ป.ป.ช. ตีตก ปม กกพ.ถูกร้อง ฮั้วประมูลโรงไฟฟ้าชุมชน

5 ม.ค.2565 - นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า จากกรณีเรื่องกล่าวหาคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก(โครงการนำร่อง) ว่าพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าฯ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) โดยมิชอบ โดยพิจารณาให้บริษัทฯ ต่าง ๆ ที่มีกรรมการบริษัทเป็นบุคคลเดียวกันทั้งหมด เป็นผู้ผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติ อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มบริษัทดังกล่าว โดยไม่ได้ตรวจสอบการมีผลประโยชน์ร่วมกันของนิติบุคคลที่เป็นผู้สมัครรายต่าง ๆ และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ละเว้นไม่ดำเนินการตรวจสอบและยกเลิกการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอราคาครั้งดังกล่าวหรือตัดสิทธิบริษัทดังกล่าวทั้งหมดไม่ให้เป็นผู้ผ่านคุณสมบัติ เป็นผลให้มีหลายบริษัทที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติมีกรรมการบริษัทเป็นบุคคลเดียวกันแบ่งได้เป็น 7 กลุ่ม รวม 40 ราย จากผู้ได้รับการคัดเลือกทั้งหมด 43 รายนั้น

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตรวจสอบแล้วปรากฏข้อเท็จจริงว่าโครงการดังกล่าว มีผู้ยื่นข้อเสนอเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 246 ราย ในชั้นการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค คณะอนุกรรมการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอ ขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) ได้ตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ ของบริษัทที่ยื่นข้อเสนอขายไฟฟ้าในโครงการดังกล่าวพบว่ามีบริษัทผู้ยื่นคำขอเสนอขายไฟฟ้าโครงการดังกล่าวหลายบริษัท มีกรรมการบริษัทเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกันทั้งหมดตามที่กล่าวหาจริง

แต่เนื่องจากระเบียบดังกล่าว มิได้มีการกำหนดข้อห้ามในลักษณะดังกล่าวไว้ คณะอนุกรรมการฯ จึงทำความเห็นเสนอคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติฯ ว่าบริษัทดังกล่าวมีคุณสมบัติครบถ้วน จากนั้นคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติฯ ได้ให้ความเห็นชอบรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก ที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค จำนวน 95 โครงการ และมีผู้ไม่ผ่านจำนวน 151 โครงการ จากโครงการทั้งหมด 246 โครงการ โดยนายเสกสรร เสริมพงศ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ มีประกาศการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคโครงการฯ ซึ่งเป็นประกาศที่ผู้กล่าวหาโต้แย้งว่ามีการพิจารณาคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอโดยมิชอบ จากนั้นผู้ที่ไม่ผ่านการพิจารณาด้านคุณสมบัติและเทคนิคฯ จำนวน 118 ราย ได้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และมีผู้สมัครที่ผ่านการพิจารณาอุทธรณ์ดังกล่าวจำนวน 74 ราย ทำให้ท้ายที่สุดแล้วมีผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและความพร้อมด้านเทคนิค จำนวน 169 ราย

สำหรับการพิจารณาด้านราคาโครงการดังกล่าว ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการที่กำหนดไว้ในระเบียบดังกล่าว โดยพิจารณาซองเสนอราคาของผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติดังกล่าวทั้ง 169 ราย มีคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านราคาไม่ถูกต้อง จำนวน 10 ราย จึงนำคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านราคาที่ถูกต้อง จำนวน 159 ราย มาพิจารณา เรียงลำดับส่วนลดราคา (%) ศักยภาพระบบไฟฟ้า และเป้าหมายตามประเภทเชื้อเพลิงตามขั้นตอน จนได้ผู้รับการคัดเลือกรวมจำนวน 43 ราย ซึ่งมีบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกที่มีรายชื่อกรรมการและผู้ถือหุ้นเป็นบุคคลเดียวกันทั้งหมด จำนวน 7 กลุ่ม รวม 40 ราย ดังที่ผู้กล่าวหาได้นำเรื่องมาร้องเรียนยังสำนักงาน ป.ป.ช.

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ผู้ถูกร้องที่ 1 มิได้มีหน้าที่หรือส่วนเกี่ยวข้องในขั้นตอนการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าในโครงการดังกล่าว ที่ได้มีการออกประกาศการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เรื่อง รายชื่อผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 ตามที่กล่าวหา

สำหรับกรณีกล่าวหาคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) ผู้ถูกร้องที่ 2 นั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เรื่องนี้คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ ได้ตอบข้อหารือสรุปได้ว่า โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามระเบียบกกพ.ว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) พ.ศ. 2564 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ซึ่งกำหนดเกี่ยวกับการคัดเลือกหรือจัดหาและกำกับวิธีการดำเนินการไว้เป็นการเฉพาะ มิใช่การจัดซื้อจัดจ้างและการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุ ตามนัยมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างฯ

ดังนั้น จึงมิต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างฯ แต่อย่างใด ดังนั้น ผู้ถูกร้องที่ 2 จึงมีหน้าที่ในการพิจารณาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ยื่นข้อเสนอราคาโครงการดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) พ.ศ. 2564 เมื่อระเบียบดังกล่าวดังกล่าวมิได้กำหนดให้ผู้ถูกร้องที่ 2 มีหน้าที่ตรวจสอบการมีผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างผู้ที่ยื่นข้อเสนอ และมิได้กำหนดให้กรณีผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าต่างรายที่มีกรรมการบริษัทเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกันเป็นลักษณะต้องห้ามที่ต้องตัดสิทธิผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้ารายต่าง ๆ ที่มีกรรมการบริษัทเป็นบุคคลเดียวกัน จึงเห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 2 ดังกล่าว เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบดังกล่าวแล้ว ไม่ปรากฏว่าเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้ารายใดแต่อย่างใด

จากการตรวจสอบไม่ปรากฏพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินการไต่สวนต่อไปได้ จึงมีมติไม่รับเรื่องไว้พิจารณาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 49 และระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการตรวจสอบและไต่สวน พ.ศ. 2561 ข้อ 45 (1)

โดยมีข้อสังเกตว่าในกรณีที่บริษัทหลายบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) มีกรรมการบริษัทเป็นบุคคลเดียวกัน ซึ่งอาจมีผลประโยชน์ร่วมกันและอาจจะทำให้เกิดการได้เปรียบและเสียเปรียบกันได้ จึงให้แจ้งให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และผู้ที่เกี่ยวข้องทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แฉอีโม่ง วิ่งเต้นล้มปมชั้น 14 เตือนหยุดทำเถอะ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ให้จับตาดูวันที่ 15 ม.ค.ที่แพทยสภาขีดเส้นตายให้แพทย์รักษาทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 ส่งรายงานการรักษามาตรวจสอบการเอื้อหนีติดคุก แล้วยังต้องติดตามผลตรวจสอบของ ป.ป.ช.กรณีชั้น

'ชัยชนะ' ลั่นทักษิณไม่ผิด แต่เป็นผู้ได้รับผลของการกระทำนำตัวไปรักษาชั้น 14

นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราชและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)