‘อดีตรองอธิการบดี มธ.’ เชื่อผลเลือกตั้งจริง อาจไม่เป็นไปตามโพล

7 พ.ค.2566-รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า อีก 1 สัปดาห์ก็จะถึงวันเลือกตั้งที่จะชี้ชะตาประเทศไทยว่าจะเดินไปในทิศทางใด ผลโพลต่างๆทั้งที่เป็นโพล กับที่ไม่ใช่โพลจริง ทำให้ผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายเสรีนิยม ออกมาตีปีกกันยกใหญ่ บางโพลให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งรวมกันถึงกว่า 400 ที่นั่ง แต่เชื่อเถิดว่า ผลการเลือกตั้งจริงอาจไม่ได้เป็นไปตามโพลเสมอไป การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคร่วมฝ่ายเสรีนิยมจะอย่างไรก็ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายแน่ๆ 

ยิ่งเมื่อดูอาการของทั้งลุงป้อม ลุงตู่ โดยเฉพาะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยซึ่งผลโพลที่ทำโดยฝ่ายเสรีนิยมให้จำนวนที่นั่งน้อยมาก แต่ทั้งสามดูเหมือนจะไม่หวั่นไหวต่อผลโพลเหล่านี้แต่อย่างใด เหมือนมีความมั่นใจอะไรบางอย่าง อาจจากการทำโพลของพรรคเอง หรือของฝ่ายความมั่นคงที่ปรากฏผลที่แตกต่าง หรืออาจมีกลยุทธ์บางอย่างที่จะเอาชนะคู่แข่งได้ เรื่องนี้ต้องดูกันต่อไปว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะมีไพ่ใบสุดท้ายที่ทิ้งมาแล้วทำให้สถานการณ์เปลี่ยนหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนจะหย่อนบัตรเลือกตั้งในวันที่ 14 จะขอรื้อฟื้นความจำด้วยการนำเอาข้อเขียนที่ผมเขียนไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2556 เกี่ยวกับระบอบทักษิณ ที่คนส่วนใหญ่อาจลืมไปแล้ว มาปัดฝุ่นให้อ่านกันอีกครั้ง  ถึงแม้ระบอบทักษิณวันนี้จะพัฒนาไปจากเดิมไม่น้อย แต่หลักใหญ่ๆยังคงเหมือนเดิม ขอให้พิจารณาให้ดีว่า เราอยากจะให้ระบอบนี้กลับมาครอบงำประเทศไทย เหมือนที่ครอบงำพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งอยู่แล้วหรือไม่ ยังไม่ต้องเอ่ยถึงโอกาสที่จะมีชาติตะวันตกเข้าแทรกแซงการเมืองไทย ซึ่งผมจะเขียนแจกแจงให้ทุกท่านได้ตระหนักในโพสต์ต่อไป

ลองอ่านดูนะครับ

……………………………………….

ระบอบทักษิณคืออะไร

ระบอบทักษิณไม่ใช่ระบอบที่มีหลักปรัชญาหรือมีการออกแบบระบบอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ระบอบทักษิณเป็นระบอบที่เกิดจากการวิวัฒนาการหรือที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า evolution วิวัฒนาการที่มีเป้าหมายที่มุ่งสู่การเข้าสู่อำนาจในการบริหารประเทศหรือเป็นรัฐบาลนั่นเอง

จะเข้าใจระบอบทักษิณคงต้องมองย้อนหลังไปที่เส้นทางสู่เวทีการเมืองของทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตรเคยเป็นตำรวจที่ทำธุรกิจควบคู่ไปกับการรับราชการ ธุรกิจที่ค่อนข้างทำเงินให้ทักษิณในขณะนั้นคือ เป็นตัวแทนบริษัทไอบีเอ็มเพื่อยื่นประมูลขายระบบคอมพิวเตอร์ (main frame)ให้กับหน่วยราชการต่างๆ และแจ้งเกิดจากการขายระบบคอมพิวเตอร์ให้กับกรมตำรวจ แต่ธุรกิจอื่นๆ เช่นธุรกิจภาพยนตร์และอสังหาริมทรัพย์ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้เกิดหน้ีสินมากมาย จนกระทั่งมาได้ธุรกิจโฟนลิงค์ และเครื่อข่ายโทรศัพท์มือถือคลื่น 900 ซึ่งเป็นธุรกิจกึ่งผูกขาดที่ได้สัมปทานของรัฐ ธุรกิจโทรศัพท์มือถือเป็นธุรกิจที่ทำให้ทักษิณร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ในช่วงที่ บริษัทแปซิฟิกคอร์โปเรชั่น เข้าไปทำรายการข่าวรูปแบบใหม่ ข่าว 9 อ.ส.ม.ท. ทักษิณพยายามที่จะเข้าไปทำรายการข่าวแทนแต่ไม่สำเร็จ แต่บังเอิญได้พบกับผู้บริหารบริษัทเคลียร์วิว ซึ่งทำธุรกิจเคเบิ้ลทีวี ซึ่ง อ.ส.ม.ท.ติดต่อมาเป็นที่ปรึกษา และพูดคุยถูกคอกัน จึงได้ตัดสินใจร่วมทุนทำธุรกิจเคเบิ้ลทีวีด้วยกัน แต่เนื่องจากใช้เวลานานยังไม่สามารถขอใบอนุญาตจากรัฐบาลได้ ทักษิณจึงถอนตัว ภายหลังบริษัทเคลียร์วิวยื่นฟ้องทักษิณเพื่อขอให้คืนอุปกรณ์ต่างๆที่นำมาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งสู้คดีกันยืดเยื้อหลายปี

ในช่วงรัฐบาลชาติชาย ชุนหะวัณ ทักษิณยังมีความใกล้ชิดกับเฉลิม อยู่บำรุงซึ่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกมนตรีกำกับดูแล อ.ส.ม.ท.และได้เข้ามาเป็นคนกลางจัดการขายเวลาของ อ.ส.ม.ท.ให้กับผู้ต้องการเข้ามาจัดรายการ ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ

ต่อมาเมื่อได้สัมปทานดาวเทียมซึ่งเป็นธุรกิจผูกขาด100% ทักษิณจึงเหมือนกับติดปีกมีเงินเป็นหมื่นล้านในเวลาไม่กี่ปี จะเห็นว่าธุรกิจของทักษิณที่ประสบความสำเร็จล้วนเป็นธุรกิจที่ต้องวิ่งเต้นกับราชการทั้งสิ้น ทักษิณจึงเป็นนักวิ่งเต้นกับราชการมาตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจเลยก็ว่าได้

ปีพ.ศ.2537 รัฐบาลชวน หลีกภัย โดยการชักชวนของพลตรี จำลอง ศรีเมืองและสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แห่งพรรคพลังธรรมซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลทักษิณก็ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ต่อมาทักษิณได้เป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรมแทนพลตรีจำลอง และได้เป็นรองนายกรัฐนตรีในรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา และเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่ทักษิณประกาศว่าจะแก้ปัญหาจราจรในกทม.ภายใน 6 เดือนแต่ล้มเหลว และจากนั้นไม่เคยพูดเรื่องการจราจรอีกเลย

ปีพ.ศ. 2541 ทักษิณก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ประกาศว่าจะเป็นพรรคที่จะมีแต่นักการเมืองรุ่นใหม่ที่เป็นน้ำดี มีการตั้ง

คณะกรรมการกลั่นกรองผู้ที่จะเข้าสังกัดพรรคไทยรักไทยโดยมีดร.คณิต ณ นครเป็นประทานเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีแต่นักการเมืองที่ดี แต่หลังจากนั้นไม่นานก็รับคุณเสนาะ เทียนทองและกลุ่มวังน้ำเย็นเข้าพรรค ดร.คณิตถึงกับลาออกจากพรรค จากนั้นก็เริ่มซื้อตัวผู้ที่มั่นใจได้ว่าจะได้รับเลือกเป็นส.ส.เข้าพรรค และในที่สุดก็ควบรวมพรรคความหวังใหม่และพรรคชาติพัฒนาเข้ามาเป็นไทยรักไทย การทำเช่นนี้เป็นการทำตรงกันข้ามกับปณิธานที่ได้ประกาศไว้อย่างสิ้นเชิง

ไม่เพียงแต่ใช้พลังดูดอดีต ส.ส.ควบรวมพรรค ทักษิณยังมีทีมการตลาดชั้นยอดนำโดยดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พรรคไทยรักไทยจึงสามารถค้นพบความต้องการที่แท้จริงของคนรากหญ้าที่พรรคอื่นไม่ค่อยเหลียวแล และใช้นโยบายที่โดนใจคนรากหญ้าที่เราเรียกกันว่าประชานิยมเพื่อใช้หาเสียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงในสภาพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ น่าเสียดายที่ทักษิณมุ่งเพียงให้ได้คะแนนเสียงแต่ไม่เคยสนใจว่านโยบายเหล่านั้นเมื่อปฏิบัติแล้วจะมีผลเสียในระยะยาวหรือไม่เพียงใด อย่างไรก็ดีการใช้พลังดูดส.ส. การควบรวมพรรค กับนโยบายประชานิยมส่งผลให้ไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายและได้เป็นรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตรจึงได้เป็นนายกรัฐมนตรีในที่สุด

คดีซุกหุ้นที่หวุดหวิดจะทำให้ทักษิณต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นบทเรียนที่ทำให้ทักษิณพยายามทุกวิถีทางที่จะเอาคนของตัวเองไปนั่งอยู่ในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่สามารถให้คุณให้โทษเช่น ปปช. กกต. และอื่นๆ และเพื่อให้สามารถส่งคนของตัวเองเข้าไปได้ก็ต้องสามารถคุมส.ว.ได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็นส.ว.ที่ดูจะต้องทำตามค่ำสั่งทักษิณส่วนใหญ่เป็นส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง นอกจากนี้เพื่อให้เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจที่อ้างว่าขายให้ลูกไปแล้ว และเอื้อต่อการทุรจริตคอร์รัปชั่นยังต้องสามารถคุมรัฐวิสหากิจต่างๆ และบริษัทมหาชนที่กระทรวงการคลังถทอหุ้นใหญ่ เช่น การสื่อสารแห่งประเทศไทย การบินไทย เป็นต้น

จะเห็นว่าการดำเนินงานการเมืองแบบทักษิณจำเป็นต้องใช้เงินอย่างมหาศาลเพื่อให้ชนะเลือกตั้ง เช่น เงินที่ต้องจ่ายให้ผู้สมัครส.ส.เพื่อให้ในการหาเสียง เงินเดือนที่ต้องจ่ายให้ส.ส.ทุกๆเดือน เป็นต้น แน่นอนทักษิณคงไม่ใช้เงินส่วนตัวเพื่อเป็นรายจ่ายเหล่านี้  ดังนั้นจึงต้องหาเงินเข้าพรรคอย่างต่อเนื่อง วิธีการหาเงินก็มีอยู่ 3 วิธีคือ ทุรจริตคอร์รัปชั่นทางตรงจากโครงการต่างๆของรัฐบาล ทุรจริตคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายจากการใช้อำนาจและการแก้กฎหมายและกฎระเบียบเพื่อให้เอื้อต่อการได้ประโยชน์ซึ่งหนักหนากว่าวิธีแรก และวิธีที่สามคือการให้ตำแหน่งรัฐมนตรีแก่นักธุรกิจกระเป๋าหนัก ลือกันว่าสำหรับรัฐมนตรีว่าการต้องจ่ายเงินเข้าพรรคไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

จากข้อมูลข้างต้นทั้งหมด ระบอบทักษิณจึงเป็นระบอบที่มีวิวัฒนาการมาจากความต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีของทักษิณเอง เหตุผลที่แท้จริงของการเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่แรกไม่มีใครทราบได้ แต่ภายหลังเป็นที่ชัดเจนว่าไม่ใช่เพื่อประเทศชาติแน่ๆ การที่ชาวนาและคนระดับรากหญ้าได้ประโยชน์จากทักษิณก็เพราะความต้องการได้คะแนนเสียงเท่านั้น เมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็เริ่มมีการพัฒนาเครือช่ายและวิธีการต่างๆเพื่อให้อยู่อำนาจได้นานที่สุด วิธีการที่ใช้ ไม่ได้คำนึงถึงหลักจริยธรรม และคุณธรรมแต่ประการใด หากวิธีการที่จะใช้ขัดกับข้อกฎหมายก็ใช้เสียงข้างมากแก้กฎหมายเสียให้ทำได้ ลักษณะของระบอบทักษิณน่าจะสรุปได้เป็นข้อๆด้งนี้

1.ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เสียงส่วนใหญ่ในการเลือกตั้งทุกครั้ง ด้วยการใช้พลังดูด ส.ส.และการควบรวมพรรคการเมือง กลยุทธ์คือเลือกเน้นคนส่วนใหญ่ระดับรากหญ้า สร้างภาพกับคนส่วนใหญ่โดยไม่ต้องสนใจคนส่วนน้อยที่มีการศึกษาที่ดีกว่าว่าจะคิดอย่างไร

2.ใช้อำนาจในการหาเงินให้ได้มากที่สุดทุกวิถีทาง และใช้เงินเหล่านั้นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ และคงอำนาจไว้ให้นานที่สุด

3.ควบคุมกลไกในการออกกฎหมายให้ได้ด้วยเสียงส่วนใหญ่ทั้งสองสภา ควบคุมกลไกการตรวจสอบที่มีทั้งหมด เพื่อไม่ให้เอาผิดต่อตัวเองและพรรคพวกได้

4.ควบคุมตำรวจ ทหารให้ทำตามคำสั่งด้วยการตั้งคนของตัวเองเข้าสู่ตำแหน่งที่คุมกำลังให้ได้มากที่สุด

5.ควบคุมรัฐวิสาหกิจที่แสวงหากำไรทั้งหมดด้วยการตั้งพรรคพวกหรือผู้ที่ยินยอมรับคำสั่งไปเป็นกรรมการบริหาร และเมื่อคุมกรรมการบริหารได้แล้วก็สามารถตั้งคนของตัวเองเป็นซีอีโอได้

6.อำนาจการบังคับบัญชาที่แท้จริงรวมศูนย์อยู่ที่ทักษิณแต่เพียงผู้เดียว หากตัวเองไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจได้ ก็ต้องผลักดันคนที่ตัวเองสั่งได้ และไว้ใจได้ให้เข้าสู่ตำแหน่งนั้นแทน

7.การเลือกคนเข้าดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลือกบนพื้นฐานของระบบโควต้า ระบบการให้รางวัลตอบแทน และการเชื่อฟังคำสั่ง เป็นอันดับแรก ความสามารถที่เหมาะสมเป็นอันดับรอง

8.การแต่งตั้งข้าราชการประจำให้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆเช่น ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดี ก็ใช้หลักเดียวกันกับข้อ 7

9.จัดตั้งมวลชนอย่างเป็นระบบเพื่อใช้การสนับสนุนตัวเองและเพื่อต่อต้านผู้คัดค้าน

 10.ไม่เคารพคำตัดสินของศาลใดๆหากคำตัดสินเป็นโทษต่อตัวเอง เคารพคำตัดสินของศาลเฉพาะที่เป็นคุณเท่านั้น

นี่คือลักษณะ10 ประการของระบอบทักษิณ ความจริงยังมีข้อมูลอีกบางประการที่ไม่อาจเขียนบอกได้ แต่อยากจะเล่าเกร็ดบางประการที่มาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เพื่อเป็นการทิ้งท้ายไว้ดังนี้

ครั้งหนึ่ง ผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักท่านหนึ่ง ที่มีส่วนร่วมสำคัญในการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ทักท้วงการกระทำบางประการของทักษิณ ทักษิณตอบท่านว่า

 “คุณจะอยู่กับฝ่ายผู้ชนะ หรือคุณจะอยู่กับฝ่ายคนแก่ๆคนหนึ่ง”

นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านผู้ใหญ่ท่านนั้น ตัดสินใจลาออกจากพรรคไทยรักไทยนับแค่บัดนั้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นักวิชาการ' วิเคราะห์ผลการเลือกสว.จะเป็นผลดีต่อประเทศชาติ มากกว่าเป็นผลเสีย

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

เหนื่อยแน่! เพื่อไทย รับต้องปรับยุทธศาสตร์ หลังผลโพลตามหลังก้าวไกล

นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลนิด้าโพลเปิดผลโพลในไตรมาส 2 ที่ ปรากฏว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และ พรรค

‘พิธา’ แสลงหู ‘สว.สีส้ม’ ขออย่าป้ายสีเติมนามสกุลให้ใคร

‘พิธา’ ขออย่าป้ายสีเติมนามสกุลให้ใคร หลังเลือก สว. ผุดคำว่า ‘สว.สีส้ม’ เชื่อส้มในที่นี้คือ ‘จุดยืนประชาธิปไตย’ ย้ำหลักกฎหมายพรรคการเมืองเอี่ยวไม่ได้ มองจะได้สภาสูงที่มีคุณภาพ แม้ไม่ใช่เลือกตั้งทางตรง