ผบ.ตร.ยันปฏิบัติการจับกุมตำรวจสันติบาลคลั่งเป็นไปตามยุทธวิธี ชี้การเจรจาล้มเหลวไม่สามารถหยุดยั้งได้ ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้สูญเสีย
16 มี.ค.2566 - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีปฏิบัติการพิเศษจู่โจมจับกุมตัว พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ ตำรวจสันติบาล เป็นเหตุให้เสียชีวิตภายหลังว่า ผลการปฏิบัติพอใจหรือไม่ ไม่ยากตอบ แต่ขอแสดงความเสียใจกับญาติของผู้สูญเสียมากกว่า ตกใจเหมือนกันหลังทราบข่าว เพราะการเข้าจับกุมเป็นการเข้าควบคุมสถานการณ์ เราต้องการทำเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานและผู้ก่อเหตุ กระทั่งมาทราบว่าเกิดการสูญเสียก็ขอแสดงความใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวยืนยันว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามยุทธวิธี เพราะได้รับแจ้งเหตุตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ได้มีการเข้าดำเนินการปิดล้อมพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ บก.น.2 ต่อมาได้มี พล.ต.ธ.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.เข้าไปควบคุมการปฏิบัติ มีการวางแผนการทำงานร่วมกับหมอจากกรมสุขภาพจิตเข้าไปช่วยการวางแผนเจรจาปิดล้อมพื้นที่ นำประชาชนใกล้เคียงออกไปพักอาศัยด้านนอก พยายามดำเนินการทุกมิติ เราพยายามลดการสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย เหตุการต่อเนื่องมาเรื่อยๆ มีการเข้าดำเนินการก่อนรุ่งสางแต่ไม่เรียบร้อย ส่วนหนึ่งจากการเข้าดำเนินการได้รับคำแนะนำจากหมอเพราะจากการดูจากสภาพต่างๆ ยากต่อการเจรจา การเจรจาน่าจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เรายังพยายามหาโอกาสเจรจา และจากการเข้าพื้นที่ผมได้มีโอกาสเจจรากับตำรวจคนดังกล่าวจนทราบว่าไม่น่าจะเจรจาได้แล้ว โดยผู้ก่อเหตุบอกไม่วางปืนเด็ดขาดจึงยากที่จะคุยจึงเข้าปฏิบัติการจับกุม
“การสั่งการเป็นไปตามแผนกรกฎ โดยเป็นอำนาจของเจ้าของพื้นที่คือผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 โดยมีตัวผม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.ท.สำราญ ร่วมชี้แนะสนับสนุนการทำงาน ส่วนการใช้กระสุนจริง เมื่อผู้ก่อเหตุใช้กระสุนจริงเจ้าหน้าที่ก็ต้องใช้กระสุนที่มีลักษณะที่เท่าเทียมกันเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน แต่เราก็มีกระสุนยางปืนไฟฟ้าเตรียมไว้ในกรณีที่เราสามารถหยุดยั้งอาวุธปืนเข้าได้ แต่ขณะเกิดเหตุเราได้รับรายงานจากชุดปฏิบัติการพิเศษว่าไม่สามารถหยุดยั้งได้จึงต้องใช้ยุทธวิธีตามขั้นตอนมาตรการตามสัดส่วนความจำเป็น เพราะเจรจาไม่เป็นผลแล้ว”ผบ.ตร.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการใช้เวลาในการควบคุมสถานการณ์นานเกินไปหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เผยว่า ตอบไม่ได้ว่านานเกินไปหรือไม่ แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ทำดีที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่แทบไม่ได้นอน เพราะต้องดูตามสถานการณ์ตลอดเจ้าหน้าที่ทำเต็มที่ ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากสภาวะจิตที่ไม่ปกติ ได้รับรายงานจากหัวหน้าของสารวัตรกานต์ว่า เมื่อได้รับการแต่งตั้งมาทำงานด้านการข่าวก็สามารถทำงานได้ แต่มีลักษณะพิเศษด้านอื่นแต่ยังไม่มีอะไรที่ผิดปกติ แต่ 5 วันก่อนเกิดเหตุเขาไม่มาทำงาน มีการเล่นไลน์ลักษณะแปลกๆ ทางหัวหน้าได้ดำเนินการไปตามแนวทางนโยบาย ตร. เมื่อเห็นลูกน้องมีอาการผิดปกติจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานทาง รพ.ตำรวจ แต่ติดต่อไม่ได้จึงไปพบที่บ้านเพื่อนำไปรักษาโดยนัดแนะกับ รพ.ตำรวจแล้ว และพึ่งทราบว่าเขาเคยรักษาตัวที่ จ.เชียงใหม่
เมื่อถามว่าอาการผิดปกติทางจิตมาจากการเสพกัญชาหรือไม่เพราะพบอุปกรณ์การเสพในห้องพัก ผบ.ตร.ตอบว่า ต้องให้หมอยืนยันอีกที เราไม่สามารถตอบแทนหมอได้
ถามต่อว่า การเจรจากับผู้ก่อเหตุเขามีความคับแค้นใจอะไร ผบ.ตร.เผยว่า จากการเจรจาเขากังวลเรื่องถูกวางยาพิษ หรือจะถูกคนมาทำร้าย ในฐานะคนเหนือด้วยกันก็คุยกันดี แต่เมื่อขอให้วางปืน เขาไม่ยอม แต่รับว่าไม่ทำใครแต่จะต้องมีปืน ก่อนจะไปคุยเรื่องพระเจ้าจึงรู้ว่าคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ จ.หนองบัวลำภู สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีนโยบายให้สอบสุขภาพจิตทางออนไลน์ทั่วประเทศ ผู้ก่อเหตุก็สอบผ่านหลุดจากกลุ่มเสี่ยงมาได้ จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. นำกลุ่มเสี่ยงมาวางแผนให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ว่ากลุ่มที่สอบสุขภาพจิตผ่านแล้วจะถือว่าปลอดภัย ใครที่เข้าข่ายน่าจะเป็นอันตรายต้องปรับระบบการทำงาน พยายามไม่ให้มีอาวุธปืน แต่ผู้ก่อเหตุคนนี้เคยผ่านการฝึกมา เรื่องการใช้อาวุธปืนเขาจะมีประสบการณ์ แม้กระทั่งการขอบุหรี่ เมื่อเจ้าหน้าที่นำไปให้ ถ้าเขาไม่อยู่ในจุดที่ได้เปรียบหรือเห็นตัวเขาจะไม่ยอมต้องส่งให้ในจุดที่เราไม่ได้ประโยชน์ เขาเป็นคนฉลาด
เมื่อถามว่าเหตุการณ์เข้าระงับเหตุทำไมถึงมีกระสุนเข้าตัวมากกว่า 1 นัด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ตอบว่า ขอตรวจสอบอีกที เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานเป็นลักษณะการระงับเหตุเข้าจับกุมและมีการยิงต่อสู้ และไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ
ถามอีกว่ายืนยันได้หรือไม่ผู้ก่อเหตุไม่ได้เกิดความเครียดจากการทำงานหรือการสั่งงานของผู้บังคับบัญชา ผบ.ตร.ตอบว่าไม่มี เพราะเท่าที่ได้รับรายงานมาที่หมุนมาอยู่ที่ตำรวจสันติบาลเป็นการสมัครใจกันระหว่างหน่วยงานของกองบัญชาการศึกษา เพราะมองว่าผู้ก่อเหตุไม่เหมะกับงานวิจัยด้านวิชาการ ประวัติเขาอยู่ที่ บช.ปส. เห็นว่าเคยทำงานด้านการข่าว จึงส่งตัวมาอยู่ที่สันติบาล เมื่อมาทำงานที่สันติบาลตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.ก็ยังไม่มีเหตุอะไรน่ากังวล ส่วนทรัพย์สินประชาชนที่ได้รับความเสียหายยินดีชดใช้ค่าเสียหาย และได้สั่งการให้ตำรวจสันตอบาลประสานกับญาติเรื่องการจัดงานศพและเงินสวัสดิการที่จะได้รับตามสิทธิ์ เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กต่าย' สั่งสอบ 'พ.ต.ต.' อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กระทำอนาจาร
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีเพจดังเผยแพร่ข้อมูลระบุว่า มีนักเรียนนายร้อยตำรวจ ถูกอาจารย์ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสารวัตร (สอบสวน) สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล
สันติผงาด‘น.1’ ‘ก.ตร.’ถกเดือด อาวุโสน้อยพรึ่บ
"นายกฯ อิ๊งค์" นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร. 20 พ.ย. แต่งตั้งรอง ผบ.ตร.-ผบช. กว่า 40 ตำแหน่ง จับตาถกเดือด!
นายกฯ ถึงไทย ‘บิ๊กต่าย’ เข้ารายงานปมร้อน จัดโผแต่งตั้ง รองผบ.ตร- ผบช. 20 พ.ย.นี้
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เข้ารายงานนายกฯถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่10/2567 ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เวลา 14.30 น.
'ฟิล์ม-เจ๊พัช' ระทึก! 'ผบ.ตร.' ชี้ผิดจริง หมดสิทธิ์ลอยกระทง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการออกหมายเรียก หรือหมายจับ ฟิล์ม-นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์
ตร.รอคำสั่งศาล จ่อตั้งรองผบ.ตร. สอบวินัยบิ๊กโจ๊ก
“บิ๊กต่าย” ขอไม่ก้าวล่วงคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด แจงไม่ว่าคำวินิจฉัยจะเป็นอย่างไรพร้อมปฏิบัติตาม
ผบ.ตร. ไม่ขอก้าวล่วง ศาลปกครองสูงสุด ชี้ขาด 'บิ๊กโจ๊ก' ขอคุ้มครองชั่วคราว
พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองยกคำร้องคุ้มครองชั่วคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ว่า ตนขอให้ความเห็นแบบกว้าง ๆ