28 ม.ค.2566 - นายนิติธร ล้ำเหลือ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ผีหลอก" โดยนายนิติธร กล่าวว่า ทักษิณ ชินวัตร ปัจจุบันมีสภาพเป็นผีทางการเมือง แต่พยายามดิ้นรนส่งผ่านคำประกาศกลับบ้านผ่านอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาว ขณะที่อุ๊งอิ๊ง กลับรับเลือดโกหกจากพ่ออย่างเข้มข้น โดยไม่พูดความจริง ปฎิเสธแต่ว่าการเอาทักษิณกลับบ้านไม่ใช่เป้าหมายหลัก ไม่เกี่ยวกับแลนด์สไลด์ จึงเป็นการหลอกลวงและดูุูถูกประชาชน
อย่างไรก็ตาม หากพรรคเพื่อไทยยึดแนวทางประชาธิปไตยอย่างตั้งมั่นแล้ว อุ๊งอิ๊ง ซึ่งมีแนวโน้มเป็นแคนดิเดทนายกฯ ต้องให้ความชัดเจนในแนวทางของพรรคได้ เพราะหลักการสำคัญชองประชาธิปไตยคือการมีส่วนร่วม เมื่อหาเสียงให้ประชาชนเลือกพรรคและตัวเอง แต่การจับมือร่วมกับพรรคการเมืองอื่นกลับไม่ตอบ จะไปตัดสินใจเอง จึงเป็นการแยกตัวจากประชาชน
นายนิติธร กล่าวว่า พฤติกรรมของอุ๊งอิ๊งสะท้อนถึงการสืบทอดสายเลือดความปลิ้นปล้อนมาจากทักษิณผู้เป็นพ่อ เพราะพยายามแยกการกลับบ้านไม่เกี่ยวกับเสียงแลนด์สไลด์ ทั้งที่แต่ก่อนบอกแลนด์สไลด์เพื่อพาพ่อกลับบ้าน เมื่อกระแสกลับบ้านไม่ส่งผลดีแล้ว กลับไม่พูดถึง แต่ไปอีกทางหนึ่งว่ามุ่งมั่นการเลือกตั้ง แสดงว่ามีดีเอ็นเอพ่อเข้มข้นมาก
"กรณี (อุ๊งอิ๊ง) พูดเช่นนี้เห็นชัดเจนว่า ไม่สนใจใคร จะหลอก ใครจะเชื่อก็ช่วยไม่ได้ ใครจะโง่ก็ช่วยไม่ได้ เหมือนพ่อพูดดูถูกประชาชน และกลายเป็นเป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองของทักษิณ เมื่อผ่านเวลามาถึงตรงนี้ จึงสรุปได้ชัดเจนว่า การหลอกประชาชนเป็นทฤษฎีหลักทางการเมืองของทักษิณโดยตรง"
พร้อมทั้งเปรียบเทียบความเป็นประชาธิปไตยระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลว่า เพื่อไทยสาธารณชนเข้าใจว่าทักษิณเป็นเจ้าของพรรค สั่งการอยู่เบื้องหลังทั้งหมดได้เต็มที่ และสาวกพยายามกระเสือกกระสนให้อยู่ได้ภายใต้ระบบการเงิน การสั่งการ ส่วนกรรมการบริหารพรรคจึงไม่มีความหมาย
ดังนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องตรวจสอบความสัมพันธ์ของ ส.ส.เพื่อไทยกับทักษิณ โดยเอาบัญชีรายรับ รายจ่ายของทุกคนในปัจจุบันที่ยืนบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปรายปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปปช.) มาตรวจดู โดยนำบัญชีของแต่ละคนเงินต้องหายไปไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาทที่จะใช้ในการเลือกตั้ง ส่วนพรรคก้าวไกล การเป้นเจ้าของพรรคในสาธารณะของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะมีความเข้มขันน้อยกว่าทักษิณ
สิ่งสำคัญคือ พรรคการเมืองใดที่มีเจ้าของพรรคคนเดียว สามารถชี้ขาดอนาคตพรรคได้ พรรคนั้นไม่ใช่ ประชาธิปไตยแน่นอน ถ้าไม่เช่นนั้น รธน.คงไม่ต้องมากำหนดให้มีการประชุม มีกรรมการบริหาร และตั้งสาขาพรรคแน่นอน
อีกทั้งการพิจารณาในด้านการแทรกแซงการบริหารงานเมื่อครั้งเป็นรัฐบาล นายนิติธร กล่าวว่า ก้าวไกลยังไม่สามารถวิจาณ์ได้ แต่เพื่อไทยมีการแทรกแซงหรือไม่ ให้ย้อนไปดูนายเสนาะ เทียนทอง พูด ซึ่งเจ๊คงเข้าใจได้กับการก้าวก่ายการทำงานของรัฐมนตรี และถึงวันนี้ได้เคยแก้ไข ปรับปรุงข้อกล่าวหาของนายเสนาะแล้วหรือยัง
นอกจากนี้ กระบวนการเข้าสู่อำนาจรัฐและนิติบัญญัติ เพื่อไทยยังคลางแคลงใจในความบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ก้าวไกลแล้ว สังคมเข้าใจว่า ห่างไกลกับการทุจริตเลือกตั้ง รวมทั้งพิจารณาการทำหน้าที่ฝ่ายค้านช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก้าวไกลทำหน้าที่อย่างมุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง โดยมุ่งหวังผลการอภิปรายได้ดีกว่าเพื่อไทย และถ้าเทียบกับประชาธิปัตย์แล้ว ก้าวไกลทำหน้าที่ได้ถึงลูกถึงคนกว่า เพราะค้นข้อมูลอย่างมีระบบ และติดตามเรื่องได้ชัดเจน
นายนิติธร กล่าวถึงความเป็นประชาธิปไตยในหลักการและเนื้อหาว่า เมื่อทักษิณไปเกี่ยวข้องกับเพื่อไทยจึงทำให้เพื่อไทยไม่ได้ทั้งเนื้อหา และหลักการประชาธิปไตยที่เน้นการมีส่วนร่วม การตรวจสอบ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากตัวทักษิณเอง เพราะเป็นเผด็จการรัฐสภา มีผลประโยชน์ทับซ้อน ทุจริตเชิงนโยบาย และยังสงสัยกับความไม่พึงประสงค์ต่อสถาบัน
ส่วนก้าวไกล เนื้อหาได้ แต่หลักการยังมีความสงสัยกับการเกี่ยวข้องปฎิรูปสถาบันที่ยังไม่ชัดเจน จึงกังขาเจตนาจะล้มสถาบันกษัตริย์หรือไม่ ดังนั้น ก้าวไกลมีเนื้อหาและหลักการเชิงเปรียบเทียบดีกว่าเพิ่อไทยอย่างชัดเจนและสัมผัสได้เป็นรูปธรรมกว่า
"ในความเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยแล้ว ก้าวไกลจึงโดดเด่นที่สุด จึงสงสัยว่า ทำไมอุ๊งอิ๊ง จึงไม่กล้าออกปากว่า จะจับมือกับพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาล มีอะไรติดคอไม่ทราบ และทำไมเพื่อไทยจึงบอกว่าเป็นประชาธิปไทย ทั้งที่แยกแยกทั้งเนื้อหาและหลักการแล้วยังไม่เข้าข่ายอะไรเลย"
นายนิติธร อธิบายความเป็นประชาธิปไตยของก้าวไกลอีกว่า ยังมีเข็มมุ่งชัดเจน ขณะนี้ต่อสู้กับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ผ่านการอดอาหารและเรียกร้องการปล่อยตัวชั่วคราว แม้แนวทางยังไม่ชัดว่า จะพัวพันกับการปฏิรูป ม.112 ด้วยหรือไม่ แต่เพื่อไทยทำงานการเมืองที่ผ่านมาไม่ชัดเจนเช่นนี้
ส่วนพรรคฝ่ายที่ไม่เป้นประชาธิปไตยนั้น นายนิติธร กล่าวว่า พรรคร่วมไทยสร้างชาติ ที่สังคมเข้าใจเป็นพรรค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเนื้อหาการทำงานที่ผ่านมาแสดงถึงความไม่มีสัจจะทางการเมือง สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคมระหว่างการกินดีอยู่ดีของคนรวยกับคนจน การไม่ยึดมั่น รธน. เช่น การถวายสัตย์ บริหารประเทศสุ่มเสี่ยงกระทบให้สถาบันกษัตริย์เสียหาย ขณะเดียวกันการทุจริตสูงขึ้นอย่างมหาศาล กรณีการสงสัยกับนาฬิกายืมเพื่อน อีกทั้งยังมีความคลืบแคลงการแทรกแซงกระบวนยุติธรรมในกรณีคดีของบอส อยู่วิทยา และทุจริตทุนจีนสีเทาตู้ห่าว
ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังเข้าสู่อำนาจด้วยข้อเรียกร้องทั้ง กปปส.และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คือ จัดการระบอบทักษิณ แต่เมื่อทักษิณ ประกาศกลับบ้าน จึงเท่ากับเป็นข้อบกพร่องของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้อำนาจรัฐแล้วบริหารไม่เป็น จึงทำให้ระบอบทักษิณกับระบอบ 3 ป. มีสภาพเป็นลมใต้ปีกหนุนเกื้อกันทั้งคู่
ดังนั้น หลักทางการเมืองแล้ว คนชอบประชาธิปไตยต้องตอบให้ชัดด้วยการตรวจสอบ แยกแยะ อย่ามาบอกเพียงประชาธิปไตยคือชอบทักษิณ หรือชอบ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วกลายเป็นหลงลัทธิบูชาบุคคล เหตุนี้พี่น้องเสื้อแดงจึงไม่มีทางได้ประชาธิปไตย และไม่มีทางได้รับการสนับสนุนของอีกฝ่ายหนึ่ง เนื่องจากทักษิณทำลายคุณค่าประชาชน ประชาธิปไตย ซึ่งไม่แตกต่าง พล.อ.ประยุทธ์ สร้างกติกาเข้าสู่อำนาจด้วยประชาธิปไตยของตัวเอง จึงไปต่อไม่ได้ ประชาชนจึงจะต้องติดกับดักอีกหรือ?
"ทักษิณ ประกาศกลับบ้าน ยังพูดเรื่อง พูดไม่เกี่ยวเพื่อไทย ไม่เกี่ยวพลังประชารัฐ ไม่ใช้กฎหมาย แต่พูดเรื่องกลับมาจะติดคุกหรือไม่ ทำไมไม่พูด แล้วโยนให้อุ๊งอิ๊งลูกสาวเป็นผู้ประกาศ ทั้งที่ก้บอกว่าภารกิจหลักเอาพ่อกลับบ้าน แต่กลับพูดว่า แลนด์สไลด์ไม่เกี่ยวกับทักษิณกลับบ้าน แล้วคุณค่าประชาธิปไตยมีหรือไม่"
นายนิติธร ถามว่า อนาคตประชาชนจะอยู่กันแบบนี้หรือ อยู่เพื่อรอ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมา หรือรอทักษิณ กลับบ้าน ซึ่วเป็นเพียงสองทางเลือกให้ประชาชนเลือกเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องควรยมองว่าทางเลือกใหม่ว่า จะเอาอย่างไรก็ประเทศนี้
ดังนั้น ถ้าตอบไม่ได้ ก็รอทหารมายึดอำนาจอีก อีกทั้งทำไมต้องเอาชีวิตไปฝากไว้กับ พล.อ.ประยุทธ์ หรือ ทักษิณ เมื่อประชาชนต้องตายกับการเรียกร้องประชาธิปไตยแบบทักษิณที่ล้มเหลว และดูถูก หลอกลวงประชาชน อีกทั้งการชุมนุมเรียกร้องปฎิรูปประเทศแล้วต้องตายแต่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่บริหารไม่ได้ คุ้มกับการแลกแล้วหรือ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
ระทึกสุดขีด! 22 พ.ย. ศาลรธน.ลงมติ 'รับ-ไม่รับ' คำร้อง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ล้มล้างการปกครอง
คอนเฟิร์ม ศุกร์นี้ 22 พ.ย. 9 ตุลาการศาลรธน.นัดประชุมวาระพิเศษ หลังงดมาสองรอบ เตรียมนำหนังสือ-ความเห็นอัยการสูงสุด กางบนโต๊ะประชุม ก่อนลุ้นโหวตลงมติ”รับ-ไม่รับคำร้อง”คดีทักษิณ-เพื่อไทย โดนร้องล้มล้างการปกครองฯ
'แพทองธาร' โชว์วิชั่น การเมืองมีเสถียรภาพ ประเทศไทยจะดีขึ้น!
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ไทยสงบ สันติ หวังรัฐบาลเปลี่ยน นายกฯเปลี่ยน แต่นโยบายเพื่อปชช.เดินหน้า บอกต่างชาติเจอคำถามแรกถามพ่อ-อาเป็นอย่างไร ย้ำการเมืองมั่นคง มีเสถียรภาพแน่นอน
ไทยในสายตาต่างชาติ (ตอนที่ 48: พระราชกฤษฎีกา 1 เมษายน 2476 คือ การทำรัฐประหารเงียบหรือ ?)
ในตอนที่แล้ว ผู้เขียนได้สรุปเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่เป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่การประกาศพระราชกฤษฎีกาวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2476
'ชูศักดิ์' บอกรู้ตั้งแต่เห็นคำร้อง 'ธีรยุทธ' ไปไม่ได้ เหตุไม่เข้าเกณฑ์ล้มล้างปกครอง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณา
นายกฯ มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณเป็น 'ค่าของแผ่นดิน' ขอช่วยผลักดันนโยบาย
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณเป็น “ค่าของแผ่นดิน” ประจำปี 2566 โดยมี