'อ.หริรักษ์' วิเคราะห์เหตุ 'คนรุ่นใหม่' เลือก 'ก้าวไกล' แต่อาจต้องกินแห้วกลับไปเป็นฝ่ายค้าน


'อ.หริรักษ์' วิเคราะห์คนรุ่นใหม่เลือก 'ก้าวไกล' เหตุมีปฏิบัติการ IO ผ่าน social media ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง ยกเลิกเกณฑ์ทหาร และแก้ไข/ยกเลิกมาตรา 112 แต่กำลังเป็นดาบสองคมที่กลับมาทำร้ายตัวเอง เป็นข้อจำกัดที่ทำให้จัดตั้งรัฐบาลได้ยากขึ้นอาจต้องกินแห้วกลับไปเป็นฝ่ายค้านเช่นเดิม

17พ.ค.2566-รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร ดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้

หากดูกระแสการเมืองในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ก็ไม่น่าแปลกใจที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลได้จำนวนที่นั่งในสภามากกว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค แต่ที่น่าแปลกใจก็คือการที่พรรคก้าวไกลเอาชนะพรรคเพื่อไทยที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะชนะเลือกตั้งแบบ landslide ไปได้ 152 ต่อ 141 ที่นั่ง

เมื่อดูตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 54 ล้านคน มีกลุ่มคนที่อยู่ใน Gen Y และ Gen Z ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคก้าวไกลรวมกันประมาณ 19 ล้านคน และมาดูคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อที่พรรคก้าวไกลได้รับประมาณ 14 ล้านเสียง ตัวเลขของผู้มาลงคะแนนเลือกตั้งครั้งนี้ประมาณร้อยละ 75 หากมีสมมติฐานว่าคน Gen Y และ Gen Z มาเลือกตั้งร้อยละ 75 ก็จะพบว่าคนในกลุ่มนี้มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประมาณ 14.2 ล้านคน นั่นหมายความว่าพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงจากคนกลุ่มนี้มาเกือบทั้งหมด

ทำไมพรรคก้าวไกลจึงได้คะแนนนิยมจากคนรุ่นใหม่มากถึงเพียงนี้ เมื่อวานได้คุยกับอดีตลูกศิษย์คนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ที่ติดตามกรเมืองอย่างใกล้ชิด เขาได้สอบถามกลุ่มคนที่อยู่ใน Gen y และ Gen z จำนวนหนึ่ง ว่าเลือกพรรคก้าวไกลเพราะอะไร คำตอบมี 3 ข้อคือ
1. ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง
2. ยกเลิกเกณฑ์ทหาร
3. แก้ไข/ยกเลิก มาตรา 112

คำตอบข้อ 1 ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ผุดขึ้นมาในสมองเมื่อถูกถามก่อนคำตอบอื่นๆ แต่น้อยคนมากที่จะเข้าใจชัดเจนว่า สิ่งต่างๆที่พรรคก้าวไกลประกาศว่าจะเปลี่ยนแปลงนั้น ในระยะยาวประเทศไทยจะดีขึ้นจริงหรือไม่ หรือจะพาประเทศไปสู่หายนะ

ข้อ 2 คือยกเลิกเกณฑ์ทหาร เชื่อว่าข้อนี้ถูกใจวัยรุ่นที่ไม่ต้องการเป็นทหารที่สุด เพราะคนรุ่นนี้ ไม่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชาติ แต่ให้ความสำคัญต่อตัวเองมากกว่า ทั้งยังถูกใจพ่อแม่ที่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารอีกด้วย

ข้อ 3 คือเลือกเพราะต้องการให้แก้ไข/ยกเลิกมาตรา 112 เพราะอะไรคนกลุ่มนี้จึงต้องการให้ยกเลิกมาตรา 112 คำตอบคือ พวกเขาได้รับข้อมูลทั้งทาง social media และในห้องเรียน ที่นำด้านลบที่ส่วนใหญ่ไม่ใช่ความจริงมากป้อนให้ตั้งแต่เด็กจนเข้ามหาวิทยาลัย และยังมีข้อมูลเหล่านี้ที่แฝงอยู่ในสำนักข่าวต่างๆในประเทศอย่างน้อย 5 สำนัก เป็นข้อมูลที่ที่สร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทำมานานแล้ว มิใยที่ผู้ที่ยังจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จะอธิบายครั้งแล้วครั้งเล่าว่า มาตรา 112 ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนทั่วไป แต่คนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนทั่วไป แต่เป็นคนกลุ่มที่มีความเชื่อตามข้อมูลที่ได้รับ และมีความอัดอั้นอยู่พอสมควร หากสามารถหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย จาบจ้วงใช้คำหยาบต่อพระมหากษัตริย์เมื่อใดก็ได้ที่อยากจะทำโดยไม่มีความผิด ย่อมเป็นสิ่งที่ต้องการ

ถ้าถามว่าเชื่อได้อย่างไรว่ามีการใช้ปฏิบัติการ IO เหล่านี้จริง ก็ไม่ต้องไปดูอื่นไกล ดูกรณีน้องหยกคนเดียวก็พอ น้องหยกถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 และคดีร่วมกันพ่นสีเป็นเครื่องหมายอนาธิปไตยและยกเลิก 112 บนกำแพงวัดพระแก้ว ศาลเคยให้ออกหมายเรียกครั้งแรก น้องหยกไม่มา ครั้งที่ 2 ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชนยื่นเลื่อนด้วยเหตุผลว่าติดสอบ แต่ศาลพบว่าน้องหยกไปร่วมประท้วงหน้าองค์การสหประชาชาติ จึงเชื่อว่าที่ยื่นขอเลื่อนก็เพื่อประวิงเวลาไม่ได้ติดสอบจริง จึงอนุมัติให้ออกหมายจับ น้องหยกไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมใดๆ และมีอาการคลั่ง ร้องตะโกนว่า ศาลไม่มีความยุติธรรม เพราะตัวเองเป็นคู่กรณีกับกษัตริย์ และศาลเป็นคนของกษัตริย์ ศาลจะยุติธรรมได้อย่างไร กษัตริย์ต้องไปสั่งศาลให้ดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม มิฉะนั้นก็ไม่ต้องมีกษัตริย์ เธอกล้าพูดได้ถึงขนาดนี้ แต่ก็เป็นที่ถูกอกถูกใจกองเชียร์ยิ่งนัก

เด็กอายุเพิ่งเต็ม 15 จะมีความคิดรุนแรง ออกไปทำกิจกรรมที่หมิ่นเหม่เช่นนี้ได้อย่างไร ชุดความคิดแบบนี้ ไปเอามาจากไหน พระมหกษัตริย์เคยทำอะไรให้น้องหยกต้องโกรธแค้นหรือ การกระทำแบบนี้ ชุดความคิดแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแน่ๆ

ข่าวน้องหยกที่ถูกออกหมายจับ ถูกประโคมในสำนักข่าวที่เป็นแนวร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง เนื้อข่าวทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่า เยาวชนอายุเพียง 15 ปีกำลังถูกรังแก นักวิขาการบางคนถึงกับให้ความเห็นว่าการออกหมายจับไม่ได้ดำเนินการอย่างไมถูกต้อง ดังนั้นสามารถปล่อยตัวได้เลย นักวิชาการคนนั้นกำลังบอกว่า ทนายยื่นหนังสือขอเลื่อนตามหมายจับครั้งที่ 2 ไปแล้วแต่ศาลยังให้ออกหมายจับ เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง แต่นักวิขาการคนนั้นไม่ได้บอกว่า ศาลพบว่าทนายพยายามประวิงเวลาให้น้องหยก น้องหยกไม่ได้ติดสอบจริงๆอย่างที่อ้าง

ไม่น่าเชื่อว่า เหตุการณ์ที่แบมและตะวันพาพวกบุกสน. สำราญราษฎร์ เนื่องจากไปกดกันให้ปล่อยตัวน้องหยก จนเกิดความรุนแรง ถูกควบคุมตัวและตั้งข้อหา ต่อมามีคลิปที่เผยแพร่ไปทั่ว ที่แบมละตะวันแสดงอาการบ้าคลั่งใช้คำหยาบ และทำลายข้าวของในห้องที่ใช้ควบคุมตัว คนทั่วไปเห็นแล้วต่างรู้สึกว่าเป็นอาการของเด็กมีปัญหา แต่ fc ก้าวไกลเห็นแล้วยิ่งชอบใจยิ่งเทคะแนนให้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะส่งใครลงสมัครรับเลือกตั้ง fc ก็โหวตให้ทั้งสิ้น มือปาระเบิดในม็อบก็ไหวตให้ คนที่เชื่อได้ว่ามีการติดต่อทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาจนผิดสังเกตก็ไหวตให้ คนที่โพสต์ภาพวับๆแวมๆไม่เหมาะสมของตัวเองก็โหวตให้ ทำให้ต่อจากนี้ไปในสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติก็จะมีสมาชิกสภาผู้่แทนราษฎรสายพันธุ์ใหม่นั่งอยู่เต็มไปหมด แม้แต่หัวหน้าพรรคที่ถูกจับได้ชัดเจนว่าพูดไม่จริงหลายครั้ง เขาก็ไม่สนใจยังคงลงคะแนนให้อยู่ดี

ทีมงานที่ทำแคมเปญเลือกตั้งให้พรรคก้าวไกล สามารถใช้กลยุทธ์การตลาดสมัยใหม่ สร้าง brand ทำให้คนในกลุ่มเป้าหมายเกิดความนิยม และเกิดอุปทานหมู่จนทำบางอย่างตามๆกัน ย่อมไม่ใช่ทีมงานธรรมดา ต้องเป็นทีมงานที่มีความรู้และมีประสบการณ์ในการวางแผนทำแคมเปญเลือกตั้งมาก่อน ก็ไม่ทราบว่าทีมงานเช่นนี้พรรคก้าวไกลไปเสาะหามาได้จากที่ใด

อย่างไรก็ดี สิ่งที่พรรคก้าวไกลสร้างไว้และทำให้ได้คะแนนเสียง กำลังเป็นดาบสองคมที่กลับมาทำร้ายตัวเอง พรรคก้าวไกลประกาศจะแก้ไขมาตรา 112 ทำให้ได้คะแนนเสียงมากมายจากคนกลุ่มคนที่ถูกกล่อมมานาน และเพิ่งจะเริ่มผลิดอกออกผลใน 3 ปีที่ผ่านมา และมาสุกงอมตอนเลือกตั้งพอดี แต่วันนี้เมื่อต้องการจัดตั้งรัฐบาล กลับเป็นข้อจำกัดที่ทำให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลได้ยากขึ้น เพราะพรรคการเมืองส่วนใหญ่ไม่อยากแตะต้องเรื่องนี้ พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคล้วนไม่เอาด้วย

แม้พรรคเพื่อไทยก็เถิด ตอนนี้ก็ตอบรับไปก่อน แต่ถึงเวลาต้องเจรจากันจริงๆ จะยินยอมตามเงื่อนไขของพรรคก้าวไกลหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยรู้ดีว่าหากเป็นรัฐบาลแล้วผลักดันแก้ไขมาตรา 112 แม้จะถูกใจ fc ของพรรคก้าวไกล แต่ยังมีคนอีกอย่างน้อย 30 ล้านคนไม่เอาด้วย และจะเกิดความวุ่นวายได้ หากพรรคก้าวไกลเจรจากับพรรคเพื่อไทยไม่สำเร็จ ก็ไม่มีทางไปหาพรรคอื่นแล้ว เหลือแต่พรรคเล็กๆที่เป็นฝ่ายค้านเดิมซึ่งมี ส.ส.อยู่ไม่กี่ที่นั่งทั้งสิ้น และเมื่อนั้นพรรคเพื่อไทยก็จะไปจับมือกับพรรคอื่นอย่างที่ลือกัน และได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสมใจคนแดนไกลที่ต้องการกลับบ้านก่อนวันเกิด เพียงแต่ต้องต่อรองกันว่าจะให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น

ดังนั้น ที่คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งประกาศก้องด้วยความชี่นมื่นว่า พร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าโดนตัดสิทธิ์การเป็นส.ส.และรัฐมนตรีจากกรณีถือหุ้นสื่อหรือไม่ก็ตาม พรรคก้าวไกลอาจต้องกินแห้ว กลับไปเป็นฝ่ายค้านเช่นเดิมก็ได้

เรามาคอยดูกันต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เพื่อไทย' ไม่ฟังเสียงต้าน! ดันทุรังเข็น 'กิตติรัตน์' นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า รัฐบาลที่มาจากพรรคเพื่อไทยตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เย้ย ไส้เดือนถูกขี้เถ้า จะยกเลิกม.112 พอถูกหาเป็นพวก BRN จะฟ้องร้อง

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีพรรคประชาชน(ปขน.) จะดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหาว่าปชน.เกี่ยวข้องกับขบวนการบีอาร์เอ็น ว่า

'บิ๊กพรรคส้ม' ยันเดินหน้าแก้ม.112 แจงเหตุไม่ร่วมงาน 'วันนวมินทราธิราช' เพราะไม่มีการประสานมา

ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืน ม.112 หลังจากนี้ว่า นโยบายเกื

จับตา! ปม 'นักโทษเทวดา' จุดตาย 'ทักษิณ-เพื่อไทย'

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เป็นเพราะคุณไพบูลย์ นิติตะวัน โปรโมตเรื่องหมัดเด็ดที่อาจจะทำให้พรรคเพื่อไทยล่มสลายดีเกินไป