เครือข่ายกัญชา ประกาศไม่เลือกพรรคการเมือง นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด “อนุทิน” ดอดขอกำลังใจหลังโดนการเมืองเล่นงานสะบักสะบอม “ประพัฒน์” หยิบยก บาป 7 ประการของมหาตมคานธี สอน “พิธา” อย่าเล่นการเมืองไร้หลักการ
7 พ.ค.2566 - ที่ห้องประชุมอดุล วิเชียรเจริญ คณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เครือข่ายประชาสังคมกัญชา กัญชง เพื่อประชาชน ร่วมแถลงการณ์ แสดงจุดยืนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดและมีกฎหมายควบคุมอย่างเหมาะสม โดยมีเข้าร่วมแสดงจุดยืน อาทิ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัยมหาวิทยาลัยรังสิต ,นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกร นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา, พญ.สุภาภรณ์ มีลาภ คลินิกเวชกรรมอุ่นใจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการใช้กัญชาในการรักษาผู้ป่วยและเด็กจำนวนมาก, พล.อ.ต.นพ.ไกรสร วรดิถี, ศ.พิเศษ ดร.เพียงฤทัย วรดิถี วรดิถีคลินิกเวชกรรมและกัญชาทางการแพทย์ ,ผศ.ดร.พิพัฒน์ นนทนาธรณ์ นายกสมาคมนักวิจัยแห่งประเทศไทย ผู้แทนเครือข่ายผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ประเทศไทย และเครือข่ายผู้ใช้ยาประเทศไทย รวมถึงกลุ่มวิสาหกิจอีกเป็นจำนวนมากจนล้นห้องประชุม โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมรับฟังด้วย
โดยแถลงการณ์ สรุป ว่า เครือข่ายประชาสังคมกัญชา กัญชง เพื่อประชาชนขอแถลงการณ์ข้อเท็จจริงในสถานการณ์ที่นักการเมืองและพรรคการเมืองได้โกหกและบิดเบือน ในประเด็นดังต่อไปนี้ ประเด็นแรก นักการเมืองที่อ้างว่าคัดค้านกัญชาเสรี และต้องการให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ทั้ง ๆ ที่พรรคการเมืองเหล่านั้นได้มีส่วนร่วมในฝ่ายนิติบัญญัติที่นำมาสู่การปลดล็อกกัญชามาแล้วทั้งสิ้น
พรรคการเมืองที่กลับลำอ้างว่าจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกในวันนี้ เช่นพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคก้าวไกล ฯลฯ ได้เคยส่งตัวแทนของพรรคตัวเองเข้าไปทำการศึกษาในคณะกรรมาธิการวิสามัญฯของสภาผู้แทนราษฎร แล้วสรุปมาเป็นผลการศึกษาเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรอย่างชัดเจนเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2563 ว่าเห็นควรให้ปลดล็อกกัญชา กัญชง และกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดทุกประเภท
ต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เห็นชอบให้ปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ซึ่งการปลดล็อกดังกล่าว ทำให้ผู้ใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค 3.85 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดใช้กัญชาอย่างผิดกฎหมายเพราะแพทย์ไม่จ่ายกัญชาให้ และเข้าไม่ถึงกัญชา ผู้ป่วยเหล่านี้ไม่ต้องถูกจับกุม และยังมีผลทำให้มีนักโทษในความผิดเกี่ยวกับกัญชาได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสรภาพจากเรือนจำคืนกลับสู่ครอบครัวทันที 3,071 คน และได้รับการลดโทษอีก 1,004 คน และศาลได้จำหน่ายคดีกัญชาที่อยู่ในศาล 7,488 คดีออกจากสารบบ
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ฯลฯ ได้ลงมติเห็นชอบกับ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ของพรรคภูมิใจไทยอย่างท่วมท้นถึงร้อยละ 92 โดยกฎหมายฉบับนี้ได้ระบุถึงเหตุผลเอาไว้ว่าเพราะประมวลกฎหมายยาเสพติดไม่ได้กำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดอีกต่อไป พรรคการเมืองที่ได้ลงมติเห็นชอบในวาระรับหลักการนี้ ย่อมทราบแล้วว่าที่จำเป็นต้องมีกฎหมายพ.ร.บ. กัญชา กัญชง เพราะกัญชานั้นไม่ได้เป็นยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดตามมติของรัฐสภาแล้ว
ต่อมาสภาผู้แทนราษฎรได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯเพื่อพิจารณาเพื่อปรับปรุงแก้ไขกฎหมายกัญชา กัญชง จำนวน 25 คนจาก 8 พรรคการเมือง ซึ่งรวมถึงตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเสรีรวมไทยฯลฯ เพื่อทำให้กฎหมายมีการควบคุมอย่างรัดกุมขึ้นเทียบเคียงกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การควบคุมยาสูบ และการควบคุมพืชกระท่อม เป็นผลทำให้เพิ่มบทบัญญัติจาก 45 มาตรา มาเป็น 95 มาตรา จนเป็นที่ยุติและนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2
“แต่แทนที่พรรคการเมืองจะได้ช่วยกันเร่งพิจารณา พ.ร.บ. กัญชา กัญชง ของคณะกรรมาธิการฯให้แล้วเสร็จ กลับใช้วิธีไม่เข้าประชุมเพื่อทำให้องค์ประชุมไม่ครบซ้ำแล้วซ้ำเล่า สะท้อนให้เห็นว่าพรรคการเมืองที่กำลังหาเสียงอ้างว่าไม่ต้องการกัญชาเสรี แต่กลับไม่ให้ความร่วมมือออกกฎหมายควบคุม”
ประเด็นที่สอง การหาเสียงบิดเบือนว่าแม้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่พรรคการเมืองต่างๆ ยังคงสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ ขอยืนยันว่าข้อเสนอเหล่านี้ขัดแย้งกับสภาพข้อเท็จจริงในประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง เพราะแพทย์ส่วนใหญ่ไม่จ่ายกัญชา ประชาชนจำนวนมากที่ใช้กัญชาอย่างผิดกฎหมายที่ผ่านมา ก็ยังได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล เพราะผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยที่ใช้กัญชาในประเทศไทยมีอาการป่วยดีขึ้นถึงดีขึ้นมาก ร้อยละ 93 หรือประมาณ 3.58 ล้านคน และมีผู้ที่ลดหรือเลิกการใช้ยาแผนปัจจุบันมากถึงร้อยละ 58 หรือประมาณ 2.23 ล้านคน
โดยปัจจุบันมีประชาชนได้ปลูกกัญชาจำนวนมาก มีผู้ประกอบการสร้างโรงงานการผลิตอุตสาหกรรมกัญชา กัญชง ที่ได้มาตรฐาน และได้ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์กัญชากัญชง จำนวนมาก สร้างเศรษฐกิจใหม่ของประเทศอย่างชัดเจน สถานการณ์กัญชา กัญชง ของประเทศไทยในขณะนี้จึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการเป็นยาเสพติดเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น แต่กัญชา กัญชงของประเทศไทยได้ขยายโอกาสในด้านการส่งเสริมสุขภาพและเศรษฐกิจของประชาชนอย่างรอบด้านแล้ว
การทำให้กัญชาที่มีประโยชน์ต่อประชาชนกลับไปเป็นยาเสพติดอีก จะทำให้กัญชากลับไปถูกผูกขาดอยู่กับกลุ่มทุนแพทย์และบริษัทยาเพียงไม่กี่คน ซึ่งได้เคยพิสูจน์แล้วว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะไม่จ่ายกัญชาให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน บางส่วนเป็นเพราะการเป็นยาเสพติดทำให้เกิดขั้นตอนที่ยุ่งยากเกินไปเป็นภาระต่อแพทย์ในการจ่ายกัญชาให้ประชาชน บางส่วนเกิดจากอคติของแพทย์ที่ต่อต้านกัญชา บางส่วนเป็นเพราะแพทย์และบริษัทยาจำนวนหนึ่งเสียผลประโยชน์จากกัญชา เนื่องจากกัญชาจะสามารถมาทดแทนการใช้ยาที่มีราคาแพงจากต่างประเทศจำนวนมาก
ประเด็นที่สาม ปัจจุบันกัญชาไม่ได้เสรี ตามที่นักการเมืองกล่าวอ้าง เพียงแต่ขาดกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติมาควบคุม แต่กระทรวงสาธารณสุข ได้ระดมออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขจำนวนมาก โดยอาศัยอำนาจตาม พระราชบัญญัติหลายฉบับ มาประยุกต์ใช้ในการควบคุมกัญชา รวมประกาศกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอื่นๆไม่ต่ำกว่า 12 ฉบับ ผลที่ตามมาคือ ปัจจุบันประเทศไทยกัญชาไม่ได้เสรี
“ดังนั้นเราจึงร่วมรณรงค์ ไม่เลือกพรรคที่เอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่จะเลือกพรรคที่มีจุดยืนสนับสนุน พ.ร.บ.กัญชากัญชง ในรัฐบาลชุดหน้าให้แล้วเสร็จ เพื่อรักษาสิทธิของประชาชนในการปลูกกัญชากัญชงในการพึ่งพาตนเอง เพื่อในครัวเรือน”
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้ที่ตนเองมาเพื่อขอรับกำลังใจจากทุกคน เพราะโดนการเมืองเล่นเสียสะบักสะบอม แต่ก็ยืนหยัดต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชน ถ้าวันนี้ไม่มีการเลือกตั้ง พ.ร.บ.กัญชาก็คงจะผ่านไปแล้ว เพราะมีการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการที่มีตัวแทนจากทุกพรรคการเมือง ซึ่งถ้าทุกคนถอดหัวโขนออก เขาก็คือพวกเรา คือคนที่เห็นด้วยกับประโยชน์ของกัญชา แต่วันนี้การเมืองมันเป็นสิ่งหอมหวาน เลยยอมที่จะกลืนอุดมการณ์ ที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งตนเองก็จะไม่ยอมเช่นเดียวกัน
ด้านนายประพัฒน์ ได้หยิบยกบาป 7 ประการ ของมหาตมะคานธี ฝากถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า หนึ่งในบาป 7 ประการดังกล่าวคือ “การเล่นการเมืองโดยไม่มีหลักการ” ตนเองอยากฝากนายพิธาไว้ ในฐานะที่อายุอานามก็เท่ากับลูกคนโตของตนเอง แรกทีเดียวก็ชื่นชมเพราะเห็นเป็นคนหนุ่มไฟแรง แต่ปัจจุบันการจะเอากัญชาไปเป็นยาเสพติดทั้งที่ก่อนหน้านี้พูดไปอีกแบบ ตนคงยอมไม่ได้ และจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พรรคการเมืองฟังไว้! กกต.เคลียร์แล้วรับบริจาคหวยได้
กกต.ตอบพรรคประชาชน รับบริจาคสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ และถ้าถูกรางวัล ต้องชี้แจงตามขั้นตอนถึงแหล่งที่มาตามระเบียบและกฎหมายพรรคการเมือง
'หมอเดชา ศิริภัทร' ทวงสัญญา 'แอ๊ด คาราบาว' อย่าทำแบบไม่แยแสเรื่องงานที่คุยกันไว้
นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า ช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ มีข่าว(ฉาว)เกี่ยวกับ คุณแอ๊ด คาราบาว (ภาพบน) ซึ่งยังไม่ตัดสินว่าร้านถูกดีฯ (
ไปอีกพรรค! ราชกิจจาฯ ประกาศสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่อง พรรคเสมอภาคสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง
ดร.เสรี ถามพรรคการเมืองฝ่าย ‘อนุรักษ์นิยม’ จะรวมกันกี่โมง?
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ส้มเลือ
'ปิยบุตร' อัดเพื่อไทย! ทำเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจการเมือง ช้าออกไปอีก 10-20 ปี
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่าแทนที่พรรคการเมืองจะรวมพลัง “ยึด” อำนาจการออกใบอนุญาตที่ 2 ของ
'นิพิฏฐ์' เตือนมหันตภัยการเมือง ประเทศถูกล็อกด้วยพรรคการเมือง 2 พรรค
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า การเมืองที่ถูกล็อคด้วยพรรคการเมือง 2 พรรค