'ดร.นิว' ชำแหละวาทกรรม'ปิยบุตร' ยก 3 ตัวอย่างพฤติกรรม ประกอบการพิจารณา 'ปฏิรูป'หรือ 'ล้มล้าง'


'ดร.นิว'ชำแหละวาทกรรม 'ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง'ของ'ปิยบุตร' ยก 3 ตัวอย่างพฤติกรรม 'นำกิโยตินมาใช้ข่มขู่ -เผาพระบรมฉายาลักษณ์-ปั่นแฮชแท็กล้มล้างราชวงศ์' ประกอบการพิจารณา 'ปฏิรูป'หรือ 'ล้มล้าง'

3ธ.ค.2564 -ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

ชำแหละวาทกรรม "ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง" ของปิยบุตร

เมื่อพิจารณาในเชิงความหมายของคำ ปฏิรูปย่อมไม่เท่ากับล้มล้างจริง และปฏิรูปยังไงก็ไม่มีวันเท่ากับล้มล้าง เพราะเป็นเพียงแค่การเล่นคำ โดยอาศัยตรรกะตามความหมายของคำ ไม่ได้มีความเชื่อมโยงหรือสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริงของม็อบกบฏแต่อย่างใด

แต่ถ้าหากพิจารณาในเชิงพฤติกรรมของม็อบกบฏ พฤติกรรมและเจตนาของม็อบกบฏไม่ได้เป็นไปเพื่อการปฏิรูปอย่างชัดเจน หากแต่เป็นการเคลื่อนไหวในแนวทางรุนแรง เริ่มต้นจากความคิดที่รุนแรง แล้วค่อยๆพัฒนาจนกลายเป็นรูปธรรมของความรุนแรง ตลอดจนยกระดับไปสู่การล้มล้างด้วยความรุนแรงได้ในที่สุด

3 ตัวอย่างพฤติกรรมของม็อบกบฏ เพื่อประกอบการพิจารณา "ปฏิรูป" หรือ "ล้มล้าง"

1.การนำกิโยตินมาใช้ข่มขู่คุกคามองค์พระประมุข
กิโยตินเป็นเครื่องมือประหารชีวิต นำมาใช้ในการตัดคออย่างโหดเหี้ยม ไม่ว่าจะเป็นการนำกิโยตินจำลองมาตั้ง หรือการทำภาพตัดต่อร่วมกับกิโยตินในลักษณะที่มุ่งร้ายจนดูล่อแหลม ย่อมมาจากเจตนาที่ส่อไปในทางประทุษร้ายอย่างชัดเจน หากนำกิโยตินมาใช้ข่มขู่คุกคามต่อปิยบุตรและคนที่ปิยบุตรรักในลักษณะที่ม็อบกบฏได้กระทำต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ปิยบุตรยังกล้ายืนยันว่าเป็นการปฏิรูป และปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้างหรือไม่?

2.การเผาพระบรมฉายาลักษณ์
การเผาเป็นพฤติกรรมที่แสดงถึงความรุนแรงและความอาฆาตมาดร้าย หากนำภาพของปิยบุตรและคนที่ปิยบุตรรักมาเผาในลักษณะที่ม็อบกบฏได้กระทำต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ปิยบุตรยังกล้ายืนยันว่าเป็นการปฏิรูป และปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้างหรือไม่?

3.การปั่นแฮชแท็กทวิตเตอร์ ล้มล้างราชวงศ์...
การชี้นำทางความคิดผ่านการปั่นแฮชแท็กคำว่า ล้มล้างราชวงศ์... ของเครือข่ายม็อบกบฏในทวิตเตอร์ มีความชัดเจนอย่างที่สุดว่ามีเจตนาในการล้มล้างจริง หากปั่นแฮชแท็กล้มล้างปิยบุตรและคนที่ปิยบุตรรักในลักษณะที่ม็อบกบฏได้กระทำต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ปิยบุตรยังกล้ายืนยันว่าเป็นการปฏิรูป และปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้างหรือไม่?

Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล กล้ายืนยันหรือไม่ว่าพฤติกรรมเหล่านี้ เป็นการปฏิรูป และปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง? แต่ปิยบุตรคงไม่กล้าตอบและคงไม่สามารถตอบได้ เพราะปิยบุตรเป็นนักวิชาการจอมปลอม ที่เอาแต่เล่นลิ้นลมปาก ประดิษฐ์วาทกรรมบิดเบือนหลอกคนโง่ไปวันๆ

การท่องตามๆกันแบบนกแก้วนกขุนทองว่า #ปฏิรูปไม่เท่ากับล้มล้าง จึงเป็นเพียงแค่วาทกรรมตื้นๆ ที่อาศัยการเล่นความหมายของคำ เพราะไม่ว่ายังไงก็ตาม ความหมายของคำว่าปฏิรูปไม่มีวันเท่ากับความหมายของคำว่าล้มล้าง แต่ความเป็นจริงซึ่งปรากฏในเชิงพฤติกรรมต่างหาก ที่เป็นเครื่องชี้วัดว่า "ปฏิรูป" หรือ "ล้มล้าง" กันแน่

โดยทั้ง 3 พฤติกรรมตัวอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การนำกิโยตินมาใช้ข่มขู่คุกคามองค์พระประมุข, การเผาพระบรมฉายาลักษณ์ และการปั่นแฮชแท็กทวิตเตอร์ ล้มล้างราชวงศ์... ล้วนแล้วแต่เป็นการเคลื่อนไหวที่สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรง แสดงถึงความอาฆาตมาดร้าย มุ่งประทุษร้าย และมีเจตนาก่อกบฏล้มล้างการปกครองเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐอย่างชัดเจน

ดังนั้นการพิสูจน์ว่า "ปฏิรูป" หรือ "ล้มล้าง" จึงต้องดูที่พฤติกรรม ไม่ใช่ความหมายของคำตามที่ปิยบุตรยกมาบิดเบือนด้วยการเล่นลิ้นลมปาก ซึ่งไม่ต่างจากการโฆษณาชวนเชื่อที่กลวงโบ๋และดูถูกสติปัญญาของผู้หลงเชื่ออย่างถึงที่สุด

เมื่อหน้าที่หลักของ "รัฐธรรมนูญ" คือ การรักษาอำนาจอธิปไตยของปวงชน ซึ่งหมายถึง ประชาชนทั้งประเทศ ตลอดจนรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม
"การใช้สิทธิหรือเสรีภาพส่วนบุคคล" จึงไม่สามารถที่จะละเมิดต่อ "อำนาจอธิปไตยของปวงชน" ได้
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุติการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยที่ปวงชนเป็นใหญ่ เป็นไปเพื่อรักษาอำนาจอธิปไตยของปวงชน และรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม

เพราะการเคลื่อนไหวทางความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการบิดเบือนให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์และสร้างความแตกแยกระหว่างประชาชน จึงเป็นการเคลื่อนไหวในแนวทางรุนแรง ซึ่งบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ทำลายอธิปไตยของปวงชนและความสงบเรียบร้อยของสังคม มีแต่จะนำไปสู่ความรุนแรงและสงครามกลางเมืองตามที่ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" กล้ายกขึ้นมาข่มขู่คุกคามสังคมไทย และท้าทายต่ออำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยอย่างอุกอาจ

ดร.ศุภณัฐ
3 ธันวาคม พ.ศ. 2564
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สาวกเพื่อไทย ยื่นศาลรธน.สอบ 'ธนพร' ละเมิดอำนาจศาล

ที่บริเวณ​หน้าศาลรัฐธรรมนูญ​ นายนิยม นพรัตน์ หรือเค สามถุยส์ และนายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร เดินทางมายังสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยื่นหนังสือร้อง นายธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์

'เด็จพี่' ได้ทีจวกเหล่านักร้อง ทำให้เกิดความปั่นป่วน ขู่เมื่อร้องผิดคีย์ต้องโดนลงโทษ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยอ้างว่าอดีตนายกฯ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้าง

2 ตุลาการศาลรธน.เสียงข้างน้อย รับคำร้อง 'ทักษิณ' สั่งรัฐบาลเอื้อประโยชน์ฮุนเซน น่าจะเกิดผลใช้สิทธิล้มล้างปกครองฯ

จากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2567 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูก

'จตุพร' ตอกย้ำศาลรธน.รับคำร้องคดีล้มล้าง เพื่อหยุดอหังการอำนาจ เริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง

ลุ้นศาล รธน.พิจารณาคำร้อง 'จตุพร' เชื่อรับไว้วินิจฉัยเพื่อหยุดอหังการอำนาจ ลั่นจะเริ่มจุดเปลี่ยนบ้านเมือง เปิดความหวังประเทศก้าวเดินสู่ผลประโยชน์ชาติ

'ทักษิณ' หลุดปาก 'ยิ่งลักษณ์' จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ 22 พ.ย.

'จตุพร' แทงสวน อสส.ส่งความเห็นหลังปล่อยอำนาจหลุดมือ เชื่อ 22 พ.ย. ศาลรธน. มติเอกฉันท์ รับคำร้อง โต้สีอื่นไม่เคยตกใส่เสื้อแดง มีแต่สีคนตระบัดสัตย์ไม่ซื่อตรงปชช. ชี้ 'ทักษิณ' หลุดปาก 'ยิ่งลักษณ์' จะกลับบ้าน แสดงถึงอาการร้อนรนในสถานการณ์ เตือนหลายฝ่ายทนไม่ไหว คดีทุจริตไม่ติดคุกสักวัน หวั่นเหตุการณ์ซ้ำรอย