
21 เม.ย. 2566 – เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง/นายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้วินิจฉัยคำชี้แจงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย เป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมืองและกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. หรือไม่
ทั้งนี้สืบเนื่องจากการที่ กกต. ได้เปิดเผยข้อมูลการชี้แจงนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองที่ต้องใช้เงิน ตามมาตรา 57 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ซึ่งนโยบายที่เป็นที่พิพากษ์วิจารณ์คือนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล หรือนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งระบุว่าต้องใช้วงเงินถึง 5.6 แสนล้านบาทในการดำเนินนโยบายนั้น แต่ปรากฏว่าในเอกสารชี้แจงของพรรคการเมืองดังกล่าวระบุที่มาของเงินที่จะใช้ในการดำเนินการว่า จะใช้การบริหารงบประมาณปกติ และบริหารระบบภาษีนั้น ซึ่งเป็นการชี้แจงตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ตามมาตรา 57 หรือไม่
ส่วนรายละเอียดของที่มาของวงเงินที่ระบุว่าจะนำมาจาก 1.ประมาณการรายได้รัฐที่เพิ่มขึ้นในปี 67 : 260,000 ล้านบาท 2.ภาษีที่ได้จากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบาย : 100,000 ล้านบาท 3.การบริหารจัดการงบประมาณ : 110,000 ล้านบาท และ 4.การบริหารจัดการงบประมาณด้านสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน : 90,000 ล้านบาทนั้น ตัวเลขดังกล่าวยังเป็นที่สงสัยว่าจะตรงกับข้อเท็จจริงเพียงใดหรือไม่ เพราะวงเงิน 5.6 แสนล้านบาทต้องนำมาใช้ในครั้งเดียวก่อนเริ่มโครงการ จะอ้างนำภาษีที่ได้จากผลคูณต่อเศรษฐกิจจากนโยบาย 1 แสนล้านบาทมารวมก่อนไม่ได้ ส่วนการตัดงบประมาณที่ซ้ำซ้อนก็ไม่แจ้งให้ชัดว่าจะตัดงบประมาณด้านใด ตัดงบบัตรคนจน ตัดงบผู้สูงอายุ ใช่หรือไม่ เป็นต้น
ที่สำคัญ หากพรรคเพื่อไทยจัดสรรเงินที่จะต้องนำมาใช้จ่ายตามกรอบวงเงินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่จะต้องใช้วงเงิน 560,000 ล้านบาทนั้น จะไปกระทบกับวงเงินงบประมาณจากนโยบายการใช้จ่ายเงินอื่นๆ ของพรรคเพื่อไทยที่มีรวม 70 นโยบาย 15 ด้าน ตามเอกสารชี้แจง ซึ่งกำหนดกรอบวงเงินที่ใช้ดำเนินการตลอดระยะเวลา 4 ปี ตามวาระรัฐบาล รวมเป็นเงินประมาณ 3 ล้านล้านบาทด้วย
“การชี้แจงนโยบายดังกล่าว อาจไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของมาตรา 57 พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่ง กกต./นายทะเบียนพรรคการเมือง ต้องพิจารณาและวินิจฉัยว่านโยบายหาเสียงดังกล่าว มีความเป็นไปได้ หรือมีการปกปิดข้อมูลที่ควรจะแจ้งหรือไม่ หากมีการปกปิด ก็อาจจะเข้าข่ายผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 มาตรา 73 (5) เป็นการจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองได้ แต่ถ้า กกต. ไม่ยอมวินิจฉัย สมาคมฯและผู้มีส่วนได้เสีย ผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็จะนำความไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป” นายศรีสุวรรณ ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พท.' แฉน่านจ่ายหัวละ 300 เก็บบัตรปชช. ผวาซื้อเสียงระบาดหนัก
'หมอชลน่าน' แฉ พบจ่ายหัวละ 300 บาท ที่น่าน เริ่มเก็บสำเนาบัตรประชาชนแล้ว วัตถุประสงค์ไม่ชัดเจน หวั่นซื้อเสียงระบาดหนัก
กกต.กทม.คุมเข้ม รับสมัครสส.เขต ที่ศูนย์ไทย-ญี่ปุ่น
กกต.กทม.พร้อม 90% เปิดศูนย์ไทย-ญี่ปุ่น รับสมัคร สส.กทม. 33 เขต 27-31 ธ.ค.
ตั้งทีมสอบประชานิยม/44ส้มระทึก
กกต.ลั่นคุมเข้มนโยบายประชานิยมหาเสียง ตั้ง คกก.ตรวจสอบเงินที่ใช้-วิเคราะห์ผลกระทบ ชี้ชัด "อินฟลูฯ-ยูทูบเบอร์" สมัคร สส.
กกต. ขึงขัง! สกัดขายฝัน 'ประชานิยม' ตั้ง คกก.คุมเข้มนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง 69
กกต.ลั่นคุมเข้มนโยบายประชานิยมหาเสียง ตั้ง คกก.ตรวจสอบเงินที่ใช้-วิเคราะห์ผลกระทบ ชี้ชัดอินฟลู-ยูทูปเบอร์ สมัคร สส.ไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม ไม่เป็นเจ้าของ-ถือหุ้นสื่อ เป็นผู้ใช้สื่อ
ครม. เห็นชอบงบเลือกตั้ง-ทำประชามติ 8,978 ล้าน
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป
ทะลุ 2 แสนคน แห่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า-นอกราชอาณาจักร
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า และเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สองของการเปิดให้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า พบว่า มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

