เลขาฯ ป.ป.ช. แจง ปมชูวิทย์คุ้ยคุณสมบัติกรรมการ ป.ป.ช. ยันถูกต้อง ดูคดีการเมืองเป็นการสุ่มเลือก ไม่ได้เจาะจงใคร
15 มี.ค.2566 - นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวชี้แจงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับกรรมการ ป.ป.ช. คนหนึ่งในประเด็นขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการ ป.ป.ช. แต่ดูแลรับผิดชอบคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อช่วยเคลียร์คดี ว่า 1.การสรรหากรรมการ ป.ป.ช. ได้รับการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหา ประกอบด้วยประธานศาลฎีกาเป็นประธานกรรมการสรรหา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ประธานศาลปกครองสูงสุด และผู้ทรงคุณวุฒิอื่น ทำหน้าที่สรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นกรรมการ ป.ป.ช. โดยมีกระบวนการในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครเป็นกรรมการ ป.ป.ช. อย่างเข้มข้น จากนั้นผู้ได้รับการสรรหา เป็นกรรมการ ป.ป.ช. ยังต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นกรรมการ ป.ป.ช. อันเป็นการผ่านกระบวนการขั้นตอนการรับตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. อย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
2.การดูแลรับผิดชอบคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อช่วยเหลือคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ขอแจ้งข้อเท็จจริงให้ทราบว่า ในการแบ่งหน้าที่ และอำนาจให้กรรมการ ป.ป.ช. แต่ละท่านกำกับดูแลสำนักต่างๆ ในสำนักงาน ป.ป.ช. นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะใช้วิธีการสุ่มเลือกเพื่อมอบหมาย โดยประธานกรรมการ ป.ป.ช. และกรรมการ ป.ป.ช. แต่ละท่านมิได้เป็นผู้เลือกเอง และจะมีการสลับหมุนเวียนกันทำหน้าที่เมื่อครบระยะเวลาหนึ่ง (1 - 2 ปี) ซึ่งท่านดังกล่าวได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้กำกับดูแลสำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมือง และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 นับเป็นเวลาเพียง 1 ปีเศษ
อีกทั้งในการพิจารณาสำนวนหรือคดีต่างๆ นั้น การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะมีมติเพื่อมีความเห็นว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง คณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่
ส่วนการพิจารณาสำนวนในชั้นตรวจสอบ โดยเฉพาะเรื่องกล่าวหาร้องเรียนนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง เป็นอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะ ในการพิจารณา มิใช่อำนาจของกรรมการ ป.ป.ช.ที่กำกับดูแลเพียงท่านเดียวที่จะรับเรื่องหรือไม่รับเรื่องกล่าวหาไว้ดำเนินการ สำหรับกรณีการมีมติให้ไต่สวนบุคคลใด ก็เป็นอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะที่จะพิจารณา มิใช่อำนาจของกรรมการ ป.ป.ช. ที่กำกับดูแลเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กต่าย' ยันไม่ได้ลอยตัว ปม ป.ป.ช. รับไต่สวนจนท.รัฐ เอื้อทักษิณนอนชั้น 14 พร้อมทำตามกฎหมาย
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีมติให้ตั้งองค์คณะไต่สวนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ รวม12 ราย
'เด็จพี่' บอกอย่าให้ราคาก๊วนกดดัน ป.ป.ช.สอบป่วยทิพย์ชั้น 14
พร้อมพงศ์ชี้ อย่ากดดัน ป.ป.ช. กระบวนการยุติธรรมทางอาญาต้องอิสระ เลิกดูหมิ่นดูแคลน!
อดีตบิ๊กข่าวกรองฝาก ป.ป.ช.เร่งปมป่วยทิพย์ชั้น 14 บอกเป็นการคอร์รัปชันที่รุนแรงที่สุด
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ม็อบไม่ไว้ใจบุกปปช. กลุ่มต้านทักษิณบี้ชั้น14 กกต.ใกล้ปิดคดียุบพรรค
“ทวี” บอกเป็นเรื่องดี ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนป่วยทิพย์