1 ธ.ค.2565 - ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีการประกาศปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค 66 ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามกฎสัมปทาน สามารถปรับขึ้นได้ตามอัตราเงินเฟ้อภายใต้กรอบสัญญา ทั้งนี้จากรายงานของนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม. ระบุว่า เบื้องต้นมีการเจรจาให้ชะลอตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว และพยายามให้ชะลอไว้นานที่สุด แต่เนื่องจากกรอบสัญญาเปิดโอกาสให้ปรับขึ้นได้ตามที่ทำสัญญาไว้ล่วงหน้าอย่างถูกต้อง ถือเป็นสิทธิ์ของบีทีเอส ที่ผ่านมา กทม.ทำได้เพียงเจรจาขอให้ชะลอไว้เท่านั้น ถือเป็นข้อผูกพันตามรูปแบบสัมปทาน กทม.ทำได้เพียงขอความร่วมมือในการชะลอการปรับราคาออกไป หากบีทีเอส ไม่ตกลง กทม.ไม่มีอำนาจควบคุม บีทีเอส ในเรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตาม รายได้ของบีทีเอส ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งส่วนต่อขยายที่ 2 มีผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยได้ค่าแรกเข้าถึง 1,000 ล้านบาท หากนำผู้โดยสารเข้าระบบ 100,000 คน คิดคนละ 10 บาท วันหนึ่งจะมีจำนวนเงินมากมายหลายล้าน
ส่วนเรื่องการชำระหนี้ นายชัชชาติ กล่าวว่า คงต้องมีการเจรจา หากสามารถทำได้คงทำไปตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว เพราะเป็นเรื่องทางด้านเทคนิค การเป็นผู้ว่าฯกทม. จะนำเงิน กทม.มาจ่ายตามใจชอบไม่ได้ ต้องผ่านระบบงบประมาณ ผ่านการอนุมัติของสภา กทม. ซึ่งพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อหาจุดที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายไปด้วยกันได้ทั้งคู่ ตนยืนยันว่าการจ่ายเงินของกทม.ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย 100% เพราะมีตัวอย่างให้เห็นหลายกรณี ซึ่งสุดท้ายโดนเช็คบิลย้อนหลัง และที่สำคัญ เงินจำนวนนี้เป็นเงินภาษีของประชาชน ซึ่งถือเป็นบทเรียนว่าบางอย่างหากทำให้ครบถ้วนถูกต้องเรื่องราวจะง่ายขึ้น ดีกว่าทำเร็วแต่มีปัญหาตามมาในระยะยาว จึงต้องทำด้วยความรอบคอบ ทั้งนี้ ตนไม่มีเจตนากลั่นแกล้งใครเพียงแต่ขณะนี้ยังมีปัญหาเรื่องข้อกำหนด และข้อระเบียบราชการซึ่งเป็นกฎที่ต้องปฏิบัติตามให้ถูกต้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.สามารถ : เก็บค่าผ่านทางเข้าย่านธุรกิจ หาเงินซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าคืน
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครโพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “เก็บค่าผ่านทางเข้าย่านธุรกิจ หาเงินซื้อ
คนกรุงเลิกกลุ้มไม่ท่วม เคลียร์เชียงรายจบต.ค.
"นายกฯ อิ๊งค์" ตรวจเข้มสถานการณ์น้ำ ยันคนกรุงไม่ต้องกลุ้มใจ