'นักเรียนนอก' ไม่ชอบใจบอก ศธ.เลิกระเบียบทรงผมยิ่งทำให้ 'เสรีทรงผม' ไกลกว่าเดิม!

'พริษฐ์' ชี้ 'ศธ.' ยกเลิกระเบียบทรงผม ไม่ได้แก้ปัญหา ยิ่งเปิดช่องโรงเรียนออกกฎไร้ขอบเขต แนะต้องมีมาตรฐานให้ชัดห้ามโรงเรียนบังคับทรงผมเด็ก

25 ม.ค.2566 - นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงนามยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 เปลี่ยนเป็นการกำหนดแนวปฏิบัติกว้างๆ เกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนหรือนักศึกษา ให้สถานศึกษาแต่ละแห่งนำหลักเกณฑ์ไปกำหนดเป็นระเบียบหรือข้อบังคับเอง ว่าถ้าพูดเฉพาะประเด็นการกำหนดทรงผม สิ่งที่รัฐมนตรีทำ ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องทรงผมของนักเรียน และอาจทำให้เป้าหมาย เสรีทรงผมห่างไกลกว่าเดิม เพราะการยกเลิกกฎระเบียบส่วนกลางเกี่ยวกับทรงผม และโอนความรับผิดชอบและการตัดสินใจทั้งหมดไปที่โรงเรียน จะยิ่งเปิดช่องให้โรงเรียนแต่ละแห่งออกกฎเกณฑ์เรื่องทรงผมที่ละเมิดสิทธิผู้เรียนอย่างไรก็ได้แบบไร้ขอบเขต เช่น โรงเรียนแห่งหนึ่งสามารถออกกฎให้เด็กทุกคนต้องโกนหัวก็ได้ ดังนั้น ถ้าอยากแก้ปัญหาจริงๆ กระทรวงควรออกระเบียบหรือมาตรฐานขั้นต่ำจากส่วนกลางให้ชัด ห้ามไม่ให้โรงเรียนออกกฎระเบียบตนเองที่บังคับเด็กเรื่องทรงผม

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า หากมองในภาพรวม เรื่องนี้ยังสะท้อนปัญหาของ ศธ.ปัจจุบัน เกี่ยวกับการวางบทบาทตนเองกับโรงเรียนที่ดูกลับหัวกลับหาง ในเรื่องที่กระทรวงควรกำชับทุกโรงเรียน กลับไม่ทำ ในเรื่องที่ควรให้อิสระแก่โรงเรียนกลับไม่ให้ ซึ่งทำให้ปัญหาของการศึกษาไทยไม่ถูกแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมองว่าสิ่งที่กระทรวงควรให้อิสระแก่โรงเรียนในการบริหารจัดการ แบ่งเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1. ด้านงบประมาณ เช่น การจัดสรรงบประมาณให้โรงเรียนแบบไม่กำหนดวัตถุประสงค์ 2.ด้านบุคลากร เช่น ให้โรงเรียนมีส่วนร่วมในการสัมภาษณ์และคัดเลือก และ 3.ด้านวิชาการ เช่น การออกแบบหลักสูตรของโรงเรียนที่สอดคล้องต่อความต้องการของผู้เรียน

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ส่วนการคุ้มครองสิทธิของนักเรียน สิ่งที่กระทรวงควรกำชับทุกโรงเรียน มี 3 อย่าง ได้แก่ 1. กำหนดให้ชัด กฎโรงเรียนต้องไม่ขัดหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งครอบคลุมกว่าแค่เรื่องการบังคับทรงผม เช่น เสรีภาพในการแสดงออก ห้ามให้มีการลงโทษด้วยวิธีรุนแรงทุกประเภท ห้ามบังคับให้เด็กบริจาคเงินหรือสิ่งของ ห้ามการบังคับซื้อของ 2. พักใบประกอบวิชาชีพครูทันทีเมื่อมีการละเมิดสิทธิเด็ก เช่น การทำร้ายร่างกายเด็ก การล่วงละเมิดทางเพศ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการงดโทษหรือลงโทษเพียงแค่ย้ายโรงเรียน และ 3. จัดให้มีกลไกการร้องเรียนที่เป็นอิสระจริงจากโรงเรียนและเขตพื้นที่ ซึ่งอาจขึ้นตรงกับรัฐมนตรีฯ ศึกษาธิการทั้งหมดนี้เป็นข้อเสนอของพรรคก้าวไกลในการปฏิรูปการศึกษาไทยที่เราจะผลักดันทันทีหากได้เป็นรัฐบาล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลรธน.ยืนยัน ‘อุดม’ ไม่เสียดสี แค่ตอบ ‘ข้อกม.’

ศาลรัฐธรรมนูญทำหนังสือตอบกลับสภาผู้แทนฯ ยืนยัน "อุดม สิทธิวิรัชธรรม" ตุลาการศาล รธน. แสดงความเห็นหลังยุบพรรคก้าวไกล "ยุบ 3 วันตั้งพรรค"

'ชัยธวัช' ยกอดีตมี 'นิรโทษกรรม ม.112' จี้พรรคการเมืองตกผลึกได้แล้ว

'ชัยธวัช' จี้ 'พรรคการเมือง' ควรรีบตกผลึก 'นิรโทษกรรม' เหตุ ปปช.รออยู่ ชี้ ในอดีตก็มี 'นิรโทษกรรม ม.112' มาแล้ว ไม่เกี่ยวกับความจงรักหรือไม่จงรักภักดี บอกของ กมธ. เป็นแค่รายงานศึกษา ขอ 'รัฐบาล' อย่ากังวลจนเกินไป

'พริษฐ์' หวั่นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ใช้ไม่ทันเลือกตั้งครั้งหน้า!

'พริษฐ์' ห่วง รธน.ฉบับใหม่ คลอดไม่ทันก่อนเลือกตั้งครั้งหน้า เผย ยื่นร่างแก้ รธน. ทบทวนเงื่อนไขยุบพรรค-นิยามมาตรฐานทางจริยธรรม เลิกให้ศาล รธน.ผูกขาดการตีความ เปลี่ยนเป็นระบบแสดงความรับผิดชอบ