นักกฎหมาย กางคำพิพากษาศาลฎีกา สอนมวย 'ผู้ว่าฯชัชชาติ' ปม 'สวนชูวิทย์'

'ดร.ณัฎฐ์' นักกฎหมายมหาชน สอนมวย 'ผู้ว่าชัชชาติ' การยกให้ที่ดินสาธารณะของ 'ชูวิทย์' ตกเป็นที่ดินสาธารณะแล้ว แม้ไม่จดทะเบียนการยกให้และเสียภาษีทุกปีก็ตาม

28 มี.ค.2566 - ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ “ดร.ณัฎฐ์” นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ตรวจสอบกรณีสวนชูวิทย์ ว่าการอุทิศที่ดินให้ใช้เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน อาจกระทำโดยแสดงเจตนาโดยชัดแจ้งหรือปริยาย ที่ดินนั้นย่อมตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทันทีที่แสดงเจตนาอุทิศ ตาม ป.พ.พ.1304 ไม่จำต้องจดทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ต้องแสดงเจตนารับ มีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2555,4377/2549 วินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐาน ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11089/2556 เมื่อที่ดินตกเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้ว ผู้ยกให้จะทำหนังสือยกเลิกการยกให้ จึงไม่ทำให้ทีดินนั้นกลับคืนมาเป็นของผู้ยกให้อีก

การที่นายชูวิทย์ มีเจตนาอุทิศที่ดินให้เป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินในคดีรื้อบาร์เบียร์ โดยนายชูวิทย์ สร้างสวนชูวิทย์เพื่อประชาชนในการออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจเพื่อให้ศาลฎีกาลงโทษสถานเบา วิธีการอุทิศที่ดินเพื่อให้เป็นที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(2) จะด้วยวาจาหรือเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรยื่นต่อศาล ถือเป็นการอุทิศที่ดินให้เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสมบูรณ์แล้ว ตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน

เมื่อการอุทิศที่ดินให้เป็นประโยชน์สาธารณะ แม้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามความประสงค์ของผู้อุทิศ หรือใช้ประโยชน์ไม่ได้ ที่ดินนั้นยังคงสภาพเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน มีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2004/2544 5112/2538 3008/2535 วินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐาน

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า กรณีนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์พิจารณาเพียงว่า กทม.ไม่ได้มีส่วนร่วมเข้าไปปรับปรุงพื้นที่สาธารณะ ยังเป็นที่ดินเอกชนอยู่ และมีการจ่ายภาษีที่ดินอย่างต่อเนื่องตามกฎหมายที่ผ่านมา สรุปภาษาชาวบ้าน คือที่ดินยังเป็นของนายชูวิทย์ ถามว่าก่อนที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นายชัชชาติ ปรึกษานิติกรกทม.หรือฝ่ายกฎหมายหรือยัง

"ผมจะสอนมวยให้จะได้มีความรู้กฎหมายในการทำหน้าที่ผู้ว่า กทม.จะต้องยึดหลักกฎหมาย เน้นความถูกต้อง ไม่เน้นถูกใจ ผมไม่ได้รู้จักกับนายชูวิทย์ จอมแฉ หรือนายศรีสุวรรณ แต่จะให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชน จะได้เป็นทางออกของบ้านเมือง แม้จะเป็นเรื่องที่ดินส่วนตัวของนายชูวิทย์ แต่นายชูวิทย์ อุทิศที่ดินให้เป็นที่ดินสาธารณสมบัติที่ดินแล้ว เพื่อลดโทษคดีอาญาในชั้นฎีกาสถานเบา ถือเป็นเรื่องสาธารณะ ผมสามารถติชมด้วยความสุจริตได้ ให้นายชัชชาติไปอ่านแนวคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยได้ชัดแจ้งเพื่อสำเหนียกในการรักษาผลประโยชน์สาธารณะ

แม้นายชูวิทย์ จะมีทนายความข้างกาย ต้องยึดหลักกฎหมายเป็นที่ตั้ง หลักนิติรัฐ นายชูวิทย์สร้าง “สวนชูวิทย์” อุทิศที่ดินให้เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นการกระทำโดยปริยาย โดยยินยอมให้ประชาชนทั่วไปที่มิได้มีนิติสัมพันธ์ทางส่วนตัวกับนายชูวิทย์ ไม่ว่าทางใด ได้อย่างอิสระเสรี แม้ไม่ได้จดทะเบียนยกให้เป็นที่ดินสาธาณสมบัติของแผ่นดิน ที่ดินแปลงดังกล่าวตกเป็นที่ดินสาธาณสมบัติของแผ่นดินสำหรับประชาชนใช้ร่วมกันแล้วตาม ป.พ.พ.มาตรา 1403(2)"

เมื่อถามว่า เงื่อนไขการอุทิศให้ที่ไม่ตกเป็นของแผ่นดิน มีหลักเกณฑ์อย่างไรบ้าง นักกฎหมายผู้นี้ กล่าวว่า เคยมีคำวินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐานไว้ การยกที่ดินให้การทางราชการโดยมีเงื่อนไขว่าต้องเริ่มดำเนินการปลูกสิ่งปลูกสร้างอาคารภายในเวลาที่กำหนด หากหน่วยงานราชการไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไข ที่ดินไม่ตกเป็นสาธาณสมบัติของแผ่นดิน ตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2563

แต่กรณีของนายชูวิทย์ ต้องไปตรวจสอบคำอุทิศว่าการยกให้มีเงื่อนไขหรือไม่อย่างไร แต่หากอุทิศที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่มีเงื่อนไขดังกล่าว ที่ดินนั้นย่อมตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทันทีที่แสดงเจตนาอุทิศ แม้นายชูวิทย์เพิ่งคิดได้ภายหลังพ้นโทษแล้ว แม้กรุงเทพมหานครมิได้เข้ามาถือประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าว โดยนายชูวิทย์สร้างสวนสาธารณะเอง และเข้าครอบครองใช้ประโยชน์นานเพียงใด รวมทั้งเสียภาษีที่ดินให้แก่รัฐ ไม่ทำให้กรรมสิทธิ์ตกเป็นของนายชูวิทย์ได้อีก แม้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทางทะเบียนก็ตาม เพราะมาตรา 1306 ห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เทียบเคียงกับแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2004/2544 ให้ประชาชนเทียบเคียง เหมือนการอุทิศยกที่ดินให้เป็นถนนสาธารณะ หรืออุทิศที่ดินให้แก่สาธารณะประโบชน์ให้ประชาชนใช้ร่วมกัน หรืออุทิศให้แก่วัด โรงเรียน สาธารณะสถานต่างๆ พี่น้องประชาชนจะได้เห็นภาพชัดแจ้งยิ่งขึ้น

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่าวิธีการร้องขอให้กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบของนายศรีสุวรรณ ไม่เป็นประโยชน์และไม่สามารถยับยั้งการก่อสร้างได้ เพราะการที่นายชูวิทย์ อุทิศที่ดินให้สาธารณสมบัติของแผ่นดินในชั้นศาลฎีกาในคดีอาญา ศาลไม่อาจบังคับให้นายชูวิทย์ ผู้อุทิศไปจดทะเบียนโอนได้ มีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5727/2537 1272/2539 หากนายศรีสุวรรณจะทำเพื่อสังคมจริงๆ เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นมองว่าเป็นนักร้องบ้าง หิวแสงบ้าง ไปจับผิดนายชัชชาติ ผู้ว่า กทม.บ้าง แนะนำว่าควรไปยื่นฟ้องคดีแพ่งขอให้ที่ดินแปลงดังกล่าวตกเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และไต่สวนฉุกเฉินขอคุ้มครองชั่วคราว ห้ามดำเนินการก่อสร้างอาคารในพื้นที่ดินพิพาทและขอให้ศาลเรียกให้ กทม.เข้ามาในฐานะบุคคลที่สามหรือโจทก์ร่วมหรือจำเลยร่วมในฐานะผู้ร้องสอดตาม ป.วิแพ่ง มาตรา 57

ทั้งนี้ ตนไม่แน่ใจว่า นายศรีสุวรรณ ร้องให้ตรวจสอบในนามองค์กรสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย สมาคมมีอำนาจ ขอบเขตเพียงใด และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้จดทะเบียนไว้หรือไม่ อย่างไร เพราะที่ดินของนายชูวิทย์ เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ เป็นเรื่องทางแพ่ง ไม่เกี่ยวกับการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญหรือการใช้อำนาจทางปกครอง ไม่เกี่ยวข้องกับการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สส.รทสช. จี้ ‘ผู้ว่าฯกทม.’ เร่งแก้ปัญหาคนแร่ร่อน นอนเกลื่อนถนนริมคลองหลอด

สส.เกรียงยศ จี้กทม.เร่งแก้ปัญหาคนแร่ร่อนนอนเกลื่อนถนนริมคลองหลอดใกล้ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครแค่เอื้อม หวั่นชาวต่างชาตินำภาพไปเผยแพร่จะเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีกับเมืองท่องเที่ยว ดักคออย่าโยนให้แต่กระทรวงพม.

ชัชชาติ ลุยกินเมนูปลาหมอคางดำ แนะคนกรุงจับมาทำอาหาร สั่งห้ามเลี้ยง

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไลฟ์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก โดยเขียนแคปชั่นระบุว่า “เมนู ปลาหมอคางดำ” เผยภาพครัวที่กำลังทำอาหารเมนูปลาหมอคางดำ

นายกฯ ควงผู้ว่าฯกทม. ตรวจคลองโอ่งอ่าง ชุมชนวอนช่วยกระตุ้นท่องเที่ยวให้คึกคักอีกครั้ง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ อาทิ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางวันทนีย์ วัฒนะ