25 พ.ย.2565 - ที่รัฐสภา นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกระจายอำนาจ การปกครองท้องถิ่น และการบริหารรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกมธ. ร่วมกันแถลงจุดยืนขอเสนอให้ทบทวนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และเห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความเป็นอิสระ
นายโกวิทย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้คณะกมธ.ฯถอนร่างพ.ร.บ.การเข้าชื่อถอดถอนฯ ที่ค้างอยู่ในการพิจารณาของสภาฯ วาระ 2 - 3 ออกไป เพราะมีปัญหามาตลอด ตั้งแต่ประเด็นการเปิดโอกาสให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ตั้งคณะกรรมสอบสวนสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น ล่าสุดยังมีประเด็นให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีสิทธิเข้าชื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งหากครบตามเกณฑ์จะทำให้หลุดจากตำแหน่งทันที ปัญหาคือมีการเปิดเผยรายชื่อผู้เข้าชื่อถอดถอนด้วย ซึ่งเป็นข้อถกเถียงกันว่าเปิดเผยได้หรือไม่ ซึ่งของเดิมการลงคะแนนจะเป็นเรื่องลับ ทั้งนี้ หากเปิดเผยอาจประเด็นที่นำมาสู่ความขัดแย้ง เพราะจะรู้หมดว่าใครเข้าชื่อถอดถอนจนเกิดปัญหาความไม่พอใจได้ เราจึงเสนอให้ทบมวนถอนร่างดังกล่าวกลับไปพิจารณาให้รัดกุมรอบคอบมากขึ้น ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 14 ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะมีการพิจารณาวันที่ 29 – 30 พ.ย.นี้ เราเห็นว่าจะเป็นประโยชน์หากแก้หมวดนี้ เพื่อให้ท้องถิ่นมีอิสระในการกำหนดนโยบาย มีอิสระในการบริหารงาน จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลหยิบยกกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูประบบราชการมาพิจารณา ดังนั้น เราเห็นว่าการทำหน้าที่ของสภามีประโยชน์กับประชาชนอย่างมาก หากยุบสภาพี่น้องประชาชนจะเสียประโยชน์หลายเรื่อง ตนอยากเรียกร้องให้ส.ส. ทำหน้าที่ต่อไปอย่างแข็งขัน เพื่อมีส่วนร่วมในการผลักดันกฎหมายสำคัญให้ประชาชน
นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ถ้าเราผ่านร่างกฎหมายการเข้าชื่อถอดถอนฯ ออกไปโดยไม่ศึกษารายละเอียด จะทำให้เกิดความขัดแย้งเรื่องการแข่งขันในตำแหน่งอย่างรุนแรง อาจถึงขั้นทำร้ายเข่นฆ่ากัน เนื่องจากมีการเปิดเผยรายชื่อซึ่งการถอดถอนเป็นเรื่องการทำลายอำนาจ เป็นความเห็นต่างอย่างรุนแรง เราจึงไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ และอยากให้ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปทบทวน ส่วนความเห็นเรื่องยุบสภา ตนเห็นว่าส.ส.ควรใช้เวลาในการทำงานฝ่ายนิติบัญญัติอย่างเต็มที่ในการออกพ.ร.บ.ต่างๆ ซึ่งปัญหาสภาล่มทำให้เสียโอกาสในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ที่ค้างอยู่ดังนั้น การยุบสภาโดยใช้เหตุผลทางการเมือง เพื่อสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบจึงไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ แต่ควรใช้อายุสภาที่เหลือยู่ทำหน้าที่ออกกฎหมาย และแก้กฎหมายที่ล้าสมัย เพื่อก่อให้เกิดโอกาสรายได้ความมั่นคงแก่ประชาชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' แจงเหตุไม่ร่วมดีเบต เป็นสไตล์ส่วนตัวไม่ชอบตอบโต้ ขอเอาเรื่องอธิปไตยให้จบก่อน
"อนุทิน" แจงเหตุไม่ร่วมดีเบต ภารกิจแน่น มองเรื่องความมั่นคงสำคัญกว่า เอาเรื่องอธิปไตยก่อน ยอมรับพูดไม่เก่ง ไม่ชอบตอบโต้ พยายามหลีกเลี่ยงทะเลาะกัน เผยจุดอ่อนให้พูด 3 ชั่วโมง ทำได้ แต่ให้พูด 2 นาที ทำไม่ได้
'เท้ง' โวย 'อนุทิน' สร้างวาทกรรม ปชน. แก้ ม.112 ทั้งที่พูดเรื่องนิรโทษกรรมคดีหมิ่นสถาบัน
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวตอบโต้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ต้องบอกว่าการยกมือในวันนั้น ไม่ใช่การเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 แต่เป็นการผลักดันเรื่องนิรโทษกรรมของนักโทษที่โดนคดีทางการเมือง
โฆษกรัฐบาล ยัน 'ศุภจี' ไม่ขาดคุณสมบัติ ไม่ไปเลือกตั้งท้องถิ่นจริง แต่ทำหนังสือแจ้งเหตุแล้ว
"สิริพงศ์" ระบุ "ศุภจี" มีเหตุไม่ไปเลือกตั้งท้องถิ่นจริง แต่แจ้งเหตุแล้ว ยันไม่ขาดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งการเมือง วอนอย่าสร้างความสับสน ให้คนทำงานเสียกำลังใจ
'เท้ง' ลั่นเลือกตั้งครั้งนี้ แข่งกันจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคประชาชนกับภูมิใจไทย
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ในเมื่อคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัดว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาชน
’อนุทิน‘ ชัด ไม่ร่วมรัฐบาลพรรคประชาชน ปมยังเดินหน้าแก้ ม.112
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุจุดยืนชัด ไม่จับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่ยังมีนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังดีเบตไทยรัฐทีวี ย้ำต่างอุดมการณ์ แต่ยังทำงานร่วมกันได้ หากเป็นเรื่องแก้ปัญหาประชาชน
'อนุทิน' เผย 'สีหศักดิ์' ตอบรับแคนดิเดตนายกฯ เหมาะสมสถานการณ์ชายแดน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเหตุผลที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยลำดับที่สอง

