มวลชนที่สนับสนุนประยุทธ์ในฐานะตัวบุคคล ไม่ใช่มวลชนชนชั้นกลาง แต่อย่างใด เลยเราแทบไม่เห็นพนักงานออฟฟิศ ผู้ประกอบการ ข้าราชการ หรือนักศึกษาที่มาในงานนี้ ถ้าจะมีก็คงเป็นแฟนฮาร์ดคอร์อย่างคุณเจน เพจเชียร์ลุง หรือป้าแฟนฮาร์ดคอร์ของประยุทธ์จันทร์โอชาคนที่เคยตัดพ้อประยุทธ์ที่อยุธยา หรือคุณป้าผมขาวที่เราพบกันทั่วไปในเวทีเสื้อเหลืองต่างๆ
10 ม.ค.2566-นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thanapol Eawsakul ว่า คนรัก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หน้าตาเป็นอย่างไร
…………………..
(1)
สิ่งที่เป็นโจทย์ ทางการเมืองของผมตลอด หลังจากรัฐประหาร 2557 คือคนที่ยังรักประยุทธ์ จันทร์โอชา
หน้าตาเป็นอย่างไร
มีบุคลิกอย่างไร
และอะไรเป็นเหตุจูงใจที่ทำให้ “คนอย่างประยุทธ์”
(ถ้าเอาคุณสมบัติแบบนี้ไปถามก่อนรัฐประหาร ผมแน่ใจว่าจะไม่ได้รับความนิยมแต่อย่างใด)
ยังได้รับความนิยมอยู่ได้ในขณะนี้
สมมติฐานของผมก็คือว่า คนที่รักประยุทธ์นั้นคือปฏิกิริยาโดยตรงกับคนที่เกลียดทักษิณและอาจจะลามมาถึงธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ภายหลังการเลือกตั้ง 2562 และยิ่งมากขึ้นหลังการลุกขึ้นสู้ของขบวนการราษฎร 2563
เพราะ“คนอย่างประยุทธ์” คือคนเดียวที่มี ศักยภาพที่จะต่อต้านสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือภัยคุกคามต่อสถาบันกษัตริย์ คือการล้มเจ้า ซึ่งถูกปลุกระดมมาตั้งแต่ปี 2548 ภายใต้สโลแกน “เราจะสู้เพื่อในหลวง” ของสนธิ ลิ้มทองกุล
ซึ่งก่อนหน้านี้ พรรคประชาธิปัตย์โดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับภารกิจนั้ แต่ล้มเหลวในภารกิจดังกล่าวหลังจากแพ้เลือกตั้งในปี 2554
“คนอย่างประยุทธ์” คือตัวแทนอุดมการณ์กษัตริย์นิยม
ประยุทธ์ คือความหวังอันหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะต่อสู้ได้
การเลือกตั้ง 2562 เมื่อทักษิณเอาอุบลรัตน์ขึ้นมาเป้ฯแคนดิเดทนายกพรรคไทยรักษาชาติ ประุยุทธ์ก็ยิ่งโดดเด่นขึ้นมา
ดังนั้นเมื่อตั้งเป้าหมายเช่นนี้แล้วความสามารถอื่นๆไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ความสามารถในการปฏิสัมพันธ์ หรือแม้แต่มารยาทขึ้นพื้นฐาน อันที่เคยเป็นจุดอ่อนในการโจมตีนักการเมืองคนอื่นๆ
ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
หรือพูดง่ายๆ คือ จะถ่อยแค่ไหนไม่สำคัญ ขอแค่สู้กับพวกล้มเจ้าได้ก็พอ
(2)
สมมติฐานของผม ไม่เชื่อว่า “คนอย่างประยุทธ์” จะได้มีความนิยมด้วยตัวเองได้ขนาดนั้น แม้ว่าจะมีผลสำรวจที่ออกมาว่ายังมีความนิยมอยู่ก็ตาม
ถ้ากำเนิดของประยุทธ์ จันทร์โอชามาพร้อมกับขบวนการกปปส. ที่นิยามว่าตัวเองคือคนดี
มาถึงตอนนี้ก็ต้องขายของหน่อยนะครับ หนังสือของประจักษ์ ก้องกีรติ
ให้คนดีปกครองบ้านเมือง : การเมืองวัฒนธรรมของขวาไทย
https://sameskybooks.net/index.php/product/9786169399452/
ได้เชื่อมโยงประเด็นความเป็นคนดีของกปปส. กับ “คนอย่างประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไว้อย่างแหลมคม
หรือแม้กระทั่งเพลงล่าสุดของพรรคพลังประชารัฐ คงไม่มีพรรคไหนในประเทศไทยที่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นพรรคคนดี
อุดมการณ์ของกปปส. คืออุดมการณ์ที่สู้กับพวกล้มเจ้าโดยการใช้ทุกวิถีทางตั้งแต่การพูดอย่าง อารยะ คำใหญ่คำโต ของระบอบประชาธิปไตย และวิธีการอย่าง “อนารยะ” อย่างเช่นพฤติกรรมถ่อยๆของพุทธะอิสระ หรือมือปืนป๊อปคอร์น และบรรดาโฆษกและนักปราศรัยของ เวที กปปส. ต่างๆก็ได้รับความยกย่อง
นี่คือตัวตัวและความนิยมต่อ“คนอย่างประยุทธ์ จันทร์โอชา”
(3)
ดังนั้นในโอกาสที่มีการเปิดตัวประยุทธ์ จันทร์โอชาในฐานะผู้สมัครและคนจะถือธงนำของพรรครวมไทยสร้างชาติในการเลือกตั้ง 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันที่ 9 มกราคม
ในฐานะผู้สนใจนักการเมืองอย่างประยุทธ์ จันทร์โอชาและมวลชนของประยุทธ์ ผมจึงมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเข้าไปสังเกตการณ์อย่างมีส่วนร่วมในเวทีวันนี้
ผมออกเดินทางจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงและไปต่อสายสีน้ำเงินเพื่อขึ้นสถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คนที่โดยสารรถไฟฟ้ามาเช่นเดียวกับผมมีไม่ถึง 5 คน
แต่เมื่อไปที่ศูนย์สิริกิต บริเวณที่จัดงานก็พบว่ามีมวลชนจำนวนมากที่มารออยู่แล้ว
การเดินทางของคนเหล่านี้มาโดยรถตู้และรถทัวร์ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
เวลา 4 โมงที่ไปถึงมวลชนก็รออยู่เต็มข้างหน้าไปหมดแล้ว
(4)
ที่น่าสนใจคือคนที่มาในวันนี้ถ้าเปลี่ยนเสื้อเหลือง เป็นเสื้อแดง และเปลี่ยนพื้นที่จากกลางแดด แยกราชประสงค์มาเป็นห้องแอร์อย่างศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต ก็แทบจะไม่ต่างกันนี่คือมวลชนรากหญ้า
ขณะเดียวกันเราก็เห็นได้ชัดเจนว่าคนเหล่านี้มีผู้สนับสนุนการเดินทาง
(น้อยมากที่จะเดินทางมาเอง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่มางานครั้งนี้จะไม่ได้อินกับประยุทธ์ จันทร์โอชา เช่นเดียวกับคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมที่ราชประสงค์ดังที่กล่าวไว้แล้ว )
หลังจากเดินสำรวจมวลชต่าง ๆ โดยรอบ ผมเข้าไปในหอประชุม หลังจากผ่านการตรวจอาวุธแล้วก็พยายามเข้าไปนั่งในที่ว่าง แต่เหมือนแต่ละกลุ่ม แต่ละบล็อกได้มีการจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว
จำได้ว่าเข้าไปนั่งตรงที่ว่างจุดหนึ่ง พอมวลชนจากเขตสะพานสูง เข้ามานั่งก็มีการเช็คชื่อกันพร้อมกับแจกเสื้อและหมวกรวมทั้งธงต่างๆปรากฏว่าผม “เป็นคนแปลกหน้า” มีมวลชนยกมือบอกกับคนที่คุมพื้นที่ว่ามีใครก็ไม่รู้มานั่งอยู่ด้วยผมเลยต้องออกไป
คนที่คุมพื้นที่แต่ละบล็อกคือคนที่ทำหน้าที่ประสานงานกับเวทีด้วยในการ ปรบมือ หรือชูธง
ดังนั้นวิธีการแก้ปัญหาของผมก็คือไปอยู่แถวหน้าเลยประมาณ 10 แถวแรก ซึ่งเป็นในส่วนของแกนนำและผู้ติดตาม อาศัยไปนั่งกับผู้ติดตาม บรรดาผู้ติดตามก็คงนึกว่าเราเป็นเด็กถือกระเป๋าเลยไม่ว่าอะไร แถมยังแจกเสื้อยืดและหมวกมาให้อีกด้วย
น่าสนใจว่าพรรคการเมืองอื่น ๆ สามารถทำอย่างเดียวกันได้หรือไม่
(5)
มวลชนที่มาในงานครั้งนี้เท่าที่ผมลองสำรวจดูน่าจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ
กลุ่มแรกคือมวลชนที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินและดูโดยส่วนใหญ่น่าจะเป็นมวลชนจากชลบุรีของสุชาติ ชมกลิ่นที่เคยป่าวประกาศก่อนหน้านั้นว่าจะมีมาร่วมถึง 5,000 คน
‘สุชาติ’ พร้อมช่วยลุงตู่ ตามคำมั่นไปไหนไปด้วย โวคนเมืองชลร่วมงาน พรึบ 5 พันคน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3763751
ซึ่งผมก็คิดว่าอาจจะเป็นราคาขี้โม้เกินจริง เพราคนเสื้อน้ำเงินกลุ่มเดียวเท่านั้นที่เป็นของสุชาติ ดังภาพตอนจบงาน
นอกจากนั้นในกลุ่มของสุชาติ ชมกลิ่นในฐานะรัฐมนตรีแรงงานก็มีองค์กรด้านแรงงานที่ตัวเองอุปโลกน์ขึ้นมาด้วยเช่นกัน
กลุ่มที่ 2 คือมวลชนในกรุงเทพฯ เท่าที่ดูในสายตานั้นก็คงเป็นบรรดาผู้สมัครส.สในกรุงเทพฯเช่นเขตบางกะปิสะพานสูง ดุสิต บางซื่อ(ชัช เตาปูน) ทวีวัฒนา อะไรทำนองนั้น
กลุ่มที่ 3 คือบรรดาผู้สนับสนุนที่มากับบรรดาผู้สมัครส.ส. จากภาคใต้ คนเหล่านี้ถ้าดูจากการแต่งตัวก็จะแตกต่างจากมวลชน 2 กลุ่มแรกมากดูน่าจะเป็นทีมงานและผู้สนับสนุนที่นำมาแสดงพลัง
ที่น่าสนใจคือกลุ่มผู้ที่เรียกว่าเป็น คนรักประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น 80% เป็นผู้หญิง และน่าจะมีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป (ถ้าเทียบเอาผมเป็นเกณฑ์)
เราแทบไม่เห็นเด็ก เยาวชน หรือคนในวัยทำงานพนักงานออฟฟิศ ที่มาร่วมงานนี้เลย
ถ้าจะบอกว่าเวทีนี้ตรงข้ามกับเวทีไหนมากที่สุด
ก็ต้องเป็นการปราศรัยปิดของพรรคอนาคตใหม่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2562
ฟ้าลั่น! “เขาหาว่าฟ้าโดนหลอก”
https://www.the101.world/futurista/
(6)
ในส่วนที่ 2 ก็คือภาคบันเทิงในงานมีการเปิดเพลงของพรรครวมไทยสร้างชาติตลอดทั้งงาน สิ่งที่จำได้คือพรรคการเมืองนี้ที่กล้าประกาศว่าตัวเองเป็นพรรคคนดี ส่วนศิลปินที่มาในงานในวันนี้ก็คือ หรั่ง ร็อคเคสตร้า ศิลปินพันธมิตรและกปปส. ที่โด่งดังจากเพลงรักเธอประเทศไทย แต่ความไม่พร้อมของงานในวันนี้ตัวนักร้องยังมาต้องใช้ลิปซิ้งเลย ส่วนเพลงก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจอาศัยเสียงดังอย่างเดียว
คนที่นำบันเทิงน่าจะเป็นคนข้างล่างเวทีมากกว่า ป้าผมขาว ที่เราเห็นประจำเวลาม็อบฝ่ายขวา ก็ไม่พลาดในงานนี้
(7)
ส่วนที่ 3 คนปราศรัยเปิดคือไตรรงค์ สุวรรณคีรีในฐานะของคนที่ติดตามการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์และไตรรงค์ สุวรรณคีรีมาร่วม 30 ปี จุดแข็งที่สุดของไตรรงค์ สุวรรณคีรีคือการด่าทหาร (แต่บอกว่าตัวเองเป็นลูกเขยนายผล) และพวกนักการเมืองบ้านใหญ่ แบบพรรคชาติไทย ที่ขับเคี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ มาตั้งแต่ทศวรรษ 2530 ถึง 40 เมื่อฟังคำปราศรัยของไตรรงค์ ในทศวรรษ 2560 ก็เหมือนกับไตรรงค์ ลงกำลังด่าประยุทธ์จันทร์โอชาอยู่นั่นเอง
(น่าสนใจคือไตรรงค์ด่าทุนสีเทา คือโทมัส เตียวที่ภาคใต้ ซึ่งดทมัสเตียวคือถุงเงินให้กับพรรคประชาธิปัคย์ และต้นปี 2565 ไตรรงค์ก็ไปช่วยพรรคประชาธิปัตย์หาเสียงอยู่เลย)
‘สามสี’ แพร่คลิปขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรกในรอบ 8 ปี มีสาระปนฮาตามสไตล์ที่คุ้นเคย
https://www.thaipost.net/x-cite-news/65211/
เมื่อมาถึง “พระเอก” ของงานคือประยุทธ์ จันทร์โอชา จากคำบอกเล่าของพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาคที่บอกว่าคนในงานมาร่วมกันประมาณ 10,000 คน ผมไม่แน่ใจว่าตัวเลขจะเป็นจริงแค่ไหนแต่คิดว่ามากกว่า 7,000 คนอย่างแน่นอน และอาจจะถึง 10,000 คนก็เป็นไปได้
จุดไฮไลท์ที่สุดของประยุทธ์จันทร์โอชาในวันนี้ก็คือการปรากฏตัวและดูท่าทางของคนที่จะมาเข้าร่วมก็หวังเพียงแค่นี้จังหวะเดินเข้ามาของประยุทธ์จึงเป็นจังหวะที่พีคที่สุด
แต่ในส่วนของการปราศรัยนั้นถือว่าล้มเหลวเป็นอย่างยิ่ง
ชวนอ่านบทวิเคราะห์ความล้มเหลวของสปีช ประยุทธ์
ได้จากหนุ่มเมืองจันท์
https://www.facebook.com/boycitychanFC/photos/a.803675789687930/5803474826374643/
พอประยุทธ์เริ่มพูดไปสักพักคนก็เริ่มกลับแล้ว ซึ่งผมคิดว่าไม่แปลกแต่อย่างใดเพราะคนเหล่านั้นไม่ได้มาฟังประยุทธ์ เพียงแค่มาดูประยุทธ์ และไม่สนใจตด้วยว่าประยุท์พูดอะไร
เพราะสิ่งที่สำคัญคือประยุทธ์มาสู้กับพวกล้มเจ้า
(9)
ดังนั้นเลยไม่แปลกใจว่ารายการสุดท้ายคือการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีจึงกลายเป็นรายการที่กร่อยที่สุดของวัน
ดังรูปที่ผมถ่ายมาก่อนหน้านี้
https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/6065779970155458?notif_id=1673269319249058¬if_t=feedback_reaction_generic&ref=notif
(10)
ข้อสรุปว่าผมเห็นอะไรในเวทีวันนี้
1 มวลชนที่สนับสนุนประยุทธ์ในฐานะตัวบุคคล ไม่ใช่มวลชนชนชั้นกลาง แต่อย่างใด เลยเราแทบไม่เห็นพนักงานออฟฟิศ ผู้ประกอบการ ข้าราชการ หรือนักศึกษาที่มาในงานนี้ ถ้าจะมีก็คงเป็นแฟนฮาร์ดคอร์อย่างคุณเจน เพจเชียร์ลุง หรือป้าแฟนฮาร์ดคอร์ของประยุทธ์จันทร์โอชาคนที่เคยตัดพ้อประยุทธ์ที่อยุธยา หรือคุณป้าผมขาวที่เราพบกันทั่วไปในเวทีเสื้อเหลืองต่างๆ
- สิ่งที่เราเห็นในวงวันนี้ก็คือมวลชนรากหญ้า ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าคนเหล่านี้มาด้วยปัจจัยอะไร รักประยุทธ์จริงๆหรือเป็นเพียงแค่การได้รับผลตอบแทนในรูปแบบต่างๆ และคนเหล่านี้จะรักประยุทธ์มากกว่านักการเมืองคนอื่น ๆ หรือไม่
- พรรครวมไทยสร้างชาติได้ไม่เกิน 35 ที่นั่ง เพราะคนอย่าง ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ที่เชื่อมโยงไปยัง กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ของเสี่ยกลาง สารัชถ์ รัตนาวะดี นายทุนใหญ่ของพรรค
https://www.facebook.com/thanapol.eawsakul/posts/6064721366927985
ยังไม่ปรากฎตัวบยเวทีเลย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รทสช.ขยับทันควัน! หลังสื่อทำเนียบตั้งฉายา ‘พีระพัง‘
จากกรณี ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ได้ตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่
'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' ฉายารัฐบาลปี67 นายกฯ'แพทองโพย' อนุทิน'ภูมิใจขวาง' วาทะแห่งปี'สามีเป็นคนใต้'
สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายาปี 67 'รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง' ส่วนฉายานายกฯ 'แพทองโพย' 7 รมต.ติดโผ 'บิ๊กอ้วน-อนุทิน-ทวี' พ่วง 3 รมต.โลกลืม
โบว์แดง 'รทสช.' ผสานกำลัง 2 กระทรวงปลดล็อก 'โซลาร์รูฟท็อป'
ไทยเดินหน้าพลังงานสะอาด “หิมาลัย” เผย “พีระพันธุ์-เอกนัฏ” ผสานกำลังปลดล็อก “โซลาร์รูฟท็อป” สำเร็จ เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงพรรค
รทสช. ขยับแล้วหลัง 'ทักษิณ' ขู่ตะเพิดพรรคร่วมรัฐบาล!
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ
จับสัญญาณยุบสภา! 'ทักษิณ' ตบะแตก ผลักการเมืองไทยสู่จุดพลิกผัน
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การเมืองไทยมาถึงจุดพลิกผัน ก้าวสู่หนทางยุบสภา
'ธนกร' วอนโซเชียล-ฝ่ายค้าน ลดดรามาน้ำท่วมใต้ ยันรัฐบาลเร่งช่วยผู้ประสบภัย
'ธนกร' ขอโซเชียลลดดรามาน้ำท่วมใต้ ยัน รมต.ทุกกระทรวง ระดมกำลังดูแลผู้ประสบภัยเต็มที่ กระตุกฝ่ายค้านอย่ามุ่งโจมตีการเมือง แนะร่วมมือกันแก้วิกฤต