ศาลยกฟ้อง 2 ข้อหา ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์ ปี 63 'มายด์' ตีขลุมชุมนุมไม่ผิด ทั้งที่อานนท์โดนคดี 112,116

28 พ.ย.2565 - ที่ศาลแขวงดุสิต ถนนนครไชยศรี ศาลนัดฟังคำพิพากษาในคดีการชุมนุม #เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาธิปไตย หรือ #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์ ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลเเขวงเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส. ชลธิชา แจ้งเร็ว , น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก, นายณรงค์ ดวงแก้ว, นายชูเวช เดชดิษฐรักษ์, น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูรณ์ผล และ นายชาติชาย แกดำ จำเลยทั้ง6 ในความผิดฐาน ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และ ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อ วันที่ 3 ส.ค. 2563 จําเลยทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นแกนนํากลุ่มเครือข่ายต่างๆ และเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ หรือเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบให้มีกิจกรรมการรวมกลุ่มชุมนุมสาธารณะ ร่วมกับ นายอานนท์ นําภา พวกของจําเลย ซึ่งถูกแยกฟ้องเป็นอีกคดีที่ศาลอาญา(คดี112) ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “ชุมนุมเพื่อขับไล่จอมวายร้าย และปกป้องประชาธิปไตย ด้วยการร่วมกัน เสกคาถาผู้พิทักษ์ เพื่อปกป้อง ประชาธิปไตย และขับไล่อํานาจมืด จากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร” ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีการตั้งเวทีปราศรัยอยู่บริเวณทางเท้าฝั่งหน้าร้านแมคโดนัลด์ รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดําเนินกลาง พวกจำเลยชักชวนให้ประชาชนมาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัย โดยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือคําสั่งของ พ.ต.อ.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร หัวหน้าสถานีตํารวจนครบาลชนะสงคราม เจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ ซึ่งได้กำหนดเงื่อนไขว่าการจัดการชุมนุมต้องให้ความสะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ ข้อความหรือป้ายต่างๆ ต้องเป็นข้อความที่ไม่หมิ่นประมาท ดูหมิ่นผู้อื่น และต้องไม่ยุยงปลุกระดม ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

จําเลยทั้งหกกันพวก ได้ร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกําลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีพูดร้องเพลงปราศรัยโจมตีรัฐบาลเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก เรียกร้องให้ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน และเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีประชาชนสนใจเข้าร่วมชุมนุมและรับฟังปราศรัยจํานวนมาก ประมาณ 200-300 คน ยืนกันหนาแน่นแออัด ไม่เว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตร ผู้ใช้ทางเท้าได้รับความเดือดร้อน ไม่สะดวกในการสัญจรผ่านตามปกติ

ประชาชนผู้ร่วมชุมนุมมีลักษณะสนใจฟังและคล้อยตามคําพูดของจําเลยทั้ง 6 กับพวก มีการร่วมกันปรบมือ ตะโกนโฮ่ร้อง แสดงความพึงพอใจ ผู้ชุมนุมมีการถือป้ายแสดงข้อความต่างๆ ในลักษณะดูหมิ่นรัฐบาล สถาบันฯ ให้ได้รับความเสียหาย ยุยงเสียดสีบุคคล ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ทั้งจําเลยทั้ง 6 กับพวกไม่จัดให้มีมาตราการป้องกันโรคโควิด-19 ตามที่ราชการกําหนด จึงเป็นการชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือเงื่อนไขของเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ

เหตุเกิดที่บริเวณทางเท้าหน้าร้านแมคโดนัลด์ สาขาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2563

โดยในวันนี้จำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาล

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายกิตติศักดิ์ กองทอง ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทนายความในคดีกล่าวว่า คดีนี้อัยการฟ้อง 3 ข้อหาประกอบด้วย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และ ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลยกฟ้อง2 ข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ เเละให้ลงโทษปรับจำเลยทั้ง6 คนละ200 บาทกรณีใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยศาลให้เหตุผลที่ยกฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้จัดการชุมนุมจริงผู้ชุมนุมปฏิบัติตามมาตรการการชุมนุม มีการเว้นระยะห่างเเละป้องกันโรคติดต่อ ส่วนที่มีการลงมาบนพื้นถนนบ้างก็เป็นเวลาเพียงนิดเดียวเจ้าหน้าที่มาบอกก็เชื่อฟัง การชุมนุมก็ใช้ระยะเวลาไม่นาน

ในส่วนที่มีป้ายข้อความการชุมนุมโจมตีรัฐบาลเเละสถาบัน โจทก์ไม่สามารถนำสืบให้เห็นได้ว่าข้อความดังกล่าวเป็นความผิดอย่างไร ยกประโยชน์เเห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง

เหตุการณ์ชุมนุมในคดีนี้เป็นเหตุการณ์เดียวกันกับที่ อานนท์ นำภา นักกิจกรรมทางการเมืองและทนายความสิทธิมนุษยชน ปราศรัยในประเด็นสถานะอำนาจของสถาบันกษัตริย์ ทำให้ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ศาลอาญา ในข้อหาตามมาตรา 112 และมาตรา 116 อีก 2 ข้อหา เพิ่มเติมจากข้อหาที่มีการดำเนินคดีกับจำเลยทั้ง 6 ในคดีนี้ ซึ่งสองข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดเกิน 3 ปี เกินอำนาจการพิจารณาของศาลแขวง อัยการจึงแยกสำนวนของอานนท์ออกเป็นอีกสำนวนและยื่นฟ้องต่อศาลอาญาแทน

ภายหลังฟังคำพิพากษาเสร็จแล้ว มายด์ ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นหมุดหมายที่ดี เพราะว่าคำพิพากษาที่ศาลว่าการชุมนุมแบบที่พวกเรากระทำนั้น ประชาชนสามารถทำได้รับรองตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็เป็นเครื่องยืนยันว่า เป็นเหตุทำให้พวกเราต้องออกมาพูดปัญหาบ้านเมืองให้ได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'พิธา' เผยไม่ได้เห็นต่าง 'ทักษิณ' เรื่องเปลี่ยนโครงสร้าง เหน็บอย่ามัวแต่พูด ถึงเวลาต้องทำแล้ว

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวระหว่างลงพื้นที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร

'เพื่อไทย' แถบอกรายงานนิรโทษกรรมแค่การศึกษาหากแก้ 112 จริงไม่ยอมแน่

'พท.' จ่อเห็นชอบรายงาน-ข้อสังเกตนิรโทษกรรม บอก แต่ละพรรคโหวตอย่างไร เป็นเอกสิทธิ์ ด้าน 'นพดล' ย้ำ ไม่มีความคิดนิรโทษความผิดม.110 และ 112

ไม่สำนึก! 'เฒ่าสามนิ้ว' จี้สภาฯล้างผิดคดี 112 อ้างเพื่อยุติความขัดแย้ง ประเทศเดินหน้าต่อได้

ตัวแทนเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน เข้ายื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)นิรโทษกรรม สภาฯ