อดีตอาจารย์ มธ.เล็กเชอร์หลักเศรษฐศาสตร์ให้ว่าที่ขุนคลังหญิงคนแรกอย่าพายเรือให้โจรนั่ง!

'สุวินัย' พร้อม 'ศ.ดร.ชวินทร์' สอนเศรษฐศาสตร์แบบติดดินเบื้องต้นให้ว่าที่ขุนคลังหญิงก้าวไกล พร้อมเตือนอย่าพายเรือให้โจรเด็กนั่ง เพราะนโยบายที่ออกมานั้นชัดเจนเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำสร้างหายนะการคลัง

31 พ.ค.2566 - รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โพสต์เฟซบุ๊กในรูปบทความที่เขียนร่วมกับ ศ.ดร.ชวินทร์ ลีนะบรรจง อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มธ.ในหัวข้อ “คุณศิริกัญญา จงอย่าพายเรือให้โจร(เด็ก)นั่ง!” ระบุว่า พอได้ฟังการเปิดตัวของคุณศิริกัญญา ในฐานะ “ว่าที่รัฐมนตรีการคลัง” ของรัฐบาลพรรคก้าวไกล ผู้เขียนก็รู้สึกทันทีว่าต้องออกมาเขียนเพื่อเตือนสติคุณศิริกัญญา ในฐานะที่ผู้เขียนก็เคยทำงานที่เดียวกับที่คุณศิริกัญญาได้เรียนจบมา “อันวิชาเป็นดุจดั่งศาสตราวุธ”

ดังนั้นถ้าคุณศิริกัญญาไม่ได้เป็นโจร ก็จงอย่าริเอาความรู้ความสามารถไปช่วยโจร หรือ “อย่าพายเรือให้โจรนั่ง” เลย ยกเว้นเสียแต่ว่า คุณสมัครใจร่วมแก๊งนี้ตั้งแต่แรก

การจัดทำนโยบายสวัสดิการของพรรคก้าวไกลตั้งแต่เกิดจนแก่เพื่อลดช่องว่างของความไม่เท่าเทียมกันระหว่างคนในสังคมที่คุณศิริกัญญาเป็นตัวตั้งตัวตีนั้น มันสะท้อนให้เห็นถึง “ความไม่รู้ ไม่เข้าใจ” ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจไทยของตัวคุณศิริกัญญาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของ “คนจน” ที่คุณศิริกัญญาพยายามจะช่วย

คนที่จน ...ไม่ใช่เพราะเขามีรายได้ไม่เท่าเทียมกับคนอื่นแต่เพียงมิติเดียว หากแต่ยังมีมิติอื่น เช่น ความไม่เท่าเทียมทั้งในด้านโอกาสและอะไรอีกมาก แต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลกำลังทำอยู่ก็คือ “แจกปลามากกว่าแจกคันเบ็ด”การเอาเงินยัดใส่เข้าไปเพื่อจะได้หายจนและกลับมาเท่าเทียมกับคนอื่น ...มันง่ายเช่นนั้นจริงหรือ ถามใจคุณจริงๆ เถิด คุณศิริกัญญา ...ว่าความเท่าเทียมกันมันอยู่ที่โอกาสหรือเงินที่ได้จากการแจกกันแน่?

มิหนำซ้ำแนวทางการแจกหว่านแบบถ้วนหน้าและไม่มีการการพิสูจน์ว่า “จนจริงหรือไม่” ของพรรคก้าวไกล มันถึงทำให้คุณศิริกัญญาและพรรคก้าวไกลต้องไป “รีดเงิน” มา โดยการเก็บภาษีเพิ่มทั้งชนิดและทั้งอัตรา เพื่อให้ได้เงินมาใช้เพื่อการนี้อีกกว่า 6.5 แสนล้านบาท

ผู้เขียนขอถามคุณสุกัญญาตรงๆเลยว่า คุณได้อ่านรายงานของสภาพัฒน์ฯเรื่อง “คนจน” ไหมว่ามีจำนวนเท่าใด อยู่ที่ไหนบ้าง และมีคุณลักษณะอย่างไร?

สิ่งที่คุณศิริกัญญาและพรรคก้าวไกลกำลังคิดจะทำถ้าได้เป็นรัฐบาลพรรคก้าวไกล มันชัดเจนมากเลยว่า “มันไม่ตอบโจทย์แต่อย่างใดเลย” เพราะ “คนจน” จริงๆ (ตามรายงานของสภาพัฒน์) มีแค่ 4.4 ล้านคน เอง ต่อให้แถมกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะตกเป็น “คนจน” อีก 4.1 ล้านคน รวมกันก็เพียง 8 ล้านคนเศษเท่านั้น

มิหนำซ้ำคน 8 ล้านคนเศษนี้ยังกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ถ้าใช้วิธีหว่านแจกโดยถ้วนหน้า แบบที่คุณและพรรคก้าวไกลพยายามผลักดัน มันจะเป็นการช่วย “คนที่ไม่จนจริง” มากกว่า ตามภาษิต “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ”

ข้อเท็จจริงจากรายงานจากสภาพัฒน์เมื่อปี 57 พบว่า คนแก่มี 8.1 ล้านคน ได้รับเบี้ยยังชีพ 600 บาท/คน/เดือน 7.1 ล้านคน และในพวกที่ได้มีเพียง 1.1 ล้านคนเท่านั้นที่เข้าข่าย “คนจน” หลังการพิสูจน์สิทธิ ส่วนอีก 6 ล้านคนไม่จนจริง จึงผิดเป้าไปถึง 6 ล้านคนจากจำนวน 8.1 ล้านคน นี่ไม่นับที่ตกหล่นไปอีก 1 ล้านคน

แต่ขณะนี้ที่คุณและพรรคก้าวไกลกำลังจะเพิ่มเงินนี้เป็น 3000 บ./เดือน โดยอ้างว่าต้องให้พอเพียงกับความยากจนที่วัดโดยเส้นความยากจนซึ่งทำให้ต้องใช้เงินอีกกว่า 5 แสนล้านบาท/ปี แล้วยังไม่ต้องพิสูจน์สิทธิอีกด้วย

นี่ยังไม่นับสวัสดิการอุดหนุนเด็กแรกเกิดอีก 3000 บ. และเงินเด็กเล็กอีก 1200 บ./คน/เดือนที่ต้องใช้เงินกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยไม่ต้องดูเลยว่าคาบช้อนเงินช้อนทองออกมาด้วยหรือเปล่า แต่คุณและพรรคก้าวไกลก็ยังแจกให้ หากนี่ไม่เรียกว่า “หายนะทางการคลัง” ที่เอาเงินมาละลายแม่น้ำแล้วจะให้เรียกว่าอะไร? คุณศิริกัญญา

ถ้าคุณศิริกัญญามีนโยบายลดโครงการที่ไม่จำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ผู้เขียนขอแนะนำให้เลิกนโยบายเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายแบบต่างๆที่กำลังทำและ/หรือเสนอให้ทำอยู่อย่างสุรุ่ยสุร่าย โดยให้ใช้ Negative Income Tax (NIT) แทน หลายประเทศเขาก็ทำกัน

แนวทาง Negative Income Tax (จ่ายเงินภาษีแบบติดลบ) คือ ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน(ประมาณ 3 หมื่นบาท/ปี)ให้กำหนดเป็น “ผู้มีสิทธิได้รับเงินจากรัฐแทนภาษีที่จะต้องจ่ายให้” เช่น เพิ่มให้อีกร้อยละ 30 ของเงินได้และลดหลั่นเงินเพิ่มนี้ไปตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นจนถึง 100,000 บาทก็ไม่จ่ายให้อีกต่อไป

เห็นหรือไม่ว่า แบบนี้มันดีกว่าบังคับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 450 บาทที่คุณศิริกัญญาและพรรคก้าวไกลเสนอเสียอีก เพราะมันลดความแตกต่างด้านรายได้ได้อย่าง “ถูกฝาถูกตัว” เพราะคนจนจะจ่ายเงินภาษีแบบติดลบ(คือได้เงิน)ผ่านระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เฉพาะแต่ลูกจ้าง หากแต่ผู้ประกอบอาชีพอะไรก็ได้หมด

คุณศิริกัญญาและพรรคก้าวไกลไม่ต้องไปวุ่นวายช่วยคนจนด้วยการบิดเบือนราคาสินค้าบริการในตลาด เพื่อลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ เช่น ราคาน้ำมันหรือก๊าซหุงต้มที่กำลังจะมา ราคาขนส่งสาธารณะ หรือเงินอุดหนุนราคาสินค้าเกษตรชนิดต่างๆที่เกษตรกรที่จนจริงบ้างไม่จริงบ้างจะมาเรียกร้องให้ช่วย แถมยังสามารถพ่วงเงื่อนไขการรับเงินโอนนี้ได้อีก เช่น ต้องทำงาน จะนั่งเฉยๆแล้วกินเงินภาษีคนอื่นไม่ได้อีกต่อไป

ผู้เขียนไม่อยากจะสั่งสอนว่านี่คือ เศรษฐศาสตร์เบื้องต้นแบบติดดิน ศ.101 ที่นักศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นเขาเรียนกัน ถ้าคุณศิริกัญญายังขืนดื้อรั้น “พายเรือให้โจร(เด็ก)นั่ง” แบบนี้ ผลกระทบในด้านมหภาคจากการขึ้นภาษี คุณศิริกัญญาก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วกระมังว่า ...มันจะชะลอการเจริญเติบโต ผ่านการบริโภคและลงทุนที่ลดลง ซึ่งผิดกับ NIT ที่ไม่มีผลดังกล่าว

ด้วยความปรารถนาดี

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตผู้สมัครส.ส.ปราจีนพรรคส้ม ประกาศยุติบทบาท แฉทนไม่ไหวทุนเทาในพรรคพวกมากลากไป

ไพทูรย์ นาคหิรัญ  อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความขอยุติบทบาท กับ ”พรรคประชาชน“

นักวิชาการ มธ. หนุนเพิ่มสมทบประกันสังคม แนะรัฐลดภาษีช่วยผู้ประกอบการ

นักวิชาการธรรมศาสตร์ เห็นด้วยปรับเพิ่มเงินสมทบประกันสังคม ระบุต้องแยกส่วนระหว่าง “ประสิทธิภาพในการบริหาร-การเพิ่มเงินสมทบ” เพราะสองเรื่องพัฒนาไปพร้อมกัน

นักวิชาการ มธ. คนแรกของอาเซียน คว้ารางวัล People of ACM

นักวิชาการ มธ. คนแรกของไทยและอาเซียน ได้รับเลือกเป็น People of ACM จากบทบาทพัฒนาทักษะซูเปอร์คอมพิวเตอร์ให้ประชาชนภาคเหนือ เชื่อมเทคโนโลยีขั้นสูงสู่การสร้างนวัตกรรมแก้ปัญหาพื้นที่

นักวิชาการ มธ. ชูแผน 3 ระยะ แก้วิกฤติซากขยะหลังน้ำลดหาดใหญ่

นักวิชาการธรรมศาสตร์ เสนอแผน 3 ระยะแก้วิกฤติซากขยะ “หาดใหญ่” หลังน้ำลด ระยะเร่งด่วน “เทศบาล-อบต.” ต้องกำหนดจุดทิ้งขยะใกล้ชุมชน

น้ำลดแต่ความเครียดยังพุ่ง! นักวิชาการเตือนภาวะ Survival Guilt

นักวิชาการ มธ. ห่วงแม้น้ำหาดใหญ่ลด แต่ความเครียดยังพุ่ง เสนอเร่งดูแลสุขภาพจิตและเฝ้าระวัง 3 กลุ่มเสี่ยง ชี้คนเสพข่าวหนักอาจเข้าสู่ภาวะ Survival Guilt ขณะเดียวกัน “ธรรมศาสตร์” ร่วมวุฒิสภาและหลายหน่วยงาน ตั้งฐานข้อมูลน้ำท่วมระดับประเทศ ช่วยเตือนภัยและวางนโยบายรับมือภัยพิบัติให้แม่นยำขึ้น

นักวิชาการ มธ. เชื่อ ‘จีดีพี Q4’ 1.1% ไม่เกินจริง หนุนรัฐปูพรมถก FTA ดันส่งออก  

นักวิชาการธรรมศาสตร์ เชื่อมีความเป็นไปได้ที่จีดีพีไตรมาส 4 จะอยู่ที่ 1.1% ชี้แม้ไม่บรรลุผลเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ