบหายให้กับประเทศเรื่อยมา หาความเจริญใดๆ จากฝั่งนี้ไม่ได้เลย
จากงานวิจัยที่ผมทำอยู่มายาวนานเป็น10ปี พบว่าคอร์รัปชันไทย หนักขึ้นมาก ไม่ลดราวาศอกลงแม้นแต่น้อย
จากเคยทำกันใต้โต๊ะเฉพาะเวลาราชการ
กลายเป็นทำกันทุกวันและครบ 24 ชั่วโมง นั่นคือไม่มีนาทีไหน ที่กระบวนการคอร์รัปชันหยุดนิ่งเลย ผลประโยชน์หนึ่งหยุด ผลประโยชน์หนึ่งขับเคลื่อนทับซ้อนตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่นักวิจัยต่างประเทศประเมินไว้มากกว่าล้านล้านบาทต่อปี
ก้าวไกล ไม่มีแผนและรูปแบบอื่นใดๆ ในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว ให้สิ้นซากหรือทุเลาลง แต่กลับชัดเจนและเตรียมกฎหมายไว้พร้อม สำหรับการถอนรากถอนโคน 112 และงบประมาณสถาบัน
ก้าวไกลติดใจที่สถาบันได้เงินปีละ 3 หมื่นล้าน
สองฝั่งดังข้างต้น เราควรรักษาอะไรไว้ และทำลายอะไรให้หมดสิ้น เพื่อให้ประเทศชาตินี้เจริญ
ส่วนฝากฝั่งคอร์รัปชัน ก้าวไกลจะปฏิรูปอย่างไรให้สิ้นซาก ดึงความสามารถออกมาให้หมด สังคมพร้อมสนับสนุนเต็มที่
แต่ถ้าไม่เห็นโลงศพ แล้วหลั่งน้ำตาไม่ออก ฉีก 112 ได้เลย จะได้รู้ว่าวันที่ไม่มีแผ่นดินอยู่อย่างทักษิณ ผู้ที่อยากกลับบ้าน มันเจ็บปวดและทรมานเพียงใด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปปช.เปิดทรัพย์สิน 'ก่อแก้ว' สุดอู้ฟู่รวย 263 ล้านบาท
เปิดเซฟ 'ชัยธวัช ตุลาธน' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล 19.3 ล้านบาท 'อภิชาติ' อดีตเลขาธิการพรรค 13.2 ล้านบาท 'ก่อแก้ว' อู้ฟู่ 263 ล้าน
ก้าวไกลแพ้! ศาลยกฟ้อง 'ณฐพร โตประยูร' แจ้งเท็จ-หมิ่น ล้มล้างการปกครอง
ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.308/2564 ที่พรรคก้าวไกล เป็นโจทก์ฟ้องนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทฯพร้อมเรียกค่าเสียหาย 20,062,475บาท
รู้ไว้ซะ 'ปิยบุตร' เผย 'ทักษิณ' ได้กลับบ้าน เพราะก้าวไกลชนะเลือกตั้ง!
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาถกเถียงกันอีกครั้ง
'บิ๊กพรรคส้ม' ยันเดินหน้าแก้ม.112 แจงเหตุไม่ร่วมงาน 'วันนวมินทราธิราช' เพราะไม่มีการประสานมา
ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืน ม.112 หลังจากนี้ว่า นโยบายเกื