'ผบ.ตร.'ขอโทษดาราสาวไต้หวัน ยันไม่ปลด 'ผบช.น.' สบช่องของบฯซื้อกล้องติดหมวกเพื่อความโปร่งใส

31 ม.ค.2566- ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงผลการสอบสวนตำรวจ สน.ห้วยขวาง เรียกรับเงิน 27,000 บาท จากนักดาราสาวไต้หวันที่ด่านตรวจหน้าสถานทูตจีน ถนนรัชดา วันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะมาเที่ยวเมืองไทยช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า อยู่ระหว่างรอรับฟังผลการสอบสวนของนครบาลเพื่อให้เกิดความชัดเจนทุกอย่าง อย่างไรก็ตามวันนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้มีคำสั่งให้ ผกก.สนห้วยขวาง ไปช่วยราชการที่ ศปก.บช.น. ตอนนี้จะเร่งให้มีการสอบสวนทั้งพยานและหลักฐานขณะซึ่งคณะกรรมการสอบสวนของนครบาลก็ทำงานอยู่ยืนยันว่าจะทำอย่างตรงไปตรงมาใครผิดก็ว่าไปตามผิดทั้งอาญาและวินัย ทางการปกครองจะดูว่าใครบกพร่องอะไรบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่าตำรวจที่ด่านตรวจในวันเกิดเหตุบางคนรับว่าผิด 157 แต่ไม่ยอมรับมาตรา 149 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่าผมไม่อยากจะพูดไปก่อน การตั้งด่านในวันนั้นมีคนจำนวนมากเราจะดูให้เกิดความชัดเจนทุกๆคนให้เกิดความเป็นธรรมใครผิดใครบกพร่องอะไรบ้างต้องขอเวลาสักระยะหนึ่งเพื่อให้เกิดความแน่ชัดทุกอย่าง เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย แต่ยืนยันว่าตรงไปตรงมาอย่างแน่นอน คนผิดต้องถูกลงโทษ ถามอีกว่าดาราสาวไต้หวันยังยืนยันว่ามีการจ่ายเงินให้ตำรวจจริงและทางพยานได้มีการให้ข้อมูลกับนายชูวิทย์ จะนำเข้าสู่สำนวนการสอบสวนหรือไม่ ผบ.ตร.ตอบว่า เรายินดีอยู่ระหว่างการประสานงานที่จะนำมาสอบสวน ถ้าเขาจะมาเมืองไทยเราก็ยินดีมาให้ปากคำ แต่ถ้าเขาไม่มาเกรงความปลอดภัยเราก็จะเดินทางไปสอบสวนเพื่อให้ได้รู้ความจริงให้ปรากฏชัดเจนว่าใครผิดบ้าง

เมื่อถามว่าถ้าไม่มีพยานหลักฐานนอกจากการกล่าวอ้างของทั้งผู้เสียหายและตำรวจจะได้บทสรุปหรือไม่ว่าใครผิดใครถูก เขาตอบว่า มี เพราะเราจะหาหลักฐานอื่นซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการต้องขอเวลาสักระยะ หลักฐานบางอย่างคงไม่ต้องรีบบอกทุกอย่างเดี๋ยวเราจะทำให้ตรงไปตรงมาแล้วกันขอให้เชื่อมั่นในเรื่องนี้ผมเข้ามาควบคุมดูแลด้วยตัวเอง รอรับการรายงาน ถามอีกว่าตำรวจถูกสังคมตั้งคำภามเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่และเชื่อฝั่งดาราสาวมากกว่ารู้สึกอย่างไร ผบ.ตร.เผยว่า ตำรวจไม่รู้สึกน้อยใจ เป็นธรรมดาประชาชนย่อมคาดหวังผู้บังคับใช้กฎหมายสูงอยู่แล้วยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด

“ตอนนี้ได้มีการเตรียมการวางระบบเพิ่มเติมในการวางตั้งจุดตรวจให้มีมาตรฐานมีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ จะนำกรณีนี้มาดูเพื่อให้เกิดความรอบคอบในอนาคตต่อไป” ผบ.ตร.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าการย้ายผู้กำกับสะท้อนอะไรในข้อเท็จจริงหรือไม่ เขาเผยว่า ส่วนหนึ่งมีความบกพร่องเกิดขึ้นจึงต้องให้ผู้กำกับมาช่วยราชการ ถามต่อว่านอกจากผู้กำกับแล้วยังต้องมีผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องในคืนนั้นด้วยหรือไม่ ถ้าผู้กำกับควบคุมไม่ดีรองลงไปก็สารวัตรปราบปราม รอง ผกก.ฝ่ายปราบปรามก็ต้องโดนด้วย เมื่อถามถึงนายชูวิทย์กดดันให้ย้าย ผบช.น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ตอบว่า ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง เรื่องความผิดของการตั้งจุดตรวจต้องเป็นระดับข้างล่างจริงๆแล้วเรามีคำสั่งในการกำกับดูแล ผู้บังคับบัญชา 2 ระดับจากผู้ที่ทำผิดขึ้นมา อย่างเช่นหัวหน้าด่านเป็นรองสารวัตร ก็จะมีสารวัตรฝ่ายปราบปรามและรองผู้กำกับฝ่ายปราบปรามต่อ แต่เมื่อคดีนี้เกี่ยวพันกับหลายๆเรื่องและเป็นเรื่องของชาวต่างชาติเราได้กำชับแล้วการตั้งจุดตรวจ ต้องมีมาตรฐานหัวหน้าสถานีหนีไม่พ้นความรับผิดชอบ ส่วนจะถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาลหรือไม่คงไม่ถึงขนาดนั้นต้องให้ความเป็นธรรมท่านด้วย

ถามอีกว่าผู้บังคับบัญชาถูกลูกน้องรายงานเท็จหรือไม่ในช่วงแรกหรือไม่ ผบ.ตร.ตอบว่า โดยหลักการแล้วผู้กระทำความผิดมักจะไม่ยอมรับ เราในฐานะผู้บังคับบัญชาต้องค้นหาความจริงให้ได้

เมื่อถามถึงที่ผ่านมาภาพลักษณ์ตำรวจเสียหายมากจะต้องทำอย่างไร ผบ.ตร.เผยว่า ช่วงนี้เป็นการแต่งตั้งโยกย้ายหลังจากนี้หลังจากเข้าไปรับตำแหน่งใหม่ต้องมีการประชุมวางมาตรการให้เข้มข้นขึ้นในการควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติของผู้บังคับของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงจัง ต้องโปร่งใสมากขึ้น โดยให้มีกล้องบันทึกถึงแม้จะยังไม่ครบแต่เราได้ของบประมาณเพิ่มเติมแล้ว เพื่อใช้ในการทำงานไม่ให้มีรอยโหว่ในการทำงาน

อยากให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นเราในฐานะผู้รักษากฎหมายถ้าผู้บังคับใช้กฎหมายคือตำรวจกระทำความผิดต้องลงโทษอย่างจริงจัง ตำรวจที่ดียังมีอีกมากอยากให้กำลังใจด้วย เราเป็นเมืองนักท่องเที่ยวตำรวจพื้นที่ตำรวจตมต้องดูแลนักท่องเที่ยวให้ดีที่สุด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมในฐานะหัวหน้าหน่วย ต้องขอโทษผู้ที่ได้รับความเสียหายในเรื่องนี้

เมื่อถามว่าตั้งแต่มารับตำรวจแห่ง 3-4 เดือน ตำรวจมีแต่เรื่องเสียหาย เขาตอบว่า มันเป็นโลกใหม่เป็นโรคยุคโซเชียล มีกล้องจำนวนมากการกระทำความผิดปกปิดได้ยากขึ้น จริงๆแล้วมันอาจจะมีมาแต่ยังไม่มีใครพบเห็นแต่ตอนนี้เมื่อพบเห็นก็ต้องแก้กันไป เชื่อว่าอนาคตจะต้องดีขึ้นแน่นอน อยากให้เห็นว่าตำรวจที่ดีๆก็มีเสี่ยงอันตรายในการจับกลุ่มคนร้ายอยู่เป็นจำนวนมาก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่าย' สั่งสอบ 'พ.ต.ต.' อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ กระทำอนาจาร

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  (ผบ.ตร.) เปิดเผยกรณีเพจดังเผยแพร่ข้อมูลระบุว่า มีนักเรียนนายร้อยตำรวจ ถูกอาจารย์ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และสารวัตร (สอบสวน) สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล

นายกฯ ถึงไทย ‘บิ๊กต่าย’ เข้ารายงานปมร้อน จัดโผแต่งตั้ง รองผบ.ตร- ผบช. 20 พ.ย.นี้

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เข้ารายงานนายกฯถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่10/2567 ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เวลา 14.30 น.

'ฟิล์ม-เจ๊พัช' ระทึก! 'ผบ.ตร.' ชี้ผิดจริง หมดสิทธิ์ลอยกระทง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการออกหมายเรียก หรือหมายจับ ฟิล์ม-นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์

ผบ.ตร. ไม่ขอก้าวล่วง ศาลปกครองสูงสุด ชี้ขาด 'บิ๊กโจ๊ก' ขอคุ้มครองชั่วคราว

พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองยกคำร้องคุ้มครองชั่วคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ว่า ตนขอให้ความเห็นแบบกว้าง ๆ

ปปช.ขอเวชระเบียนรพ.ตำรวจ 3 ครั้งไม่ให้ ต้องใช้สภาพบังคับตามพ.ร.บ.ปปช. งานนี้ มีติดคุก

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า ต้องใช้ไม้แข็ง

'บิ๊กต่าย' ชี้เวชระเบียน 'ทักษิณ' เป็นอำนาจ รพ.ตำรวจ มีคกก.พิจารณามอบให้ ป.ป.ช. หรือไม่

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจอห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. พยายามขอเวชระเบียนการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร