'เนติวิทย์' สละผ้าเหลือง เคลื่อนไหวทันควัน เกณฑ์ทหารไม่อยู่บนฐานธรรม

3 พ.ค.2566 - นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง โพสต์โพสต์บุ๊กหลังจากได้ทำพิธีลาสิกขาจากเพศสมณะเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ลาสิกขาและสอบได้ประโยค 1-2 ดังที่ผมได้เคยแจ้งขณะเป็นพระเนติวิทย์ ในถ้อยแถลงส่วนตัวว่า นับแต่รัฐประหาร 2557 ผมก็ตาสว่างเห็นการบังคับเกณฑ์ทหารเป็นเครื่องมือควบคุมคน สร้างความกลัว และระบบนี้เป็นอุปสรรคต่อความเจริญงอกงามของผู้คนในสังคมและสร้างเสรีประชาธิปไตย แม้โดยส่วนตัวจะมีวิธีหลีกเลี่ยงได้มากมายโดยไม่ผิดกฎหมาย (เช่น เรียน รด) แต่ก็คิดว่าวิธีนี้คนใช้เยอะแล้ว

และเราก็ควรมีสิทธิศักดิ์ศรีชัดในฐานะมนุษย์ว่า เรามีเสรีภาพในการเลือกพัฒนาชาติในแบบของเราได้ เราไม่ควรต้องกลัวกับระบบไม่เป็นธรรม ผมก็ได้มีเจตนามุ่งมั่นและออกแถลงการณ์ตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งก็ผ่านมาถึง 9 ปีแล้วว่า จะไม่เข้าร่วมระบบเกณฑ์ทหาร แม้จะต้องโดนดำเนินคดีหรืออะไรก็ตามที

แม้ตอนนี้ ผมก็ไม่เคยเปลี่ยนความเชื่อ ความตั้งใจของตน โดยเฉพาะสิ่งที่เราทำเราต่อต้าน เมื่อพิจารณาอย่างแยบคาย เป็นสิ่งที่ดีกับคนรุ่นหลังจากเรา ที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างปราศจากความกลัว สามารถรักชาติได้ดีขึ้น (เพราะเขามีสิทธิ์คิดสิทธิเลือก ไม่ใช่รักเพราะกลัวเกรง)

หากที่ผมไม่ไปที่หน่วยตรวจเลือดเกณฑ์ทหารเพื่อประกาศเจตนารมณ์นี้ด้วยตัวเองก็เพราะติดอ่านสอบบาลีประโยค1-2 ซึ่งตนก็ตั้งใจศึกษาบาลีมาถึง 4-5 เดือน อยากสอบซ่อมให้เรียบร้อยแล้วก็จะสึกออกมาต่อสู้ ไม่ได้ต้องการหลีกเลี่ยงจะใช้ผ้าเหลืองเพื่อหลบหนี แม้อยากจะบวชต่ออีกสักพักก็ตาม

ขณะนี้ก็สอบซ่อมเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้ทำผิดที่เคยให้สัตย์ไว้ ก็ได้ลาสิกขาจากวัดญาณเวศกวันช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา และเมื่อวาน แม่กองบาลีก็ประกาศผลแล้วว่า พระเนติวิทย์สอบได้ประโยค 1-2 ท่านเจ้าคุณฯได้ให้โอวาทตอนลาสิกขา คือ หลักอธิษฐานธรรม 4

1. ไม่พึงประมาทปัญญา
2. พึงมั่นคงและมุ่งมั่นในสัจจะ
3. พึงเพิ่มพูนจาคะการให้
4. พึงศึกษาสันติ สันติภาพภายในและโลกไร้สงคราม

ตอนนี้ก็กลับมาเป็นคฤหัสถ์ เป็นผู้ครองเรือน เป็นผู้หนึ่งที่มั่นใจยิ่งขึ้นทุกทีว่าพระธรรมคำสอนสองพันกว่าปีนี้สามารถมีประโยชน์ต่อตนและผู้อื่น และประโยชน์ในการพัฒนาสังคม ได้สัมผัสสุขอิงอามิสและไม่อิงอามิสความไม่เบียดเบียน จะนำเอาธรรมมาประยุกต์และเผยแพร่

เรื่องเกณฑ์ทหารนี้ไม่ได้ขัดกับที่ได้ศึกษา พุทธศาสนามีสองส่วนคือ ธรรมและวินัย วินัยคือตัวระบบให้บรรลุจุดหมายคือธรรม ถ้าวินัยไม่ทำให้เกิดธรรม วินัยนั้นก็ใช้ไม่ได้ ระบบบังคับเกณฑ์ทหารเหมือนเป็นวินัย แต่ไม่ทำให้บรรลุความงอกงามของบุคคลและสังคม แต่ระบบนี้กลับสร้างความขยาด กลัว มีคนถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนจนเสียชีวิต สิ้นเปลืองงบประมาณเกินจำเป็น

วินัยนี้จึงไม่อยู่บนฐานธรรม เจตนาตอนแรกอาจจะดี แต่ไม่ได้ผล ก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับธรรม ก็คือมีระบบสมัครใจ ให้สวัสดิการดีขึ้น กองทัพเองก็ได้ประโยชน์ และผู้คนก็ไม่ต้องสูญเสียงานที่ตนรักไปแต่ช่วยประเทศชาติสังคมในแนวทางตน แต่คนใฝ่อำนาจนิยมและคนรับสินบาทคาดสินบนจากระบบนี้จำนวนน้อยอาจจะเสียประโยชน์

ก็เรียนให้ทราบในเบื้องต้นเท่านี้ แจ้งความเป็นไปของตนและความมุ่งมั่นไม่คลอนแคลน ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเกื้อกูลกันมาโดยตลอด ขอบุญกุศลที่ได้จากการอุปสมบท 10 เดือน เป็นพลวปัจจัยให้ทุกท่าน เจริญรุ่งเรือง มีเมตตาต่อกัน เกื้อกูลสังคมของเราให้ปราศจากการเบียดเบียนและงอกงามยิ่งๆขึ้นไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บุกรวบคากุฏิ! เจ้าสำนักสงฆ์นครพนม ขืนใจเณรวัย 13

กลายเป็นข่าวฉาวอีก สำหรับวงการพระสงฆ์ หลังนางลาวัลย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี แม่ของสามเณรการ์ตูน อายุ 13 ขวบ ชาวบ้านโสกแมว หมู่ 2 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

เวลาไทยมีสงคราม! 'ดร.เจษฎา' จี้ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ให้ใช้วิธีรับสมัครไปรบทั้งหมด

รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้เลิกเกณฑ์ทหาร ให้ใช้วิธีรับสมัครทั้งหมด โดยระบุว่า เป็นทหารเกณฑ์ได้อะไร"น้อย"กว่าที่คุณคิด เพราะได้มาแล้ว ก็โดนหักไป

'สส.จิรัฏฐ์' เข้ามอบตัวคดีปลอมใบสด.43 เชื่อโดนดิสเครดิต ขัดขวางปฏิรูปกองทัพ

นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ตามหมายเรียกครั้งที่ 2 ในข้อหาปลอมแปลงหรือใช้เอกสารทางราชการปลอม

ทบ. ปลื้มยอดสมัครทหารกองเกิน ปี 67 ระบบออนไลน์-ร้องขอวันตรวจเลือกรวม 38,160 คน

ร.อ.หญิง จุฑาพัชร เปรมบัญญัติ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกดำเนินการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2567 ตั้งแต่ 1-12 เม.ย. (เว้น 6 เม.ย.) ปัจจุบันการตรวจเลือกฯ ได้เสร็จสิ้นแล้ว