'สนธิญา' ร้องกลับ! บี้ กกต. ฟัน 'สมชัย-วีระ' ใส่ร้าย เหตุแค้นบิ๊กตู่

‘สนธิญา’ ร้อง กกต. ฟัน ‘สมชัย-วีระ’ ใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือไม่ ปมประชุมใหญ่ รทสช. เหตุแค้น ‘บิ๊กตู่’ ชี้ผิดโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 1 แสน หากเสรีรวมไทยรู้เห็นถึงขั้นยุบพรรค

23 ม.ค. 2566 – ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อตรวจสอบกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย และนายวีระ สมความคิด ประธานยุทธศาสตร์ด้านการต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคเสรีรวมไทย และพรรคเสรีรวมไทย ยื่นให้ตรวจสอบ 5 ประเด็น เกี่ยวกับการประชุมใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2566 ว่า เป็นการกระทำใส่ร้ายด้วยความเท็จทำให้เกิดความเสียหาย เข้าข่ายผิดมาตรา 101 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าในประเด็นที่นายสมชัย และนายวีระ กล่าวหาว่าการประชุมในวันดังกล่าวได้มีการขนคนมาร่วมประชุมอาจผิดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญนั้น เห็นว่ารัฐธรรมนูญให้สิทธิบุคคลในการรวมกลุ่มทำอะไรก็ได้ รวมถึงจัดตั้งพรรคการเมือง ซึ่งการบอกว่าการขนคนมีการให้ทรัพย์สิน เข้าข่ายจูงใจ จึงต้องให้ กกต. ตีความว่ากรรมการบริหารพรรคมีส่วนรับรู้หรือไม่

ส่วนการแจกหมวก แจกเสื้อนั้น ตนเห็นว่าในการประชุมดังกล่าว พรรคได้มีการเขียนไว้ชัดเจนว่าเป็นทรัพย์สินของพรรค ดังนั้นใครที่จะนำมาแจกจ่ายต้องพึงระวัง ในวันนั้นเป็นการประชุมใหญ่ของพรรคมีการรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นสมาชิกพรรค ซึ่งพรรคต้องการความสวยงาม จึงมีการแจกเสื้อ และหมวกให้กับผู้ที่มาร่วมงาน เพราะต้องการสื่อให้ประชาชนทั้งประเทศรับรู้ เมื่อถึงเวลาจะเดินทางกลับหากมีการคืนสิ่งเหล่านั้นให้กับพรรคก็ไม่มีปัญหา สำหรับการปราศรัยของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ตนไม่ก้าวล่วง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อยากให้ กกต. พิจารณาว่าสิ่งที่นายไตรรงค์ ถูกกล่าวหาจากนายสมชัย จริงหรือไม่อย่างไร

นายสนธิญา กล่าวว่า การที่นายสมชายอ้างว่ามีการเชิญนักร้องมาร้องเพลงช่วงพักการประชุมของพรรค เข้าข่ายจัดมหรสพนั้น ตนเคยสอบถาม กกต.หลายคน ได้รับคำยืนยันว่าก่อนที่ผู้สมัครและพรรคการเมืองจะได้เบอร์ที่จะใช้หาเสียง การแห่กลองยาว ไม่ถือว่าเป็นความผิด แต่ถ้าได้เบอร์ แห่ออกมามีสิทธิที่จะรับใบแดง ดังนั้นการที่นักร้องขึ้นมาร้องเพลง ก็ต้องให้ กกต. วินิจฉัยว่าเป็นการจัดมหรสพหรือไม่ นอกจากนี้ที่กล่าวหาว่าในการประชุมใหญ่ไม่มีการเซ็นชื่อของผู้เข้าร่วมประชุม เห็นว่าไม่ว่าจะมีการเซ็นหรือไม่ ไม่จำเป็นจะต้องรายงานใครให้ทราบ ยกเว้นรายงานให้ กกต. ทราบเท่านั้น ซึ่งในวันที่มีการจัดงานพรรคได้มีการเชิญ กกต. ส่วนหนึ่งไปร่วมสังเกตการณ์อยู่แล้ว

“สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเชื่อว่านายสมชัย ได้นำความรู้สึกโกรธ เกลียดชัง ไม่ชอบ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการส่วนตัว เนื่องจากเมื่อปี 2561 พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 มีคำสั่งหัวหน้า คสช. ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. ซึ่งสร้างความโกรธเคียง โกรธแค้น ให้กับนายสมชัย มาเป็นลำดับ” นายสนธิญา ระบุ

นายสนธิญา ยังยกตัวอย่างการกระทำของนายสมชัย ที่เห็นว่าเข้าข่ายโกรธแค้นเกลียดชัง พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2565 นายสมชัยโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ไม่ถึงสิ้นเดือน ก.พ. 2565 ซึ่งตนได้เข้าไปตอบโต้ว่าถ้าหากรัฐบาลอยู่เกินกว่าระยะเวลาที่ระบุ นายสมชายพร้อมที่จะยุติการต่อว่ารัฐบาลหรือไม่ แล้วถ้าหากรัฐบาลอยู่ไม่ถึงสิ้นเดือน ก.พ.จริง ตนก็พร้อมจะยุติการเคลื่อนไหวทางการเมืองเช่นกัน แต่ปรากฏว่านายสมชัยไม่ได้รับคำท้าและยังมีการบล็อกเฟซบุ๊กส่วนตัวของตน และการยุบสภาก็ไม่ได้เกิดขึ้นตามที่นายสมชัยได้ระบุไว้

นอกจากนี้ประมาณเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2565 นายสมชัย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะทำให้พรรค รทสช. ถูกยุบ เพราะท่านได้กล่าวว่าจะเป็นแคนดิเดนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวของพรรค ซึ่งก็ไม่จริงเพราะขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และแม้ขณะนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นสมาชิกพรรคแล้ว ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และพรรครทสช.ก็ยังไม่ได้มีการประกาศว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพียงคนเดียว การวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ของนายสมชัย เกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ สร้างความเคลือบแคลงให้สังคมเกิดความสงสัย ซึ่งไม่ทราบว่าทั้งนายสมชาย และนายวีระ กระทำในนามบุคคลหรือในนามพรรค

“จึงอยากให้ กกต. ตรวจสอบ หากพบว่าเป็นความผิดส่วนบุคคล มาตรา 101 กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนถ้าพบว่าพรรครู้เห็นเกี่ยวข้อง กกต. จะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค” นายสนธิญา ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่นายสนธิญายื่นคำร้อง ได้มีการแจ้งผู้สื่อข่าวว่านายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ อีสาน อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะมาร่วมยื่นคำร้องดังกล่าวต่อ กกต. แต่พบว่ามีเพียงนายสนธิญามายื่นคำร้องเพียงคนเดียว และอ้างว่านายเสกสกล ตั้งใจมายื่นคำร้องด้วยตนเอง แต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาระบุว่าติดภารกิจสำคัญไม่สามารถเดินทางมาได้ โดยนายเสกสกลระบุว่าหาก กกต. เรียกเข้ามาให้ข้อมูลก็พร้อมที่จะนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงว่า รทสช. ไม่ได้มีการกระทำอย่างที่นายสมชัยกล่าวหา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'แก้วสรร' แนะ 'ธีรยุทธ' ปรับยุทธวิธี เสริมความแกร่งของสำนวนมุ่งไปที่ กกต.-ปปช.

หลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ

'พงษ์ศักดิ์' แชมป์เก่า 6 สมัย ร้องประธาน กกต. สั่งระงับรับรองผลเลือกตั้งนายก อบจ.ขอนแก่น

นายพงษ์ศักดิ์ ตั้งวานิชกพงษ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น หมายเลข 2 ได้ทำหนังสือเข้าร้องเรียน ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังตรวจพบว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น หมายเลข 1 ได้หาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเฟสบุ๊ค จ

‘สนธิญา’ ยื่น กกต.สอบ ‘ทักษิณ’ ถือสัญชาติไทย-มอนเตฯ หรือไม่ เสี่ยงผิดกม.เลือกตั้งท้องถิ่น

สนธิญา ยื่น กกต.สอบ ทักษิณ ถือสัญชาติไทย-มอนเตฯ หรือไม่ เสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น-พรรคการเมือง-รธน. ห้ามคนต่างชาติเอี่ยวการเลือกตั้งทุกระดับ  พ่วงร้องสอบหาเสียงหยาบคาบ เป็นเท็จ อาจทำเลือกตั้ง อบจ.อดุรฯ โมฆะ 

ฟิล์ม-รัฐภูมิ ยื่น กกต.ไขก๊อกพ้นสมาชิก พปชร. ‘ไพบูลย์’ ชี้เรื่องส่วนตัวไม่กระทบพรรค

เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ที่ยังไม่รู้ว่าเขาผิดหรือเขาถูก เพราะเราไม่เกี่ยวข้อง และเรื่องนี้ไม่กระทบกับภาพลักษณ์พรรค ไม่ทำให้เรามีปัญหา

ดร.ณัฏฐ์ ชี้เลือกนายกอบจ.อุดร เพื่อไทยชนะไม่ขาดจะกระทบสนามใหญ่ เตือน 'ทักษิณ' ปากพาซวย!

“ดร.ณัฏฐ์” มือกฎหมายมหาชน ชี้ 'ทักษิณ ชินวัตร' ยกทัพไปช่วยหาเสียงนายกอบจ.อุดรธานี แม้เกณฑ์คนไปฟังเยอะ คะแนนสวนทาง หากไม่ชนะขาด กระทบต่อสนามใหญ่ ยกวาทะ 'ถ้าจะเลือกทักษิณ ให้เลือกเบอร์ 2' ระวังทำคนหลงผิดโทษถึงคุก! 

'ธนกร' หนุนรัฐบาลเร่งปราบนอมินี ธุรกิจอำพรางคนต่างด้าว แนะตั้ง KPI ประกบเห็นผลชัดใน 3 เดือน

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังจากมีคนต่างชาติลักลอบเข้ามา ประกอบธุรกิจต่างๆทั้งการขายสินค้าโรงงาน ร้านอาหาร และธุรกิจอื่นๆ หลายย่านในกรุงเทพฯ