1 พ.ค. 2566 – นายนันทิวัฒน์ สามารถ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง “เบื้องหลังภาพ” โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ตอนค่ำๆ นักเรียนกลุ่มที่สอง 132 คน (และมีคนต่างชาติที่สมรสกับคนไทยติดกับมาด้วย 3 คนเป็นอินโดนีเซีย 1 คน และ จีน 2 คน) ที่อพยพออกมาจากซูดานได้เดินทางกลับมาถึงไทยด้วยเครื่องบินแอร์บัสของกองทัพอากาศ รวมจำนวนนักเรียนที่เดินทางกลับบ้านทั้งหมด 210 คน และทยอยเดินทางกลับไปอยู่กับครอบครัวหมดแล้ว เหลือคนไทยอีก 5 คนที่จะเดินทางกลับถึงไทยในวันที่ 1 พฤษภาคม เวลา 15.00 น. ด้วยเครื่องบินซี 130 ของกองทัพอากาศ
มีเรื่องเบื้องหลังภาพที่อยากจะเล่าให้คนไทยได้รับทราบที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความปลอดภัยของนักเรียนในซูดาน ตลอดจนการวางแผนการอพยพนักเรียนไทยที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
กระทรวงการต่างประเทศได้ประเมินสถานการณ์และมีความเห็นว่าควรเตรียมการอพยพในโอกาสแรก นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศประสานกองทัพอากาศในการอพยพนักเรียนไทยทันที
ประการแรกไทยไม่มีสถานเอกอัครราชทูตในซูดาน แต่อาศัยกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ คาร์ทูม ที่เป็นนักธุรกิจชาวซูดานที่มีส่วนอย่างมากในการจัดหารถบัสและอำนวยความสะดวกในการอพยพนักเรียนไทยออกจากซูดาน
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างมากคือ ความปลอดภัยในการอพยพนักเรียน เนื่องจากจนถึงขณะนี้ก็ยังคงมีการสู้รบในคาทูม ทั้งๆ ที่มีการตกลงหยุดยิง จากคำบอกเล่าของนักเรียนที่เดินทางมาถึงไทยแล้ว บอกว่า นักเรียนมีความกลัวมาก เพราะได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิดตลอดเวลา และเริ่มขาดแคลนอาหารในคาทูม
เส้นทางอพยพก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายเราต้องนำมาพิจารณา แต่สุดท้ายเราตัดสินใจใช้เส้นทางมายังเมืองท่าซูดานเนื่องจากใกล้ซาอุดีอาระเบีย ที่รัฐมนตรีต่างประเทศได้ติดต่อประสานขอให้ช่วยเหลือในการอพยพนักเรียนไทย แต่เส้นทางนี้มีระยะทางถึงเกือบ 900 กิโลเมตร
เพื่อให้มั่นใจว่า การเดินทางจากคาทูมมายังท่าเรือซูดานจะปลอดภัย ไม่ถูกโจมตีหรือจับเป็นตัวประกันนายดอน ปรมัตถวินัย รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้ติดต่อกับมิตรประเทศหนึ่งที่มีอิทธิพลกับคู่ขัดแย้งในซูดาน เพื่อไม่ให้มีเหตุร้ายในระหว่างการเดินทางมายังเมืองท่าซูดาน เนื่องจากในเส้นทางดังกล่าวมีด่านตรวจของทหารทั้งสองฝ่ายที่ขึ้นมาตรวจบนรถบัสพร้อมอาวุธ
ต้องขอบคุณซาอุดีอาระเบีย มิตรประเทศที่ยินดีให้ความสะดวกในการอพยพ ด้วยเรือรบและเรือพาณิชย์ รวมทั้งเครื่องบินในการรับนักเรียนไทยจากเมืองท่าซูดานมายังเมืองเจดดาห์ และต้องขอบคุณทีมงานกระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโรที่ประสานงานกับกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงคาร์ทูม เอกอัครราชทูต ณ ริยาด และกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ที่ได้ประสานงานกับทางซาอุดีอาระเบียอย่างดียิ่ง ในการอำนวยความสะดวกในการอพยพนักเรียนไทยกลับประเทศ รวมทั้งทีมงานของกรมการกงสุลที่เดินทางไปสมทบและอำนวยความสะดวกในการเตรียมหนังสือเดินทางของนักเรียนไทย
กลับบ้านเรา รักรออยู่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ฟาด 'จานบูด' มโนละเมอเพ้อพก 'แม้ว' ได้กลับบ้านเพราะส้มชนะเลือกตั้ง
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า
รัสเซีย ขัดขวางมติหยุดยิงของยูเอ็นในซูดาน
นายพลสองคนซึ่งเป็นคู่แข่งแย่งชิงอำนาจ ต่อสู้กันในซูดานมาเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่งแล้ว ขณะนี้รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสห
'คำนูณ' จับผิดเส้น 'ละติดจูด' ที่ 11° 'E' เอกสารแนบท้าย MOU44 เตือนกต.อย่าคิดผิดในหลักการ
นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ขึ้นต้นก็(เขียน)ผิดแล้ว !ว่าด้วยเส้น “ละติดจูด” ที่ 11° “E” เอกสารแนบท้าย MOU 2544
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เห็นนักการเมืองเกรงใจกัมพูชาเรื่องเกาะกูด แล้วรู้สึกอเนจอนาถใจ สิ้นไร้ไม้ตอก
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความว่า อเนจอนาถ จะมีใครรู้สึกเหมือนผม
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' แจงยุค 'ลุงตู่' เจรจา 'เกาะกูด' 3 แนวทาง ไม่มีแรงต้านเหมือนนักการเมือง
8พ.ย.2567-นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่าบูรณภาพกับพลังงานอะไรมาก่อน
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' แฉคนหากินกับพลังงาน นักการเมืองแอบมีหุ้นในกิจการน้ำมัน เร่งคุย MOU 44
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart หัวข้อ อย่าเป็นคนดี